ประสบการณ์เรียนออนไลน์ในช่วง Quarantine ผ่าน Coursera

หลังจากติดอยู่กับบ้านมาเป็นระยะเวลา 1 เดือน ในที่สุดเราก็เรียนออนไลน์จบไปแล้วหนึ่งคอร์ส
วันนี้เลยอยากมาแนะนำสำหรับใครที่ยังไม่ทราบรายละเอียด หรือยังลังเลในการลงคอร์สต่างๆ เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น

โดยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลก
แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ต่างๆ ก็ได้เปิดคอร์สเรียนฟรี ให้ทุกคนสามารถเข้าไปศึกษากันได้จากหน้าจอบ้านท่าน
โดยสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ต่างๆได้เสมือนกับเรียนแบบเสียเงิน แค่อาจจะไม่สามารถส่งการบ้านได้ในบางคอร์ส และไม่ได้รับใบประกาศ
หากใครสนใจสามารถเลือกคอร์สต่างๆได้จากลิ้งค์นี้เลยค่ะ มีสถาบันของไทยด้วย >>
Class Central - รวบรวมคอร์สเรียนฟรีจากสถาบันชั้นนำทั่วทุกมุมโลก

ส่วนที่เราจะมาแนะนำ Coursera เพราะนอกจากจะเรียนฟรีแล้ว ยังได้ใบประกาศฟรีด้วย!
รวบรวบหลักสูตร Free Certificate จาก Coursera

เป็นที่ถกเถียงกันมากว่าใบประกาศจาก Coursera เชื่อถือได้แค่ไหน องค์กรต่างๆยอมรับกันหรือไม่
สำหรับเรา เราคิดว่าใบประกาศไม่สามารถยืนยันระดับความรู้ในสาขาวิชานั้นๆได้อย่างแน่นอน แต่ข้อดีของมันคือ

✔️ ช่วยสนับสนุนข้อเท็จจริงว่าเราสนใจ หรือมีความรู้พื้นฐานในด้านนั้นๆ เช่นเรามักจะเขียนใน CV ว่าเราชอบเรียนรู้ในสาขาวิชาอื่นๆ
ที่ไม่เกี่ยวกับวิชาชีพ หากเรามีใบประกาศ ก็จะมาสามารถยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าเราไม่ได้พูดไปมั่วๆ 
✔️ เป็นแรงผลักดันในการเรียนให้สำเร็จ
✔️ สร้างความภูมิใจในตัวเองหลังจากเรียนจบ

ลำดับต่อไป จะเล่าถึงหลักสูตรที่เราเลือกเรียน

เราเรียนพร้อมกันสองคอร์ส คอร์สนี้เป็นคอร์สแรกที่เรียนจบ (อีกคอร์สอู้ไม่ยอมทำการบ้านอยู่ เดี๋ยวเล่าถัดไปค่ะ)

ชื่อคอร์ส Introduction to Philosophy 📚
พื้นฐานของเรา : เราเรียนดีไซน์มา ไม่ถูกกับเลขและฟิสิกส์ ส่วนวิชาอื่นๆพอถูไถได้ เราอยากเรียนปรัชญาเพราะจะได้ดูฉลาดๆ
แต่ไม่มีความรู้เลยค่ะว่าเค้าสอนอะไร แล้วมันยากแค่ไหน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

💥 ระดับความยากของเนื้อหา : สำหรับ Beginner ค่ะ ตามชื่อ ไม่มีพื้นฐานแบบเราเรียนได้เลย
💥 ระดับความยากของข้อสอบ : แล้วแต่บทค่ะ สองบทแรกง่ายมาก ออกตรงที่สอนเลย หลังๆจะเริ่มมีต้องคิดหลายขั้นหน่อย 



🔎 เนื้อหาของคอร์ส

WEEK 1 : What is Philosophy?
WEEK 2 : Morality: Objective, Relative or Emotive?
                 What is Knowledge? And do we have any? (บทนี้เราชอบมาก โดยเฉพาะเรื่อง Brain in vat)
WEEK 3 : Do we have an obligation way to obey the law?
                 Should you believe what you hear?
WEEK 4 : Minds, Brains and Computers?
                 Are scientific theories true?
WEEK 5 : Do we have free will and does it matter?
                 Time travel and philosophy? (อันนี้ชอบมากเหมือนกัน)

สำหรับ Week 2-5 เราสามารถเลือกเรียนและทำข้อสอบแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะได้ใบประกาศเหมือนกัน ไม่ต้องเรียนครบก็ได้ค่ะ
แต่เราว่าทุกเรื่องเป็นหัวข้อที่น่าสนใจดี และอาจารย์ก็สอนสนุก+เข้าใจง่าย
ยกตัวอย่างบทที่ชอบมากๆ อย่าง Time travel and philosophy
Dr. Alasdair Richmond แต่งตัวมาสอนได้ชิคมากๆ เรียบเรียงคำได้เข้าใจง่าย น้ำเสียงก็น่าฟัง

ส่วน What is Knowledge? And do we have any? อันนี้ชอบเนื้อหา และวิธีลำดับการสอน เรียนไปจนจบรู้สึก ห้ะ 555

โดยรวมเนื้อหาจะสอนทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวข้องในหัวข้อนั้นๆ แต่แก่นของการเรียนก็คือ เน้นให้เราตั้งคำถาม และแสดงความคิดเห็นของตัวเอง
ซึ่งก็ค่อนข้างตอบโจทย์ในการเลือกเรียนหลักสูตรนี้ของเรา มันช่วยให้การคิดมีระบบระเบียบมากขึ้น

(ภาพ Dr. Alasdair Richmond จากคลิปสอน)


ถ้าเป็นเรื่องที่ชอบ ก็จะทำข้อสอบได้ง่ายค่ะ 55555 อันนี้เราทำได้ 100 เต็มในรอบแรก
จะสอบได้สามรอบติดกัน ถ้าเกินกว่านั้นต้องรอ 8 ชม. ถึงจะสอบได้อีก
สำหรับหัวข้ออื่นๆนี่ เราใช้ครบสามรอบก็มี


อีกเรื่องที่บางคนน่าจะอยากรู้ คือภาษาอังกฤษฟังออกมั้ย เข้าใจยากมั้ย ต้องเปิด google translate ตลอดเลยหรือเปล่า
เอาเรื่องฟังก่อน มีซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษนะคะไม่ต้องกลัว ส่วนอาจารย์บางคนพูดเร็วพูดช้า สำเนียงต่างกันไป
ถ้าเร็วมากๆจนฟังไม่ทัน ก็ลดสปีดให้คลิปเล่นช้าลงได้ค่ะ

ส่วนเรื่องศัพท์เทียบจากสองคอร์ส อีกคอร์สเราเรียนเรื่องดีไซน์ ศัพท์คุ้นหูอยู่แล้ว ก็ทำความเข้าใจได้ง่ายตามปกติ
แต่หากเป็นคอร์สนี้ที่เราไม่ค่อยมีคลังศัพท์ในหัวเท่าไหร่ ⭐️ทริคของเราคือ ไม่ควรเปิด google translate ในทันทีอยู่ดี⭐️

ทำไมถึงไม่ควรเปิดในทันที? ในหัวข้อปรัชญา ศัพท์หลายๆคำจะเป็นศัพท์เฉพาะ คุณจะต้องเปิดดิกทุกครั้งที่ขึ้นประโยคใหม่
แล้วมันจะท้อ และปวดหัวมาก แต่หลังจากเราฟังไปให้จบ ก็พบว่าเราสามารถเข้าใจได้จากสถานการณ์ตัวอย่าง ที่อธิบายเป็นศัพท์ทั่วๆไป

ยกตัวอย่างเช่น สมมติเราไม่รู้จักศัพท์ว่า "Miracle"
ในบทเรียน อาจารย์ก็จะอธิบายว่า Miracle คืออะไร และยกตัวอย่างสถานการณ์ ว่าแบบไหนคือ Miracle
นั่นหมายความว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่า Miracle แปลไทยว่าอย่างไร เราแค่เข้าใจมัน 
แต่ถ้าฟังจนจบการอธิบายแล้ว ย้ำ ฟังจนจบ แล้วยังไม่เข้าใจ ค่อยเปิดคำแปล
และขอเสริมให้เสิร์ชใน google เพิ่มเติมอีกทีว่าในทางปรัชญาหมายถึงอะไร
เช่นเราเจอคำว่า Epistemology = ญาณวิทยา โอ้ว ถึงกับมึนตึบ

- จบคอร์ส Introduction to philosophy หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้นะคะ -



ต่อไปเป็นคอร์ส Design : Creation of Artifacts in Society 📐
คอร์สนี้เรายังเรียนไม่จบนะคะ แต่อยากแชร์ข้อมูลคอร์สอีกรูปแบบ ที่ต้องทำการบ้านส่งแทนการทำข้อสอบ

💥 ระดับความยากของเนื้อหา : สำหรับ Beginner ไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้
💥 ระดับความยากของการบ้าน : ถ้าเรียนด้านนี้มาอยู่แล้วก็ง่าย เหมือนทบทวนวิชาเฉยๆ แต่มันเยอะค่ะขี้เกียจ 55555
ส่วนสำหรับคนที่ไม่ได้เรียนด้านนี้โดยตรง เราว่ามันยากกำลังดีนะ ไม่ได้นอกเหนือจากบทเรียน

🔎 เนื้อหาของคอร์ส

สอนตั้งแต่ทฤษฎี - ปฏิบัติ แต่ละบทอยู่ที่ 1-1 ชม.ครึ่ง 
การกำหนดปัญหา - ระดมความคิด - วิเคราะห์ปัญหา - มองหาช่องทางในการแก้ปัญหาด้วยงานออกแบบ - เทคนิคการสเก็ตช์ภาพเพื่อถ่ายทอดงานออกแบบ - การสร้างคอนเซ็ปท์ - การสร้างแบบจำลอง

ท้ายบทก็จะต้องทำงานส่ง และรอให้เพื่อนตรวจ และให้เกรดเรา 5 คน
ส่วนเราก็ต้องตรวจการบ้านให้เพื่อน 5 คนเช่นกัน ความสนุกอยู่ตรงนี้แหละ รับบทเป็นคุณครู
ส่วนมากคอมเม้นเพื่อนก็จะกลางๆ ไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ รอบนึงจะมีมาแค่สักคนสองคนที่ตรวจให้ละเอียด

คอร์สลักษณะนี้จะได้ใบประกาศยากกว่า เพราะต้องส่งงานจริง โกงไม่ได้ ถ้าแอบก้อปงานเพื่อนมาส่งถึงขั้นโดนแบน

จบการรีวิวทั้งสองคอร์ส หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจนะคะ สำหรับใครที่มีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการเรียนรู้นะคะ 🌼

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่