ย้อนเวลากลับไปในปี 2004 มูลค่าโดยรวมของ เหรียญ Crypto ทั่วโลกโตอย่างพรวดพราดจาก 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์ มาเป็น 800 พันล้านเหรียญดอลล่าร์ในเดือน มกราคม 2018 แต่แล้วเดือนธันวาคม 2019 ก็กลับกลายเป็น “Crypto-Winter” มูลค่าลดหวบหาบ ตํ่ากว่า 100 พันล้านเหรียญ
.
หนึ่งปีครึ่งต่อมา ทุกอย่างดูเหมือนจะหายไป ทั้ง โฆษณา, สิ่งตีพิมพ์ และ Altcoins แต่ market cap ของ Crypto ได้รีบาวด์เป็น 250 พันล้านดอลลาร์ (ครึ่งหนึ่งของตลาดหุ้นไทย) และในจํานวนนั้นเป็น market cap ของบิตคอยน์(ในปัจจุบันมี Cryptocurrencies โดยรวม 5425 ชนิด. (Source: CoinMarketCap.com ดูชาร์ต)
.
กลุ่มที่เป็น early adopters ยังคงถือ Crypto อยู่ คิดว่าสามารถเปลี่ยนโลกได้ บางคนโชคดีได้ทำเงินและซื้อ lambo สีส้ม (แลมโบ้เป็น Crypto slang ย่อมาจากยี่ห้อรถอิตาลี Lamborghini เป็นเสมือนสัญลักษณ์ ของสิ่งที่นักลงทุนปรารถนา หากรวยจากการลงทุน) นักลงทุนหน้าใหม่มาช้า และขายด้วยความหงุดหงิด หรือปล่อยให้ Crypto ที่ลดค่าลงแช่อยู่ใน wallet
.
คุณได้สังเกตไหมว่า ดูเหมือนช่วงนี้ Crypto ได้กลับมาอย่างช้าๆ และเพิ่มมูลค่า ถ้าหากดูจากการค้นหาใน google ทั่วโลก ความสนใจกลับมาอีกครั้ง เพราะ covid-19 ราคาของ Bitcoin ยังอยู่ตํ่ากว่า 60% จากจุดสูงสุด แต่ได้กลับมาเพิ่ม 3 เท่าจากเหว ดูเหมือนว่า มีอะไรในกอไผ่
.
เราได้พูดคุยกับผู้ที่ทํางานทางด้าน Tech ก่อน covid-19 ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นพ้องต้องกันว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน จะคงอยู่ และเป็นส่วนสําคัญของการ disrupt ในอนาคต แต่ cryptocurrencies ที่เรารู้จักอาจจะหายไปและถูกแทนที่ด้วย stablecoins รวมทั้งมีการแยกจากกันระหว่าง เทคโนโลยี encryption และ electronic money
.
การที่ธนาคารกลางในแต่ละประเทศได้พิมพ์เงินเป็นล้านล้านดอลลาร์ มาชดเชยความเสียหายจากการปิดเศรษฐกิจ และความกลัวว่าธนบัตรสามารถกลายเป็นตัวพาหะของไวรัส (ถึงขนาดแช่ธนบัตรในเดตตอล!) ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ Crypto กลับมาอีกครั้ง!
.
ถึงแม้ว่าบิตคอยน์อาจไม่ใช่ตัวเอกใน cryptostable แต่ก็ถือเป็นมาตรฐานและตัวพ่อของวงการ crypto ด้วยการจํากัดจํานวน 21 ล้านเหรียญ หลายเหรียญได้สูญหายไปในระบบ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีจํานวนจำกัดเหมือนเงินทอง แต่ต่างกับ fiat currencies ที่รัฐบาลในแต่ละประเทศพยายามพิมพ์ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
.
Crypto อื่นๆ มีหลากหลายคุณสมบัติ เช่น Ethereum ใช้กับ smart contract หรือ Ripple และ Stella Lumens ที่ใช้ในการโอนเงินได้ แต่ถ้าพูดถึง สัญญาทางการเงิน ยังมีเพียง Bitcoin เท่านั้นที่ทำได้ และมีโวลุ่มรายวันที่เยอะกว่าอันอื่น
.
.
เรามาดูวิเคราะห์ทางเทคนิคของ crypto กันบ้างครับ
“Crypto-winter” ที่ต่อเนื่องจากพฤษจิกายน 2018- มีนาคม 2019 ในเดือนเมษายน 2019 ราคาบิตคอยน์ (VS. USD) ได้ตื่นขึ้นมาและวิ่งสูงขึ้นเหนือ 14,000 (350%) ด้วยโวลุ่มที่สูง ในเวลาน้อยกว่า 3 เดือน
.
จากจุดพีคในวันที่ 26 มิถุนายน แนวโน้มขาลงได้พาบิตคอยน์ไปถึงจุดต่ำ การรีบาวด์ที่แข็งแกร่งของบิตคอยน์พร้อมๆกับทองเพราะมันชัดมากว่า ธนาคารกลางโลกจะทำ “อะไรก็ตาม”เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด
.
ราคาได้ไปแตะ top ของ Bearish Channel แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปหากราคาปิดรายวันอยู่เหนือ 9500
.
บิตคอยน์ดูเป็นบวกตอนนี้พิเศษ เพราะสามารถเคลื่อนตัวเป็นอิสระจากทอง และยืนหยัดในวันที่หุ้นขึ้น กดราคาทองลง BTC เทรดนอก Keltner Channel นั่นเป็นสัญลักษณ์ของโมเมนตัมเชิงบวก. หากหล่นต่ำกว่า 7800 จะดูแย่ ควรเซ็ท stop ให้แน่นๆ สำหรับbreakout ของสถานะlong. แต่ถ้า BTC หล่นไม่แรง จะดึงดูดการลงทุนใน BTC หากจะเข้าไปควรดู Channel breakout เป็นหลัก แต่อย่าคิดว่าจะช็อปของถูก เพราะเสี่ยงสูง
.
Disclaimer: บทความนี้ไม่ได้มีการแนะนําอย่างใด เราไม่รับผิดชอบในการตัดสินใจในการลงทุนของแต่ละบุคคลและไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียในอุตสาหกรรม
.
จากการตอบรับของตอนที่ 1 ผมขอขอบคุณทุกความเห็นนะครับ อ่านตอนที่ 2 ได้ที่เฟสบุ๊ค เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในการพูดคุยในหัวข้ออื่นๆ
ฝากไลค์ให้กําลังใจเฟสบุ๊ค @BarracudaStocks www.facebook.com/BarracudaStocks ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ 😊🙏
.
#บิตคอยน์
#คริปโต
#bitcoin
#liquidityinjection
#cryptocurrency
“การกลับมาของบิตคอยน์กับความเชื่อมั่นที่หายไปในระบบการเงิน”
ย้อนเวลากลับไปในปี 2004 มูลค่าโดยรวมของ เหรียญ Crypto ทั่วโลกโตอย่างพรวดพราดจาก 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์ มาเป็น 800 พันล้านเหรียญดอลล่าร์ในเดือน มกราคม 2018 แต่แล้วเดือนธันวาคม 2019 ก็กลับกลายเป็น “Crypto-Winter” มูลค่าลดหวบหาบ ตํ่ากว่า 100 พันล้านเหรียญ
.
หนึ่งปีครึ่งต่อมา ทุกอย่างดูเหมือนจะหายไป ทั้ง โฆษณา, สิ่งตีพิมพ์ และ Altcoins แต่ market cap ของ Crypto ได้รีบาวด์เป็น 250 พันล้านดอลลาร์ (ครึ่งหนึ่งของตลาดหุ้นไทย) และในจํานวนนั้นเป็น market cap ของบิตคอยน์(ในปัจจุบันมี Cryptocurrencies โดยรวม 5425 ชนิด. (Source: CoinMarketCap.com ดูชาร์ต)
.
กลุ่มที่เป็น early adopters ยังคงถือ Crypto อยู่ คิดว่าสามารถเปลี่ยนโลกได้ บางคนโชคดีได้ทำเงินและซื้อ lambo สีส้ม (แลมโบ้เป็น Crypto slang ย่อมาจากยี่ห้อรถอิตาลี Lamborghini เป็นเสมือนสัญลักษณ์ ของสิ่งที่นักลงทุนปรารถนา หากรวยจากการลงทุน) นักลงทุนหน้าใหม่มาช้า และขายด้วยความหงุดหงิด หรือปล่อยให้ Crypto ที่ลดค่าลงแช่อยู่ใน wallet
.
คุณได้สังเกตไหมว่า ดูเหมือนช่วงนี้ Crypto ได้กลับมาอย่างช้าๆ และเพิ่มมูลค่า ถ้าหากดูจากการค้นหาใน google ทั่วโลก ความสนใจกลับมาอีกครั้ง เพราะ covid-19 ราคาของ Bitcoin ยังอยู่ตํ่ากว่า 60% จากจุดสูงสุด แต่ได้กลับมาเพิ่ม 3 เท่าจากเหว ดูเหมือนว่า มีอะไรในกอไผ่
.
เราได้พูดคุยกับผู้ที่ทํางานทางด้าน Tech ก่อน covid-19 ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นพ้องต้องกันว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน จะคงอยู่ และเป็นส่วนสําคัญของการ disrupt ในอนาคต แต่ cryptocurrencies ที่เรารู้จักอาจจะหายไปและถูกแทนที่ด้วย stablecoins รวมทั้งมีการแยกจากกันระหว่าง เทคโนโลยี encryption และ electronic money
.
การที่ธนาคารกลางในแต่ละประเทศได้พิมพ์เงินเป็นล้านล้านดอลลาร์ มาชดเชยความเสียหายจากการปิดเศรษฐกิจ และความกลัวว่าธนบัตรสามารถกลายเป็นตัวพาหะของไวรัส (ถึงขนาดแช่ธนบัตรในเดตตอล!) ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ Crypto กลับมาอีกครั้ง!
.
ถึงแม้ว่าบิตคอยน์อาจไม่ใช่ตัวเอกใน cryptostable แต่ก็ถือเป็นมาตรฐานและตัวพ่อของวงการ crypto ด้วยการจํากัดจํานวน 21 ล้านเหรียญ หลายเหรียญได้สูญหายไปในระบบ Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีจํานวนจำกัดเหมือนเงินทอง แต่ต่างกับ fiat currencies ที่รัฐบาลในแต่ละประเทศพยายามพิมพ์ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
.
Crypto อื่นๆ มีหลากหลายคุณสมบัติ เช่น Ethereum ใช้กับ smart contract หรือ Ripple และ Stella Lumens ที่ใช้ในการโอนเงินได้ แต่ถ้าพูดถึง สัญญาทางการเงิน ยังมีเพียง Bitcoin เท่านั้นที่ทำได้ และมีโวลุ่มรายวันที่เยอะกว่าอันอื่น
.
.
เรามาดูวิเคราะห์ทางเทคนิคของ crypto กันบ้างครับ
“Crypto-winter” ที่ต่อเนื่องจากพฤษจิกายน 2018- มีนาคม 2019 ในเดือนเมษายน 2019 ราคาบิตคอยน์ (VS. USD) ได้ตื่นขึ้นมาและวิ่งสูงขึ้นเหนือ 14,000 (350%) ด้วยโวลุ่มที่สูง ในเวลาน้อยกว่า 3 เดือน
.
จากจุดพีคในวันที่ 26 มิถุนายน แนวโน้มขาลงได้พาบิตคอยน์ไปถึงจุดต่ำ การรีบาวด์ที่แข็งแกร่งของบิตคอยน์พร้อมๆกับทองเพราะมันชัดมากว่า ธนาคารกลางโลกจะทำ “อะไรก็ตาม”เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด
.
ราคาได้ไปแตะ top ของ Bearish Channel แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปหากราคาปิดรายวันอยู่เหนือ 9500
.
บิตคอยน์ดูเป็นบวกตอนนี้พิเศษ เพราะสามารถเคลื่อนตัวเป็นอิสระจากทอง และยืนหยัดในวันที่หุ้นขึ้น กดราคาทองลง BTC เทรดนอก Keltner Channel นั่นเป็นสัญลักษณ์ของโมเมนตัมเชิงบวก. หากหล่นต่ำกว่า 7800 จะดูแย่ ควรเซ็ท stop ให้แน่นๆ สำหรับbreakout ของสถานะlong. แต่ถ้า BTC หล่นไม่แรง จะดึงดูดการลงทุนใน BTC หากจะเข้าไปควรดู Channel breakout เป็นหลัก แต่อย่าคิดว่าจะช็อปของถูก เพราะเสี่ยงสูง
.
Disclaimer: บทความนี้ไม่ได้มีการแนะนําอย่างใด เราไม่รับผิดชอบในการตัดสินใจในการลงทุนของแต่ละบุคคลและไม่มีส่วนได้ ส่วนเสียในอุตสาหกรรม
.
จากการตอบรับของตอนที่ 1 ผมขอขอบคุณทุกความเห็นนะครับ อ่านตอนที่ 2 ได้ที่เฟสบุ๊ค เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่ในการพูดคุยในหัวข้ออื่นๆ
ฝากไลค์ให้กําลังใจเฟสบุ๊ค @BarracudaStocks www.facebook.com/BarracudaStocks ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ 😊🙏
.
#บิตคอยน์
#คริปโต
#bitcoin
#liquidityinjection
#cryptocurrency