คือผมไม่เข้าใจจริงๆครับ ยอด 1.8 นี่เงินหมุนๆแป๊บเดียวก็ถึงละ ไม่รู้ว่ากฎนี้ออกมาตั้งแต่สมัยไหน ต้องบวกกำไรทำให้ของแพงขึ้นอีก 7% แหม่ๆ SME คงจะไปสู้รายใหญ่เขาได้หรอก คือผมงงจริงๆเลย ผมรู้สึกสรรพากรจ้องแต่จะเก็บภาษีอย่างเดียวเลย ทำยังไงให้เก็บได้เยอะๆ โดยไม่ดูสภาพเศรษฐกิจ หรือวิธีทำธุรกิจของชาวบ้านเลย ว่าเขาทำกันยังไง รูปแบบไหนเพื่อให้ได้เงินมาบ้าง จริงๆผมอยากเห็นคนในสรรพากรที่ออกกฎ หรือคนที่ยอมรับกฎต้นทุน 60 กำไร 40 มาทำธุรกิจหรือขายของให้ดูจังครับว่าทำยังไง ทำไมเก่งจัง ลงทุนแค่หกหมื่นได้กำไรเกือบครึ่ง ธุรกิจนี้ถ้าลองคิดง่ายๆมันจะต้องเป็นสินค้าที่ผลิตเองหน่ะ ง่ายมาก ถ้ามันทำได้ทุกคนเป็นปกติอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำงานประจำกันแล้วว แต่ก็โอเค ถ้ามองมันเป็นค่าปรับสำหรับคนที่ไม่มีหลักฐานทางต้นทุน ทีนี้มาดูหลักฐานทางต้นทุน ทำไมถึงมีกฎในการยอมรับที่เป็นปัญหากับเจ้าของธุรกิจ ทำไมไม่พิจารณาด้วยวิจารณญาณที่มองก็น่าจะรู้แล้วว่าเนี่ย คือต้นทุน จริงๆไม่มีอะไรมาก แค่กำลังเลิกธุรกิจเพราะว่ายอดมันจะทะลุ 1.8 ล้าน เห็นแล้วมันเซ็งๆ คือตรรกะกำไรน้อย แต่ขายได้มากๆ มันทำเงินได้ง่ายจริงๆนะ แต่ต้องหยุดเพราะมันเจอสรรพากรคิดเอาเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่ากำไรของคนที่ใช้ตรรกะนี้ซะอีก มันชัดๆเลยว่า คนที่เขาหลบๆภาษีกันเพราะเขาเห็นแล้วว่ายื่นไป กำไรอาจจะหายหมดหรือเกือบหมด หรือไม่ก็ทะลุเข้าเนื้อไปเลยด้วยซ้ำ ถ้าใช้กฎที่ไม่สามารถยอมรับร่วมกันได้ จากนั้นแล้วยังไงต่อ พอเขาไม่สามารถยื่นได้เพราะว่ามันจะเข้าเนื้อหรืออะไรก็ตาม ตามไปยึดทรัพย์สินเขาจนหมดตัว ฟ้องล้มละลาย ฯลฯ จากที่ผมเคยอ่านๆมา โอ้วโหวว อ่านแล้วผมมีความรู้สึกอยากจะเอาเงินไปซื้ออย่างอื่นมาใช้แทนการจ่ายภาษีจริงๆนะครับ ถ้าจะทำกันขนาดนี้ จริงๆที่ยาวๆผมบ่นเฉยๆครับ จริงๆแค่สงสัยแค่ว่ามันเคยมีข่าวว่าจะปรับจาก 1.8 เป็น 10 ล้านแล้วใช้ในปี 2562 แล้วทำไมมันไม่เกิดขึ้นครับ...
### มันเกิดอะไรขึ้นถึงไม่มีการขยายฐานขั้นต่ำในการเก็บ VAT จาก 1.8 ไปที่ 10 ตามที่เคยออกข่าวว่าจะเอามาใช้ในปี 2562 ครับ..