คุณเคยเปล่าล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต

กระทู้สนทนา
เรื่องนี้แว่บหนึ่งที่คิดได้ก่อนเขียน คือเขียนไปแล้วใครจะเชื่อ
แต่ไม่เป็นไร เรื่องอย่างนี้อยู่ที่คนอ่าน จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่มีใครไปบังคับได้
แต่เมื่อเข้ามาอ่านแล้ว ก็หวังว่าจะอ่านต่อไปจนจบ และที่หวังยิ่งกว่านั้นก็คือคนที่เล่านี่จะเขียนได้จนจบ
ดูซิว่าใครจะสมหวังกว่ากัน

และเพื่อให้ง่ายต่อการเล่า ผมขออนุญาตเล่าออกมาเป็นนิยาย
นิยายที่มี "เขา" เป็นพระเอก และมี "เธอ" เป็นนางเอก
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เรื่องจริงที่ไม่สมจริงเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ไม่จริง จริง ๆ
จะได้ไม่มีใครมาหาว่าผมบ้าไปแล้วนั่นเอง
++++

คุณเคยเปล่าล่ะ อยู่ดี ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต
เป็นเรื่องที่คุณไม่รู้ล่วงหน้า คุณไม่ได้ตั้งใจ และคุณไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นได้เลย
คุณแค่ไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง ที่บ้านหลังหนึ่ง ในวันธรรมดาวันหนึ่ง
วันนั้นคุณไม่เมาหรอก ไม่ได้แตะเหล้าสักหยด เพราะรู้ว่าต้องขับรถกลับบ้าน ทั้งรุ่งขึ้นยังเป็นวันที่ต้องไปเรียน
คุณแค่ขับรถออกมา มองซ้ายมองขวาตรงปากซอย แน่ใจว่าไม่มีรถแน่แล้วก็เลี้ยวออกมา
แต่แล้วคุณก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงโครมดังขึ้นที่ท้ายรถ พร้อม ๆ กับอาการกระชากและสั่นสะเทือนอย่างแรง
แต่แทนที่คุณจะเหยียบเบรค ด้วยความตกใจ คุณกลับเหยียบคันเร่งแทนเบรค รถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
รถวิ่งขวางถนน กระโจนขึ้นเกาะกลาง ทะลุไปอีกฝั่งหนึ่ง
เป็นอีกฝั่งที่มีรถกำลังวิ่งอยู่ รถสิบล้อคันหนึ่งกำลังวิ่งอยู่
รถของคุณชนเข้ากลางรถสิบล้อ มันกระแทกแล้วปัดจนรถหมุนสามสี่รอบ ก่อนที่จะมีรถอีกคัน-ปิ๊คอั๊พ-เบรคล้อตายเสียงเอี๊ยดลั่นถนน พุ่งชนเข้าให้
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกเสียงโครมคราม เคร้งคร้าง เอี๊ยดอ๊าด ทุกการกระแทกกระทั้น ทุกภาพที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เกิดขึ้นภายในสองวินาที
รถสงบนิ่งอยู่ข้างถนน แถวต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
วินาทีที่สาม คุณเห็นเด็กสาวคนหนึ่ง ยืนอยู่หลังต้นไม้ต้นนั้น
ผมยาว ตาดำขลับ ริมฝีปากแย้มงาม ในชุดสีขาวบางเบา
เธอยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟของรถที่จาดจ้า
วินาทีที่สี่ คุณไม่รู้ไม่เห็นอะไรอีกเลย
++++

มารู้ตัวอีกครั้ง น่าแปลกที่คุณหรือ-เขา- ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลย
เขายังอยู่ในรถคันนั้น..คันที่เขาเหยียบคันเร่งเป็นเบรคนั่นแหละ
แต่ข้าง ๆ เบาะนั่งคู่หน้า เด็กสาวคนนั้นกลับกำลังส่งยิ้มให้เขา
คราวนี้ยิ้มสวยกว่าเดิม กว้างกว่าเดิม กว้างจนเห็นไรฟันที่เรียงสะอาดเรียบร้อย
เขางงงวย มึนไปหมด ขยี้ตาอยู่หลายครั้ง
สภาพรถยับเยินจนไม่เหลือชิ้นดี คอนโทรลโย้ขึ้นมาบิดเบี้ยว กระจกหน้าแตกละเอียด ควันพวงพุ่งจากหน้ารถใต้ฝากระโปรง
สำรวจตัวเอง เข็มขัดนิรภัยอยู่อยู่ที่เดิม มือแขนขาหน้าคอยังอยู่ที่เดิม
เขารอดตายได้ยังไง??
แล้ว "เธอ" ขึ้นมาอยู่ในรถได้ยังไง??

"พี่ไม่รอดซะหน่อย.."
เสียงของ "เธอ" ดังขึ้น เธอพูดขณะยิ้มแย้มไปด้วย หูตาแพรวพราวระยิบรับกับแสงไฟหน้ารถ

"อีกแป๊บนึง รถคันนี้ก็จะระเบิด ตูม..ไฟลุก พรึ่บ..พี่ก็จะกลายเป็นกุ้งเผา"
เขายังพูดอะไรไม่ออก ยังลำดับเหตุการณ์อะไรไม่ได้

"ก็ไม่น่านี่น้า..ไปยุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง  นี่ถ้าไม่เห็นต่อผู้มีพระคุณนะ ฉันจะไม่ยุ่งด้วยเล้ย.."
เธอยังคงพูดฉอด ๆ ต่อไป

"แล้วไงล่ะทีนี้?"
เขายังนั่งนิ่ง เหมือนนั่งดูภาพยนต์ในจอเสมือนจริง
สมองประมวลอะไรยังไม่ได้ ปล่อยให้เธอพูดอยู่คนเดียว
รู้แต่ว่าเขายังรู้สักตัว ไม่เจ็บปวดอะไร เพียงแค่มึนงงเท่านั้น

"การตายทั้งที่ยังไม่ถึงคราวตาย มันแย่อยู่นา..."
เขาเห็นด้วยกับเธอ หรือเขาตายไปแล้วจริง ๆ

"พี่ยังไม่ตาย แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ และถ้าฉันไม่ตัดสินใจมาช่วย พี่ตายแน่ ๆ"
ดูเหมือนเธอจะตอบคำถามในใจของเขาได้แทบทุกคำ แต่ตอนนี้เขายังงงไม่หาย สมองยังไม่สั่งการใด ๆ ทั้งสิ้น จึงไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดถึง "ผู้มีพระคุณ" และ "ยุ่งในเรื่องไม่เป็นเรื่อง" นั้นหมายความว่าะอะไร

"แต่ฉันช่วยได้แค่ให้คำแนะนำเท่านั้นนะ ฉันช่วยมากกว่านี้ไม่ได้ ถ้าพี่ไม่อยากตายก็จงทำตามซะดี ๆ  เข้าใจ๋?"
เขาไม่เข้าใจ แต่คงเป็นเพราะสัญชาติญานการเอาตัวรอด สั่งให้เขาพยักหน้า

""พี่ไม่แปลกใจบ้างเหรอ รถคว่ำยับเยินขนาดนี้ ทำไมพี่ถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ทั้ง ๆ กระดูกกระเดี้ยวของพี่หักตั้งหลายแห่ง สมองก็ถูกกระแทก แผลแตกยับไปทั้งตัว..."
เขาตอบไม่ได้

"เพราะพี่ "หลุด" ออกจากร่างไงล่ะ จงกลับเข้าไปซะ"

"เรียกความรู้สึกเจ็บปวดให้เกิดขึ้น..บอกตัวเองว่าจงเจ็บ ๆ  เร็วเข้าซี้..รถจะระเบิดแล้ว.."

"น่าน..อย่างง้าน.."

สิ้นคำของเธอ อยู่ ๆ ความเจ็บปวดก็พุ่งเป็นริ้วขึ้นมาจากทุกบาดแผลในตัวของเขา มันเจ็บปวดจนเกินจะบรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้
เจ็บจนตาพร่า เจ็บจนหูอื้อ เจ็บจนเกินจะทน
สาวน้อยหายไปแล้ว ควันหน้ารถยิ่งนานยิ่งพวยพุ่งเป็นหมอกหนา
เธอแนะนำให้เขาเรียกสติกลับคืนมา..เผชิญกับความเป็นจริง
"อีกแป๊บเดียวรถคันนี้ก็จะ "ตูม" ไฟก็จะลุก "พรึ่บ" พี่ก็จะกลายเป็น "กุ้งเผา".."
เสียงของเธอดังอยู่ในหู
สิ่งที่เขาต้องทำต่อไป ก็คือต้องช่วยตัวเอง
ปลดเข็มขัดด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ฝืนความเจ็บปวดด้วยการกัดฟันจนปวดไปทั้งปาก
กระแทกประตูรถที่บิดเบี้ยวโย้เย้เต็มแรง ไม่ได้ผล มีแต่เศษกระจกหน้าต่างร่วงกราว
ใช้ข้อศอกกระแทกกับกระจกรถที่แตกร้าวนั้น มันหลุดออกมาเป็นแผ่น กว้างพอที่จะลอดออกมาได้
ใช้เรี่ยวแรงทีเหลืออยู่ กับการกลัวตายที่ใครไม่เคยจะไม่รู้ว่ามันมีพลังมากแค่ไหน โหนตัวเองออกมาจนหน้าต่างบานนั้น
เดินโซเซไปยังถนน ก่อนจะทิ้งตัวลงทั้งตัว
พร้อม ๆ กับเสียง "ตูม" ของรถและแสงเจิดจ้าของไฟที่ลุก "พรึ่บ" ขึ้นอย่างรวดเร็ว
ก่อนตัวเขาจะถึงพื้น..เขาสิ้นสติไปแล้ว
เป็นการสิ้นสติกลางอากาศอย่างแท้จริง!!
+++++

นิยายเรื่องนี้ไม่น่าจะยาว เพราะตั้งใจจะเขียนสั้น ๆ
หวังว่าจะตามอ่านกันนะครับ






แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่