สวัสดีค่ะ~ ฉันชื่อลิลลี่
วันนี้จะมาแบ่งปันครีมที่ช่วยกู้หน้าหลังคลอด ใครที่คลอดลูกแล้ว มีปัญหาผิวอยากให้ลองอ่านรีวิวนี้นะคะ ลิลลี่ตั้งใจเขียนขึ้นมามากๆ อยากแบ่งปันให้ทุกๆคนได้ลองอ่านดู เผื่อจะมีประโยชน์หรือเป็นแนวทางให้ใครหลายๆคนได้ (ลิลลี่ให้เพื่อนคนไทยช่วยตรวจและเรียบเรียงภาษาให้นะคะ)
ก่อนหน้านี้ไปเขียนรีวิวไว้ Jeban แล้วมีคนสนใจมาก แนะนำให้ลิลลี่มาบอกเล่าประสบการณ์ใน Pantip
นี่คือกระทู้ที่ลิลลี่ได้ไปเขียนไว้ใน Jeban นะคะ
1.
https://www.jeban.com/topic/300312
2.
https://www.jeban.com/topic/300633
ฝากติดตามด้วยนะคะ มีอะไรแนะนำลิลลี่ได้เลยน้าา
ขอเริ่มกระทู้เลยละกันนะคะ .....
พออายุก้าวเข้าสู่เลขสามแล้ว ฉันก็ได้เป็นคุณแม่และมีลูกที่น่ารักหนึ่งคน
แต่ใครจะเชื่อว่า หลังจากคลอดลูก 1 คนแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าผิวหน้าฉันแก่ขึ้น 10 ปี ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ มันคือเรื่องจริง
ย้อนกลับไปช่วงตั้งครรภ์ ในช่วงแรก ฉันแพ้ท้องหนักมาก เรียกได้ว่าเกือบไม่รอดเลยทีเดียว ผิวหน้าที่เนียนนุ่มดุจผิวทารกที่ฉันเคยรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาตลอดก็ค่อยๆเลือนหายไป ขุ่นพระ!!
ผิวพรรณของฉันเริ่มหมองคล้ำ แห้งกร้าน และหยาบกระด้าง จนแสดงให้เห็นถึงริ้วรอยต่าง ๆได้อย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่สามีเอามือมาสัมผัสใบหน้าของฉัน แล้วไปสัมผัสใบหน้าของเด็ก เขามักล้อฉันว่าใบหน้าของฉันหยาบกระด้างเหมือนเปลือกไม้เลย T.T
ในช่วงตั้งครรภ์ ด้วยความที่ฉันกลัวจะแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง ฉันจึงไม่ได้ใช้ครีมหรือโลชั่นอะไรเลย
สิ่งเดียวที่ฉันทำคือ ฉันใช้น้ำล้างข้าวในการล้างหน้า
ในช่วงนั้น ฉันจำได้ว่าตอนส่องกระจก ฉันตกใจมาก เพราะฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่คลอดลูกแล้ว ตัวเองจะมีสภาพเหมือนคุณป้าขนาดนี้
หลังจากเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ทำให้ฉันค้นพบว่าการตั้งครรภ์จะเร่งอายุผิวให้ดูแก่ และเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ตั้งครรภ์หลังจากอายุ25 ปี ผิวหนังของผู้หญิงในวัยนี้ หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและดูแลอย่างถูกจุด จะทำให้ผิวพรรณกลับไปเปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิมยากมาก ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะเผชิญกับปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ จากการวิจัยพบว่า การตั้งครรภ์จะเร่งให้ผิวหนังอายุมากขึ้น10-13ปีเลยทีเดียว
ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจว่า ฉันควรจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่ดีสักตัว ที่สามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าของฉันให้กลับมาสดใสเปล่งประกายออร่าเหมือนเดิมให้ได้
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งเวลาที่ฉันไปเดินห้างสรรพสินค้า ฉันจะแวะไปที่โซนเคาน์เตอร์แบรนด์เพื่อลองซื้อ Skincare ของแบรนด์ต่างๆมาใช้
แต่กลับพบว่า สภาพผิวหน้าของฉันไม่ได้ดีขึ้นเลย ถึงแม้ว่าเสียเงินไปกับ Skincare ราคาแพงมากมาย
ผลิตภัณฑ์บางตัว พอใช้แล้วกลับมีอาการแพ้และอักเสบ
ฉันรู้สึกเครียดและเป็นกังวลอย่างมาก! ส่วนสามีของฉันนับวันก็เริ่มเย็นชาต่อฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ! แต่ลิลลี่ก็เข้าใจแหละค่ะ แต่ก็แอบเสียใจเบาๆ T.T
ฉันไม่ต้องการตกอยูในสภาพแบบนี้อีกต่อไปแล้ว!(ฮือๆ)
จนกระทั่งวันหนึ่งฉันบังเอิญได้พบกับรุ่นพี่สมัยเรียนคนนึงฉันที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก
วินาทีแรกที่ฉันสังเกตเห็นผิวหน้าของเขา ฉันถึงกับตะลึงและร้องออกมาว่า
โอ้ โห!! ทำไมเธอถึงดูไม่แก่เลย? ผิวหน้าเต่งตึง ไร้ริ้วรอย แถมยังดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ น่าอิจฉาจัง!
ฉันรีบถามเขาทันทีว่า เธอไปทานอะไรมา ทำไมหน้าเด็กขนาดนี้
เธอเล่าว่า เมื่อก่อนเธอก็เคยเสียเงินจำนวนมากกับ Skincare เคาน์เตอร์แบรนด์ต่างๆมาก่อน
แต่โชคดีที่เธอได้รับการบอกต่อจากเพื่อนคนนึงที่ไปอาศัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นหลายปี เพื่อนคนนี้บอกกับเธอว่าหลายปีมานี้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังที่เป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่น ก็คือ ...
จุดเด่นคือ ผลิตภัณฑ์นี้ สกัดมาจากจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า แลคโตบาซิลลัส ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพผิวให้กลับมาสวยใสเปล่งปลั่งดังเดิม รวมทั้งปกป้องผิวจากริ้วรอยก่อนวัย
เพราะหากผิวหนังได้รับการบำรุงและมีสุขภาพดี ปัญหาของผิวก็จะลดลงตามมาด้วย!
ตอนแรก ฉันสงสัยว่าแลคโตบาซิลลัสเป็นเครื่องดื่มอย่างหนึ่งไม่ใช่หรอ แล้วเจ้าตัวนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับการบำรุงผิวพรรณ
ด้วยความสงสัย ฉันจึงได้ศึกษาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
และพบว่า ส่วนประกอบของ Lactina "LH - Fermented Milk Whey"
หมักบ่มจาก L.helveticus (สายพันธุ์CM4) ของจุลินทรีย์แลกโตบาซิลลัส
ก่อนหน้านี่ ลิลลี่เคยได้ยินมาว่าผลิตภัณฑ์นี้อ่อนโยนและบริสุทธิ์ต่อผิวมาก ๆ
ผู้หญิงเรา พออายุมากขึ้นก็จะมีปัญหาด้านผิวพรรณตามมา ความหย่อนคล้อยของใบหน้า เกิดจากการที่ร่างกายของเราผลิตคอลลาเจนกับอิลาสตินได้น้อยลง สวนทางกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น
จากการวิจัย พบว่า "LH - Fermented Milk Whey" นี้สามารถกระตุ้นผิวหนังให้ผลิตสารบำรุงผิวได้อีกครั้ง
การนำแบคทีเรียมาแลคโตบาซิลลัสมาใช้กับผิวเปรียบเสมือนการนำส่วนที่ขาดมาเติม ไม่เหมือนการนำสารเคมีอื่นๆที่ไม่มีอยู่ในผิวมาเพิ่มเติมใส่ผิวของเรา การนำแบคทีเรียที่เป็นส่วนสำคัญของผิว มาเติมให้ผิวเกิดความสมดุล จึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบในการแก้ไขปัญหาผิวที่มีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง เพราะนอกจากจะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ลิลลี่เคยได้ยินมาว่า Whey(เวย์หรือหางนม) เป็นสารที่ดีที่สุดของโยเกิร์ต โดยมีจุลินทรีย์ปริมาณมาก
บางคนก็มีการนำหางน้ำนมวัวนี้มาอาบน้ำ ซึ่งถือเป็นเคล็ดลับความงามที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ
แต่บ้านลิลลี่ไม่ได้เลี้ยงวัวและก็ไม่มีฟาร์มปศุสัตว์
เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่สามารถอาบน้ำด้วยน้ำนมได้ตลอดหรอก
ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจสั่งซื้อ Lactina moist lotion มาจากญี่ปุ่นซะเลย
นอกจากนี้ ชาวเน็ตหลายคนได้แนะนำว่า เพราะผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารเคมี
หลังจากใช้แล้ว จึงยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
สำหรับฉัน ใช้ไปสักระยะก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนเยาว์ของใบหน้า ริ้วรอยและความหมองคล้ำบนในหน้าก็ค่อยๆจางลง
ผิวหนังก็ชุ่มชื้น แลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
บอกตรงๆว่า ลิลลี่ยังจำความรู้สึกครั้งแรกตอนได้รับพัสดุ ที่บรรจุเจ้าโลชั่นตัวนี้ได้อยู่เลย ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและตั้งหน้าตั้งตารอ ที่จะแกะกล่องเจ้าโลชั่นนี้มาก
หลังจากที่ได้ Lactina ขวดนี้มา ฉันก็ไม่รอช้า รีบเปิดใช้ทันที
ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเจ้าขวด Lactina โลชั่นนี้ ก็รู้สึกว่า โอ้โห! บรรจุภัณฑ์ได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เรียบ หรู ให้ความรู้สึกเหมือนขวดนม ดูน่ารักมาก กลิ่นก็เหมือนกับเครื่องดื่มกรดแลคติก ได้กลิ่นแล้วชวนให้ฉันอยากจะยกเจ้าขวดนี้มาดื่มแทนนมซะเลย
ที่สำคัญคือ เนื้อโลชั่นบางเบา เมื่อทาแล้ว ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งยังซึมซาบได้ล้ำลึกและอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ขอโทษนะคะ นี่คือหน้าสดของฉัน! ฉันกล้ารับประกันเลยว่า ฉันไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ photoshop ไม่ได้ผ่านแอพใดๆเลย ทำแค่ปลูกขนตาเท่านั้นเองค่ะ
พอทาโลชั่นตัวนี้แล้ว หลังแต่งหน้าฉันก็รู้สึกถึงความนุ่มนวล เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติของผิวหนัง และไม่รู้สึกถึงความหยาบกร้านของผิวหน้าอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ไม่เคยปรับแต่งรูปภาพอีกเลย
ก่อนหน้านี้ที่ลิลลี่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ต่างๆ
ตอนนี้ ลิลลี่กล้าการันตีว่า Lactina เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดีที่สุด
ด้วยสารสกัดจากแลคโตบาซิลลัส ที่มีความอ่อนโยนและบริสุทธ์ต่อผิวหน้า
ผสมผสานกับส่วนผสมนานาชนิดที่เป็นมิตรกับผิวหนัง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า โลชั่นตัวนี้ ยิ่งใช้ก็ยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมาะกับทุกสภาพผิวหน้า
เมื่อเดือนก่อนฉันพาลูกของฉันไปงานสมาคมคืนสู่เหย้า
หลายคนทักว่า ผิวหน้าของฉันดูอ่อนเยาว์ และดูไม่ออกเลยจริง ๆว่าเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว!
สามีฉันได้ยินถึงกับยิ้มไม่หุบ แถมกุมมือฉันแน่นมากตลอดทางกลับบ้าน
คุณสามีคงกลัวใครมาอุ้มหรือลักพาตัวฉันไปแน่ๆ >.<
แต่ก่อน ลิลลี่สั่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้ตรงมาจากญี่ปุ่น
แต่ตอนนี้ ลิลลี่ได้ข่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีวางจำหน่ายในไทยแล้วด้วย จึงทำให้ลิลลี่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องสั่งมาจากญี่ปุ่นให้ยุ่งยากอีกต่อไป
สำหรับคนที่สนใจ ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลที่เว็บนี้ดูนะคะ
https://bit.ly/3aQKCyz
Review Lactina Moist Lotion ครีมกู้หน้าหลังคลอด
วันนี้จะมาแบ่งปันครีมที่ช่วยกู้หน้าหลังคลอด ใครที่คลอดลูกแล้ว มีปัญหาผิวอยากให้ลองอ่านรีวิวนี้นะคะ ลิลลี่ตั้งใจเขียนขึ้นมามากๆ อยากแบ่งปันให้ทุกๆคนได้ลองอ่านดู เผื่อจะมีประโยชน์หรือเป็นแนวทางให้ใครหลายๆคนได้ (ลิลลี่ให้เพื่อนคนไทยช่วยตรวจและเรียบเรียงภาษาให้นะคะ)
ก่อนหน้านี้ไปเขียนรีวิวไว้ Jeban แล้วมีคนสนใจมาก แนะนำให้ลิลลี่มาบอกเล่าประสบการณ์ใน Pantip
นี่คือกระทู้ที่ลิลลี่ได้ไปเขียนไว้ใน Jeban นะคะ
1.https://www.jeban.com/topic/300312
2.https://www.jeban.com/topic/300633
ฝากติดตามด้วยนะคะ มีอะไรแนะนำลิลลี่ได้เลยน้าา
ขอเริ่มกระทู้เลยละกันนะคะ .....
พออายุก้าวเข้าสู่เลขสามแล้ว ฉันก็ได้เป็นคุณแม่และมีลูกที่น่ารักหนึ่งคน
แต่ใครจะเชื่อว่า หลังจากคลอดลูก 1 คนแล้ว ฉันกลับรู้สึกว่าผิวหน้าฉันแก่ขึ้น 10 ปี ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ มันคือเรื่องจริง
ย้อนกลับไปช่วงตั้งครรภ์ ในช่วงแรก ฉันแพ้ท้องหนักมาก เรียกได้ว่าเกือบไม่รอดเลยทีเดียว ผิวหน้าที่เนียนนุ่มดุจผิวทารกที่ฉันเคยรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาตลอดก็ค่อยๆเลือนหายไป ขุ่นพระ!!
ผิวพรรณของฉันเริ่มหมองคล้ำ แห้งกร้าน และหยาบกระด้าง จนแสดงให้เห็นถึงริ้วรอยต่าง ๆได้อย่างชัดเจน
ทุกครั้งที่สามีเอามือมาสัมผัสใบหน้าของฉัน แล้วไปสัมผัสใบหน้าของเด็ก เขามักล้อฉันว่าใบหน้าของฉันหยาบกระด้างเหมือนเปลือกไม้เลย T.T
ในช่วงตั้งครรภ์ ด้วยความที่ฉันกลัวจะแพ้สารเคมีในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนัง ฉันจึงไม่ได้ใช้ครีมหรือโลชั่นอะไรเลย
สิ่งเดียวที่ฉันทำคือ ฉันใช้น้ำล้างข้าวในการล้างหน้า
ในช่วงนั้น ฉันจำได้ว่าตอนส่องกระจก ฉันตกใจมาก เพราะฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่คลอดลูกแล้ว ตัวเองจะมีสภาพเหมือนคุณป้าขนาดนี้
หลังจากเสิร์ชหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ทำให้ฉันค้นพบว่าการตั้งครรภ์จะเร่งอายุผิวให้ดูแก่ และเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ตั้งครรภ์หลังจากอายุ25 ปี ผิวหนังของผู้หญิงในวัยนี้ หากไม่ได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและดูแลอย่างถูกจุด จะทำให้ผิวพรรณกลับไปเปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิมยากมาก ในขณะตั้งครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะเผชิญกับปัญหาผิวหน้าเหี่ยวย่นและหมองคล้ำ จากการวิจัยพบว่า การตั้งครรภ์จะเร่งให้ผิวหนังอายุมากขึ้น10-13ปีเลยทีเดียว
ในที่สุด ฉันก็ตัดสินใจว่า ฉันควรจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่ดีสักตัว ที่สามารถฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้าของฉันให้กลับมาสดใสเปล่งประกายออร่าเหมือนเดิมให้ได้
ก่อนหน้านี้ ทุกครั้งเวลาที่ฉันไปเดินห้างสรรพสินค้า ฉันจะแวะไปที่โซนเคาน์เตอร์แบรนด์เพื่อลองซื้อ Skincare ของแบรนด์ต่างๆมาใช้
แต่กลับพบว่า สภาพผิวหน้าของฉันไม่ได้ดีขึ้นเลย ถึงแม้ว่าเสียเงินไปกับ Skincare ราคาแพงมากมาย
ผลิตภัณฑ์บางตัว พอใช้แล้วกลับมีอาการแพ้และอักเสบ
ฉันรู้สึกเครียดและเป็นกังวลอย่างมาก! ส่วนสามีของฉันนับวันก็เริ่มเย็นชาต่อฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ! แต่ลิลลี่ก็เข้าใจแหละค่ะ แต่ก็แอบเสียใจเบาๆ T.T
ฉันไม่ต้องการตกอยูในสภาพแบบนี้อีกต่อไปแล้ว!(ฮือๆ)
จนกระทั่งวันหนึ่งฉันบังเอิญได้พบกับรุ่นพี่สมัยเรียนคนนึงฉันที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก
วินาทีแรกที่ฉันสังเกตเห็นผิวหน้าของเขา ฉันถึงกับตะลึงและร้องออกมาว่า
โอ้ โห!! ทำไมเธอถึงดูไม่แก่เลย? ผิวหน้าเต่งตึง ไร้ริ้วรอย แถมยังดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ น่าอิจฉาจัง!
ฉันรีบถามเขาทันทีว่า เธอไปทานอะไรมา ทำไมหน้าเด็กขนาดนี้
เธอเล่าว่า เมื่อก่อนเธอก็เคยเสียเงินจำนวนมากกับ Skincare เคาน์เตอร์แบรนด์ต่างๆมาก่อน
แต่โชคดีที่เธอได้รับการบอกต่อจากเพื่อนคนนึงที่ไปอาศัยอยู่ประเทศญี่ปุ่นหลายปี เพื่อนคนนี้บอกกับเธอว่าหลายปีมานี้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังที่เป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่น ก็คือ ...
จุดเด่นคือ ผลิตภัณฑ์นี้ สกัดมาจากจุลินทรีย์ที่มีชื่อว่า แลคโตบาซิลลัส ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการฟื้นฟูสุขภาพผิวให้กลับมาสวยใสเปล่งปลั่งดังเดิม รวมทั้งปกป้องผิวจากริ้วรอยก่อนวัย
เพราะหากผิวหนังได้รับการบำรุงและมีสุขภาพดี ปัญหาของผิวก็จะลดลงตามมาด้วย!
ตอนแรก ฉันสงสัยว่าแลคโตบาซิลลัสเป็นเครื่องดื่มอย่างหนึ่งไม่ใช่หรอ แล้วเจ้าตัวนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับการบำรุงผิวพรรณ
ด้วยความสงสัย ฉันจึงได้ศึกษาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
และพบว่า ส่วนประกอบของ Lactina "LH - Fermented Milk Whey"
หมักบ่มจาก L.helveticus (สายพันธุ์CM4) ของจุลินทรีย์แลกโตบาซิลลัส
ก่อนหน้านี่ ลิลลี่เคยได้ยินมาว่าผลิตภัณฑ์นี้อ่อนโยนและบริสุทธิ์ต่อผิวมาก ๆ
ผู้หญิงเรา พออายุมากขึ้นก็จะมีปัญหาด้านผิวพรรณตามมา ความหย่อนคล้อยของใบหน้า เกิดจากการที่ร่างกายของเราผลิตคอลลาเจนกับอิลาสตินได้น้อยลง สวนทางกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น
จากการวิจัย พบว่า "LH - Fermented Milk Whey" นี้สามารถกระตุ้นผิวหนังให้ผลิตสารบำรุงผิวได้อีกครั้ง
การนำแบคทีเรียมาแลคโตบาซิลลัสมาใช้กับผิวเปรียบเสมือนการนำส่วนที่ขาดมาเติม ไม่เหมือนการนำสารเคมีอื่นๆที่ไม่มีอยู่ในผิวมาเพิ่มเติมใส่ผิวของเรา การนำแบคทีเรียที่เป็นส่วนสำคัญของผิว มาเติมให้ผิวเกิดความสมดุล จึงเป็นอีกหนึ่งคำตอบในการแก้ไขปัญหาผิวที่มีประสิทธิภาพอีกทางหนึ่ง เพราะนอกจากจะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ลิลลี่เคยได้ยินมาว่า Whey(เวย์หรือหางนม) เป็นสารที่ดีที่สุดของโยเกิร์ต โดยมีจุลินทรีย์ปริมาณมาก
บางคนก็มีการนำหางน้ำนมวัวนี้มาอาบน้ำ ซึ่งถือเป็นเคล็ดลับความงามที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ
แต่บ้านลิลลี่ไม่ได้เลี้ยงวัวและก็ไม่มีฟาร์มปศุสัตว์
เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่สามารถอาบน้ำด้วยน้ำนมได้ตลอดหรอก
ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจสั่งซื้อ Lactina moist lotion มาจากญี่ปุ่นซะเลย
นอกจากนี้ ชาวเน็ตหลายคนได้แนะนำว่า เพราะผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารเคมี
หลังจากใช้แล้ว จึงยังไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
สำหรับฉัน ใช้ไปสักระยะก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนเยาว์ของใบหน้า ริ้วรอยและความหมองคล้ำบนในหน้าก็ค่อยๆจางลง
ผิวหนังก็ชุ่มชื้น แลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย
บอกตรงๆว่า ลิลลี่ยังจำความรู้สึกครั้งแรกตอนได้รับพัสดุ ที่บรรจุเจ้าโลชั่นตัวนี้ได้อยู่เลย ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและตั้งหน้าตั้งตารอ ที่จะแกะกล่องเจ้าโลชั่นนี้มาก
หลังจากที่ได้ Lactina ขวดนี้มา ฉันก็ไม่รอช้า รีบเปิดใช้ทันที
ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเจ้าขวด Lactina โลชั่นนี้ ก็รู้สึกว่า โอ้โห! บรรจุภัณฑ์ได้รับการออกแบบเป็นอย่างดี เรียบ หรู ให้ความรู้สึกเหมือนขวดนม ดูน่ารักมาก กลิ่นก็เหมือนกับเครื่องดื่มกรดแลคติก ได้กลิ่นแล้วชวนให้ฉันอยากจะยกเจ้าขวดนี้มาดื่มแทนนมซะเลย
ที่สำคัญคือ เนื้อโลชั่นบางเบา เมื่อทาแล้ว ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งยังซึมซาบได้ล้ำลึกและอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ขอโทษนะคะ นี่คือหน้าสดของฉัน! ฉันกล้ารับประกันเลยว่า ฉันไม่ได้แต่งหน้า ไม่ได้ photoshop ไม่ได้ผ่านแอพใดๆเลย ทำแค่ปลูกขนตาเท่านั้นเองค่ะ
พอทาโลชั่นตัวนี้แล้ว หลังแต่งหน้าฉันก็รู้สึกถึงความนุ่มนวล เต่งตึงอย่างเป็นธรรมชาติของผิวหนัง และไม่รู้สึกถึงความหยาบกร้านของผิวหน้าอีกเลย ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ไม่เคยปรับแต่งรูปภาพอีกเลย
ก่อนหน้านี้ที่ลิลลี่เคยลองใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ต่างๆ
ตอนนี้ ลิลลี่กล้าการันตีว่า Lactina เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ดีที่สุด
ด้วยสารสกัดจากแลคโตบาซิลลัส ที่มีความอ่อนโยนและบริสุทธ์ต่อผิวหน้า
ผสมผสานกับส่วนผสมนานาชนิดที่เป็นมิตรกับผิวหนัง และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า โลชั่นตัวนี้ ยิ่งใช้ก็ยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมาะกับทุกสภาพผิวหน้า
เมื่อเดือนก่อนฉันพาลูกของฉันไปงานสมาคมคืนสู่เหย้า
หลายคนทักว่า ผิวหน้าของฉันดูอ่อนเยาว์ และดูไม่ออกเลยจริง ๆว่าเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว!
สามีฉันได้ยินถึงกับยิ้มไม่หุบ แถมกุมมือฉันแน่นมากตลอดทางกลับบ้าน
คุณสามีคงกลัวใครมาอุ้มหรือลักพาตัวฉันไปแน่ๆ >.<
แต่ก่อน ลิลลี่สั่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้ตรงมาจากญี่ปุ่น
แต่ตอนนี้ ลิลลี่ได้ข่าวว่า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีวางจำหน่ายในไทยแล้วด้วย จึงทำให้ลิลลี่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องสั่งมาจากญี่ปุ่นให้ยุ่งยากอีกต่อไป
สำหรับคนที่สนใจ ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลที่เว็บนี้ดูนะคะ https://bit.ly/3aQKCyz