สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิป นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ผิดพลาดประการใดเราก็ต้องขออภัยด้วย
ปล. เรายืนยันตัวตนไม่ได้ค่ะ พยายามหลายครั้งแล้ว เลยมาตั้งในกระทู้คำถามแทน เพราะตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ
ประเด็นคือ เราเพิ่งดูรายการประเภทที่เปิดให้คนแชร์ประสบการณ์เรื่องลึกลับต่างๆ เรานึกขึ้นได้ว่าเราก็มีเรื่องที่เคยประสบมา จึงอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
บอกก่อนว่า เราเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยค่ะ ยิ่งที่บ้านเราเป็นพวกหัวสมัยใหม่ อะไรๆก็จะอ้างถึงหลักวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อในเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ จนเรามาเจอกับตัวค่ะ
ปัจจุบันเรากำลังจะขึ้นปี4 แต่เรื่องราวเกิดขึ้นตอนเราเพิ่งเข้าปี1นะคะ
ตอนนั้นเราเข้ามาเรียนได้สัก2-3เดือน ก็ต้องย้ายหอพักใหม่เพราะที่เก่าไม่สะดวกหลายๆอย่าง ก็ไปหาหอพักกับเพื่อน เป็นหอนอกนะคะ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมากค่ะ ดูแค่ที่ที่ไม่ไกลจากมหาลัย และราคาไม่แพงมาก เมื่อโอเคก็ตกลงและย้ายของเข้าเลยค่ะ เราก็อยู่กันสองคนกับเพื่อน และห้องข้างๆก็มีเพื่อนอีกคนที่เรียนสาขาเดียวกันก็มาอยู่ติดๆกันค่ะ หอพักเป็นห้องธรรมดาเหมือนบ้านเช่าเล็กๆเรียงกันและบ้านของป้าเจ้าของหอก็อยู่ถัดไปใกล้ๆกันค่ะ ป้าเจ้าของหอพักใจดีมาก
มาอยู่ที่นี่ เราฝันแปลกๆบ่อยค่ะ แต่จะแปลกตรงที่ส่วนใหญ่มักฝันตอนอยู่คนเดียว แต่ถ้ามีเพื่อนมาอยู่ด้วยจะไม่ค่อยฝันอะไร คือเพื่อนคนที่อยู่กับเรา บางคืนก็ไปค้างกับแฟน บางคืนก็นอนกับเรา ประมาณนี้ค่ะ ความฝันของเราก็จะฝันถึงแต่ในห้องนั้นแหละค่ะ ฝันว่ามีเด็กผู้ชายคนนึงมาเรียกให้เราไปเล่นกับเค้าบ้าง ฝันเห็นผีมาหลอกบ้าง ต่างๆนาๆ แต่ไม่คิดอะไรค่ะ และดึกๆมักจะได้ยินเสียงคนกระทืบพื้น ดัง ปึง! ปึง! เป็นประจำ
คืนแรกที่เกิดเรื่องคือ เราฝันว่าห้องๆนี้ มีตัวหนังสือเขียนเต็มพนัง แต่ตัวหนังสือนั้นเราอ่านไม่ออกค่ะ เป็นรอยเหมือนช็อกขีดๆเขียนๆมั่วไปหมด มีภาพวาดด้วยแต่ดูไม่ออกค่ะว่าภาพอะไร พร้อมกับเสียงบทสวดภาษาอะไรไม่รู้ค่ะ ค่อนข้างหลอนเลย สักพักเราก็สะดุ้งตื่นมาเจอเพื่อนเรายังนอนไถโทรศัพท์อยู่ คุยกันสักพักก็พากันหิวค่ะ5555 ชวนกันออกไปเซเว่น ตอนนั้นเที่ยงคืนกว่าเกือบตีหนึ่ง ลังเลอยู่นานว่าจะไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ไป เซเว่นอยู่ไม่ไกลมาก แต่ระหว่างทางไปรู้สึกแปลกๆตลอด บอกไม่ถูกเลยค่ะ มันรู้สึกแบบ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซื้อเสร็จขากลับ เรากับเพื่อนโดนรถมาชนท้าย (มอไซค์กับมอไซค์นะคะ เพื่อนเราเป็นคนขับ) ตัวเรากระเด็นออกจากรถ แต่ดีที่หัวไม่กระแทกค่ะ แค่ลุกเดินไม่ได้ เหมือนกระดูกเท้าจะพลิก เพื่อนเราก็ลงไปกอง มองเห็นกันไกลๆ ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากนั้นก็มีรถมารับเข้ารพ.ตามระเบียบ เรามีโอกาสได้คุยกับพี่ที่ขับมาชน เค้าบอกว่าเค้าไม่เห็นเรากับเพื่อนเลยค่ะ ทั้งๆที่ก่อนชนเราก็เห็นว่าเค้าขับตามหลังเราอยู่ เรายังหันไปพูดกับเพื่อนว่าคันนั้นขับเร็วจัง แต่เค้าบอกว่าไม่เห็นรถเราข้างหน้าเลย เห็นเป็นถนนโล่งๆ ตอนชนเค้าเองยัง งงๆ ว่าขับมาปกติ ชนได้ไง แต่ดีที่เค้าไม่เป็นอะไรมากแค่มีแผลถลอก และเค้าออกค่ารักษาพยาบาลให้เรากับเพื่อนทั้งหมดค่ะ
กว่าเท้าเราจะหายก็เกือบเดือนค่ะ เดินกะแผลกๆ ไปเรียน5555 หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนเราก็ย้ายออกเพราะนางย้ายที่เรียนค่ะ เราก็อยู่ต่อไปคนเดียว บางทีก็ไปนอนห้องเพื่อนที่อยู่ติดกันบ้าง เราก็เลยไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนนั้น ดึกๆชอบออกไปหาอะไรกินกัน (ยังไม่เข็ด555) แต่เราเป็นคนปากไม่ดีค่ะ ทางเข้าหอเราข้างๆจะเป็นป่าหมดเลย ค่อนข้างลึกและเปลี่ยว ก่อนถึงหอเรามันจะมีโค้งที่เป็นราว แล้วเพื่อนเราชอบบอกว่ามันเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่ตรงนั้น หลายครั้งเวลาขับผ่านดึกๆ เราก็พูดแกล้งเพื่อนไปว่า ก็ชวนไปนอนด้วยสิ คือตอนนั้นเราไม่เชื่อค่ะว่าผีมีจริง แต่เพื่อนเราคนนี้คือเชื่อ เค้าชอบเปิดฟังรายการเล่าเรื่องผี ชอบดูรายการเกี่ยวกับพวกนี้เป็นประจำ เราเห็นก็พร่ำด่าเพื่อนทุกครั้งว่า งมงาย ไร้สาระ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย
แต่เราก็ยังฝันมาเรื่อยๆ นะคะ เราฝันถึงเด็กผู้ชายบ่อยมาก มาคุยกับเรา ในฝันน้องเอาของเล่นมาด้วยเหมือนจะเป็นรถแม็คโครหรือรถไถของเล่นอะค่ะ น้องเข้ามาในห้องเราเลย แล้วก็มาเรียกพี่ๆ พี่ชื่ออะไร ในฝันเราก็บอกไปค่ะ คุยกับน้อง เล่นกับน้อง ฝันอยู่เป็นประจำถึงเด็กคนนี้แต่ก็ไม่เล่าให้ใครฟังค่ะ จนวันนึงป้าเจ้าของหออะค่ะ มาเล่าให้เราฟังเองว่าหอป้าเคยมีคนทำแท้งนะ ศพเด็กก็ฝังอยู่หลังห้องหนูนี่หล่ะ เราแบบ ขนลุกเลยนะคะ อยู่ๆแกก็มาเล่า คือตอนมาอยู่แรกๆแกไม่บอกอะไรเลย แต่พอเริ่มสนิทกันป้าก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้เราฟังมากขึ้น วันไหนแกนึกจะเล่าอะไรแกก็เล่า เช่น ผัวป้าเคยโดนคนเอาดาบฟันตายแถวนี้ อะไรแบบนั้น - -“
แต่เรื่องที่เราฝันเราไม่เคยเล่าให้แกฟังนะคะ
เราเป็นคนชอบเปิดประตูห้องไว้ให้ลมเข้า ระบายอากาศ เราไม่ชอบห้องอับๆ แต่พอเริ่มโพล้เพล้ป้าเจ้าของหอจะมาบอกให้เราปิดประตู แกว่าป่านๆนี้เค้าไม่ให้เปิดทิ้งไว้นะ เราก็เชื่อค่ะ ก็ทำตามแกบอก
จนมาถึงคืนนึง เราจำวันที่และเวลาที่แน่นอนไม่ได้แล้วนะคะ เรานอนหลับปกติ ประมาณช่วงรุ่งสางตี3-4 เราได้ยินเสียงสวดมนต์ค่ะ อันนี้ได้ยินจริงๆไม่ได้ฝัน ฟังไม่ออกว่าบทอะไร เราเป็นคนหลับยากตื่นง่าย เสียงนิดเดียวเราก็ตื่นค่ะ จากนั้นก็นอนไม่หลับอีก แต่ปิดตาอยู่ค่ะไม่ลืมตา สักพักขนมันลุกซู่ มันรู้สึกเย็นๆ ไม่ใช่อากาศหนาว แต่มันเย็นยะเยือก เราเลยลืมตา มองไปที่หน้าต่าง จะมีม่านบางๆกั้นอยู่ หลังม่านเราเห็นเป็นดวงไฟกลมเล็กๆอะค่ะ ค่อยๆลอยผ่านหน้าต่างห้องเราไป เราไม่รู้มันคืออะไรแต่เราเห็นจริงๆ จากนั้นเราคลุมโปงเลยค่ะ แล้วคิดว่าต้องเป็นอย่างอื่น คนส่องไฟรึเปล่า โน่นนี่นั่นรึเปล่า คิดทุกอย่างที่เป็นไปได้ที่จะไม่ใช่ผีอะค่ะ แต่ที่มันอธิบายไม่ถูกคือความรู้สึกที่เริ่มรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง อาการขนลุกขนพองที่มันมาเอง รู้สึกผมบนหัวเริ่มชี้ๆและมีอาการเสียวๆไล่จากหัวจรดเท้า มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก ต้องเจอเองกับตัวค่ะ เราไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แต่เราเหงื่อท่วมตัวนอนคลุมโปงไม่ขยับเลย หายใจก็ให้เบาที่สุด เริ่มสวดมนต์ในใจแล้วทีนี้ เชื่อไม่เชื่อไม่รู้แต่มันกลัวไปแล้วค่ะจังหวะนั้น เรารออยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงไก่ขัน คิดว่าฟ้าคงสว่างแล้ว เราลุกแล้วรีบไปเปิดประตู ไปเคาะประตูเรียกเพื่อนห้องข้างๆ แล้วมาดูนาฬิกาตอนนั้นคือตี5ค่ะ
เพื่อนเราก็มาเปิดประตู งัวเงียๆ เราก็ขอเข้าไปในห้อง เราถามมันก่อน ว่าเมื่อคืนรู้สึกแปลกๆบ้างไหม มันก็บอกว่า เมื่อคืนมันปิดห้องรีบนอนตั้งแต่ทุ่มนึง แล้วไม่เปิดประตูห้องออกไปไหนอีกเลย เราก็ถามทำไม มันบอกมันรู้สึกแปลกๆไม่กล้าออกไปไหน แล้วเราก็เล่าให้มันฟัง มันก็หน้าถอดสีนะคะเหมือนกลัว พอเห็นเพื่อนกลัวเราเลยหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ อย่าคิดมาก มันน่าจะเป็นอะไรสักอย่างอะ กูหลอนไปเองมั้ง ผีมันจะไปมีได้ไง” พอจบคำว่า ผีมันจะไปมีได้ไงปุ๊บ มีเสียง “หึหึหึ” ชัดเจนมาก เป็นเสียงผู้หญิงหัวเราะในลำคอ เหมือนหัวเราะเยาะแบบสะใจ เสียงเย็นยะเยือกน่าขนลุกมาก เรากับเพื่อนหันสบตากัน เป็นอันรู้ว่าได้ยินเหมือนกัน แล้วก็เงียบอยู่แบบนั้นเป็นสิบนาที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ เราทั้งขนลุก ทั้งสงสัย ทั้งกลัว ทำอะไรไม่ถูก รนไปหมด ช่วงบ่ายๆวันนั้นเรากับเพื่อนเลยตัดสินใจกลับบ้านเลยค่ะ บ้านเราอยู่ห่างจากมหาลัยประมาณ70ก.ม. (อยู่จ.ตรัง)
ก็กลับพร้อมกัน บ้านเพื่อนถึงก่อนบ้านเรา ก่อนกลับบ้านตัวเองเราเลยแวะบ้านมันก่อน (บ้านอยู่ไม่ไกลกันมากค่ะห่างกันสิบกว่าโล) กะว่าไปเที่ยวบ้านมันสักหน่อย แล้วค่อยให้มันไปส่ง เดินเข้าไปกันสองคนเจอคุณปู่ของเพื่อนเรายืนอยู่หน้าบ้าน เราก็ยกมือไหว้ ยังไม่ทันพูดอะไร คุณปู่ก็ทักขึ้นมาว่า “มากันสามคนเหรอ” เรากับเพื่อนหันไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นใคร จากนั้นหลานของเพื่อนเราอายุ3-4ขวบ พอเห็นเพื่อนเราน้องร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ ร้องเสียงดังมาก ทั้งๆที่เพื่อนเราสนิทกับหลานมาก และน้องมักจะดีใจเวลาเห็นเพื่อนเรา แต่นี่เห็นแล้วร้องไม่หยุด เพื่อนเราก็งง คนในบ้านก็พากันงง
จากนั้นเราก็กลับมาบ้าน คนที่บ้านเราทักทุกคนเลยว่าหน้าเราหมองๆ ดูไม่สดชื่น ไม่สดใส ไปทำอะไรมา เรียนหนัก หรือยังไง เราก็คิดแล้วแหละค่ะว่ามันแปลกๆแล้ว แล้วพอดีเรามีญาติที่เค้าเชื่อเรื่องพวกนี้ เลี้ยงพวกกุมาร แล้วก็อีกหลายอย่างค่ะ เราก็ไม่ค่อยรู้จัก เราเลยลองแวะไปค่ะ ร้อยวันพันปีเราไม่เคยไปนะคะ5555 พอไปก็เจอป้าแกนั่งอยู่หน้าทีวี ยังไม่ทันพูดอะไร แกหันมามองเราแล้วยิ้มเลยค่ะ ไม่ใช่ยิ้มทักทายแต่ยิ้มแปลกๆเหมือนแกรู้อะไร คือเราไม่ค่อยมา แกควรจะสงสัยว่ามาทำมะเขือไร แต่แกยิ้มแล้วถามว่าไปโดนอะไรมา เราแบบ โอ๊ยยย เชื่อแล้วจ้า ตอนนี้เชื่อเลย ใครจะว่าเรางมงายอะไรยังไง เราก็เคยว่าคนอื่นมาก่อนค่ะว่างมงาย แต่ตอนนี้เราเชื่อค่ะ ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ เป็นพลังงานอะไรสักอย่างที่เรามองไม่เห็น และไม่ควรไปลบหลู่หรือท้าทายเค้านะคะ หลังจากนั้นแกก็แนะนำให้เราไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศล รดน้ำมนต์ แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระบ้าง เพราะเราเป็นคนไม่เข้าวัดเข้าวาไม่สนใจอะไรในศาสนาเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราเชื่อในตัวเอง คิดว่าข้านิเจ๋ง 55555 ส่วนเพื่อนเราก็ทำคล้ายๆกันค่ะ หาพระ เข้าวัดทำบุญต่างๆ จนเรื่องค่อยๆดีขึ้น หน้าเราที่หมองๆก็ดูดีขึ้น ก็อยู่บ้านไปยาวๆ
แต่พอต้องไปเรียนก็กลับไปอยู่หอเดิมค่ะ แรกๆก็ปกติดีมาได้เดือนสองเดือน เราก็ไปประสบอุบัติเหตุ แขนหัก แขนหักเลยค่ะ เข้าเฝือก ใส่เฝือก2-3เดือน และเหตุที่ทำให้แขนหักมันก็ค่อนข้างประหลาด (ถ้าเล่าอีกคงยาว) ช่วงนั้นคนที่ดูจะเป็นห่วงเรามากคือป้าเจ้าของหอเลยค่ะ แกดีมาก เราไปไหนไม่ได้ แกคอยทำกับข้าวมาให้เรากิน ซื้อนั่นนี่มาฝาก จนเราหายเป็นปกติ เราก็คุยกับแกว่าขอย้าย แกก็น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ สงสารแกมากๆค่ะ แต่เรารู้สึกว่าอยู่ต่อไปอาจจะหนักกว่านี้ เราก็ย้ายออกไป ค่าห้องเดือนสุดท้ายที่เราอยู่ ป้าก็ไม่เอาค่ะ ทุกวันนี้เรายังเจอป้าอยู่บ้าง ขับรถสวนกันแกก็ดีใจ มาคุยด้วย มาถามสารทุกข์สุขดิบ
ทุกวันนี้แม้จะย้ายหอไปแล้ว แต่เรารู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหมือนเดิมค่ะ แน่นอนในเรื่องความเชื่อมันก็เปลี่ยนไป จากที่คิดว่าไม่มีตอนนี้เชื่อว่ามี และยังได้เจอเหตุการณ์แปลกๆอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงกับอันตรายหรือเจ็บตัวแล้วค่ะ
จบแล้วค่ะเรื่องของเรา
สุดท้ายนี้เราขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสตินะคะ
อย่าประมาท เราไม่ได้บอกให้ใครมาเชื่อ มันก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล ขอให้ใช้วิจารณญาณ สวัสดีค่ะ
แชร์ประสบการณ์หอพักหลอน จ.นครศรีฯ
ปล. เรายืนยันตัวตนไม่ได้ค่ะ พยายามหลายครั้งแล้ว เลยมาตั้งในกระทู้คำถามแทน เพราะตั้งกระทู้สนทนาไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ
ประเด็นคือ เราเพิ่งดูรายการประเภทที่เปิดให้คนแชร์ประสบการณ์เรื่องลึกลับต่างๆ เรานึกขึ้นได้ว่าเราก็มีเรื่องที่เคยประสบมา จึงอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเองบ้าง โปรดใช้วิจารณญาณนะคะ
บอกก่อนว่า เราเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยค่ะ ยิ่งที่บ้านเราเป็นพวกหัวสมัยใหม่ อะไรๆก็จะอ้างถึงหลักวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อในเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ จนเรามาเจอกับตัวค่ะ
ปัจจุบันเรากำลังจะขึ้นปี4 แต่เรื่องราวเกิดขึ้นตอนเราเพิ่งเข้าปี1นะคะ
ตอนนั้นเราเข้ามาเรียนได้สัก2-3เดือน ก็ต้องย้ายหอพักใหม่เพราะที่เก่าไม่สะดวกหลายๆอย่าง ก็ไปหาหอพักกับเพื่อน เป็นหอนอกนะคะ ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมากค่ะ ดูแค่ที่ที่ไม่ไกลจากมหาลัย และราคาไม่แพงมาก เมื่อโอเคก็ตกลงและย้ายของเข้าเลยค่ะ เราก็อยู่กันสองคนกับเพื่อน และห้องข้างๆก็มีเพื่อนอีกคนที่เรียนสาขาเดียวกันก็มาอยู่ติดๆกันค่ะ หอพักเป็นห้องธรรมดาเหมือนบ้านเช่าเล็กๆเรียงกันและบ้านของป้าเจ้าของหอก็อยู่ถัดไปใกล้ๆกันค่ะ ป้าเจ้าของหอพักใจดีมาก
มาอยู่ที่นี่ เราฝันแปลกๆบ่อยค่ะ แต่จะแปลกตรงที่ส่วนใหญ่มักฝันตอนอยู่คนเดียว แต่ถ้ามีเพื่อนมาอยู่ด้วยจะไม่ค่อยฝันอะไร คือเพื่อนคนที่อยู่กับเรา บางคืนก็ไปค้างกับแฟน บางคืนก็นอนกับเรา ประมาณนี้ค่ะ ความฝันของเราก็จะฝันถึงแต่ในห้องนั้นแหละค่ะ ฝันว่ามีเด็กผู้ชายคนนึงมาเรียกให้เราไปเล่นกับเค้าบ้าง ฝันเห็นผีมาหลอกบ้าง ต่างๆนาๆ แต่ไม่คิดอะไรค่ะ และดึกๆมักจะได้ยินเสียงคนกระทืบพื้น ดัง ปึง! ปึง! เป็นประจำ
คืนแรกที่เกิดเรื่องคือ เราฝันว่าห้องๆนี้ มีตัวหนังสือเขียนเต็มพนัง แต่ตัวหนังสือนั้นเราอ่านไม่ออกค่ะ เป็นรอยเหมือนช็อกขีดๆเขียนๆมั่วไปหมด มีภาพวาดด้วยแต่ดูไม่ออกค่ะว่าภาพอะไร พร้อมกับเสียงบทสวดภาษาอะไรไม่รู้ค่ะ ค่อนข้างหลอนเลย สักพักเราก็สะดุ้งตื่นมาเจอเพื่อนเรายังนอนไถโทรศัพท์อยู่ คุยกันสักพักก็พากันหิวค่ะ5555 ชวนกันออกไปเซเว่น ตอนนั้นเที่ยงคืนกว่าเกือบตีหนึ่ง ลังเลอยู่นานว่าจะไปดีมั้ย แต่สุดท้ายก็ไป เซเว่นอยู่ไม่ไกลมาก แต่ระหว่างทางไปรู้สึกแปลกๆตลอด บอกไม่ถูกเลยค่ะ มันรู้สึกแบบ จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซื้อเสร็จขากลับ เรากับเพื่อนโดนรถมาชนท้าย (มอไซค์กับมอไซค์นะคะ เพื่อนเราเป็นคนขับ) ตัวเรากระเด็นออกจากรถ แต่ดีที่หัวไม่กระแทกค่ะ แค่ลุกเดินไม่ได้ เหมือนกระดูกเท้าจะพลิก เพื่อนเราก็ลงไปกอง มองเห็นกันไกลๆ ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากนั้นก็มีรถมารับเข้ารพ.ตามระเบียบ เรามีโอกาสได้คุยกับพี่ที่ขับมาชน เค้าบอกว่าเค้าไม่เห็นเรากับเพื่อนเลยค่ะ ทั้งๆที่ก่อนชนเราก็เห็นว่าเค้าขับตามหลังเราอยู่ เรายังหันไปพูดกับเพื่อนว่าคันนั้นขับเร็วจัง แต่เค้าบอกว่าไม่เห็นรถเราข้างหน้าเลย เห็นเป็นถนนโล่งๆ ตอนชนเค้าเองยัง งงๆ ว่าขับมาปกติ ชนได้ไง แต่ดีที่เค้าไม่เป็นอะไรมากแค่มีแผลถลอก และเค้าออกค่ารักษาพยาบาลให้เรากับเพื่อนทั้งหมดค่ะ
กว่าเท้าเราจะหายก็เกือบเดือนค่ะ เดินกะแผลกๆ ไปเรียน5555 หลังจากนั้นไม่นานเพื่อนเราก็ย้ายออกเพราะนางย้ายที่เรียนค่ะ เราก็อยู่ต่อไปคนเดียว บางทีก็ไปนอนห้องเพื่อนที่อยู่ติดกันบ้าง เราก็เลยไปไหนมาไหนกับเพื่อนคนนั้น ดึกๆชอบออกไปหาอะไรกินกัน (ยังไม่เข็ด555) แต่เราเป็นคนปากไม่ดีค่ะ ทางเข้าหอเราข้างๆจะเป็นป่าหมดเลย ค่อนข้างลึกและเปลี่ยว ก่อนถึงหอเรามันจะมีโค้งที่เป็นราว แล้วเพื่อนเราชอบบอกว่ามันเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่ตรงนั้น หลายครั้งเวลาขับผ่านดึกๆ เราก็พูดแกล้งเพื่อนไปว่า ก็ชวนไปนอนด้วยสิ คือตอนนั้นเราไม่เชื่อค่ะว่าผีมีจริง แต่เพื่อนเราคนนี้คือเชื่อ เค้าชอบเปิดฟังรายการเล่าเรื่องผี ชอบดูรายการเกี่ยวกับพวกนี้เป็นประจำ เราเห็นก็พร่ำด่าเพื่อนทุกครั้งว่า งมงาย ไร้สาระ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่ามั้ย
แต่เราก็ยังฝันมาเรื่อยๆ นะคะ เราฝันถึงเด็กผู้ชายบ่อยมาก มาคุยกับเรา ในฝันน้องเอาของเล่นมาด้วยเหมือนจะเป็นรถแม็คโครหรือรถไถของเล่นอะค่ะ น้องเข้ามาในห้องเราเลย แล้วก็มาเรียกพี่ๆ พี่ชื่ออะไร ในฝันเราก็บอกไปค่ะ คุยกับน้อง เล่นกับน้อง ฝันอยู่เป็นประจำถึงเด็กคนนี้แต่ก็ไม่เล่าให้ใครฟังค่ะ จนวันนึงป้าเจ้าของหออะค่ะ มาเล่าให้เราฟังเองว่าหอป้าเคยมีคนทำแท้งนะ ศพเด็กก็ฝังอยู่หลังห้องหนูนี่หล่ะ เราแบบ ขนลุกเลยนะคะ อยู่ๆแกก็มาเล่า คือตอนมาอยู่แรกๆแกไม่บอกอะไรเลย แต่พอเริ่มสนิทกันป้าก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆให้เราฟังมากขึ้น วันไหนแกนึกจะเล่าอะไรแกก็เล่า เช่น ผัวป้าเคยโดนคนเอาดาบฟันตายแถวนี้ อะไรแบบนั้น - -“
แต่เรื่องที่เราฝันเราไม่เคยเล่าให้แกฟังนะคะ
เราเป็นคนชอบเปิดประตูห้องไว้ให้ลมเข้า ระบายอากาศ เราไม่ชอบห้องอับๆ แต่พอเริ่มโพล้เพล้ป้าเจ้าของหอจะมาบอกให้เราปิดประตู แกว่าป่านๆนี้เค้าไม่ให้เปิดทิ้งไว้นะ เราก็เชื่อค่ะ ก็ทำตามแกบอก
จนมาถึงคืนนึง เราจำวันที่และเวลาที่แน่นอนไม่ได้แล้วนะคะ เรานอนหลับปกติ ประมาณช่วงรุ่งสางตี3-4 เราได้ยินเสียงสวดมนต์ค่ะ อันนี้ได้ยินจริงๆไม่ได้ฝัน ฟังไม่ออกว่าบทอะไร เราเป็นคนหลับยากตื่นง่าย เสียงนิดเดียวเราก็ตื่นค่ะ จากนั้นก็นอนไม่หลับอีก แต่ปิดตาอยู่ค่ะไม่ลืมตา สักพักขนมันลุกซู่ มันรู้สึกเย็นๆ ไม่ใช่อากาศหนาว แต่มันเย็นยะเยือก เราเลยลืมตา มองไปที่หน้าต่าง จะมีม่านบางๆกั้นอยู่ หลังม่านเราเห็นเป็นดวงไฟกลมเล็กๆอะค่ะ ค่อยๆลอยผ่านหน้าต่างห้องเราไป เราไม่รู้มันคืออะไรแต่เราเห็นจริงๆ จากนั้นเราคลุมโปงเลยค่ะ แล้วคิดว่าต้องเป็นอย่างอื่น คนส่องไฟรึเปล่า โน่นนี่นั่นรึเปล่า คิดทุกอย่างที่เป็นไปได้ที่จะไม่ใช่ผีอะค่ะ แต่ที่มันอธิบายไม่ถูกคือความรู้สึกที่เริ่มรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง อาการขนลุกขนพองที่มันมาเอง รู้สึกผมบนหัวเริ่มชี้ๆและมีอาการเสียวๆไล่จากหัวจรดเท้า มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยาก ต้องเจอเองกับตัวค่ะ เราไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร แต่เราเหงื่อท่วมตัวนอนคลุมโปงไม่ขยับเลย หายใจก็ให้เบาที่สุด เริ่มสวดมนต์ในใจแล้วทีนี้ เชื่อไม่เชื่อไม่รู้แต่มันกลัวไปแล้วค่ะจังหวะนั้น เรารออยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงไก่ขัน คิดว่าฟ้าคงสว่างแล้ว เราลุกแล้วรีบไปเปิดประตู ไปเคาะประตูเรียกเพื่อนห้องข้างๆ แล้วมาดูนาฬิกาตอนนั้นคือตี5ค่ะ
เพื่อนเราก็มาเปิดประตู งัวเงียๆ เราก็ขอเข้าไปในห้อง เราถามมันก่อน ว่าเมื่อคืนรู้สึกแปลกๆบ้างไหม มันก็บอกว่า เมื่อคืนมันปิดห้องรีบนอนตั้งแต่ทุ่มนึง แล้วไม่เปิดประตูห้องออกไปไหนอีกเลย เราก็ถามทำไม มันบอกมันรู้สึกแปลกๆไม่กล้าออกไปไหน แล้วเราก็เล่าให้มันฟัง มันก็หน้าถอดสีนะคะเหมือนกลัว พอเห็นเพื่อนกลัวเราเลยหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆ อย่าคิดมาก มันน่าจะเป็นอะไรสักอย่างอะ กูหลอนไปเองมั้ง ผีมันจะไปมีได้ไง” พอจบคำว่า ผีมันจะไปมีได้ไงปุ๊บ มีเสียง “หึหึหึ” ชัดเจนมาก เป็นเสียงผู้หญิงหัวเราะในลำคอ เหมือนหัวเราะเยาะแบบสะใจ เสียงเย็นยะเยือกน่าขนลุกมาก เรากับเพื่อนหันสบตากัน เป็นอันรู้ว่าได้ยินเหมือนกัน แล้วก็เงียบอยู่แบบนั้นเป็นสิบนาที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ เราทั้งขนลุก ทั้งสงสัย ทั้งกลัว ทำอะไรไม่ถูก รนไปหมด ช่วงบ่ายๆวันนั้นเรากับเพื่อนเลยตัดสินใจกลับบ้านเลยค่ะ บ้านเราอยู่ห่างจากมหาลัยประมาณ70ก.ม. (อยู่จ.ตรัง)
ก็กลับพร้อมกัน บ้านเพื่อนถึงก่อนบ้านเรา ก่อนกลับบ้านตัวเองเราเลยแวะบ้านมันก่อน (บ้านอยู่ไม่ไกลกันมากค่ะห่างกันสิบกว่าโล) กะว่าไปเที่ยวบ้านมันสักหน่อย แล้วค่อยให้มันไปส่ง เดินเข้าไปกันสองคนเจอคุณปู่ของเพื่อนเรายืนอยู่หน้าบ้าน เราก็ยกมือไหว้ ยังไม่ทันพูดอะไร คุณปู่ก็ทักขึ้นมาว่า “มากันสามคนเหรอ” เรากับเพื่อนหันไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นใคร จากนั้นหลานของเพื่อนเราอายุ3-4ขวบ พอเห็นเพื่อนเราน้องร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ ร้องเสียงดังมาก ทั้งๆที่เพื่อนเราสนิทกับหลานมาก และน้องมักจะดีใจเวลาเห็นเพื่อนเรา แต่นี่เห็นแล้วร้องไม่หยุด เพื่อนเราก็งง คนในบ้านก็พากันงง
จากนั้นเราก็กลับมาบ้าน คนที่บ้านเราทักทุกคนเลยว่าหน้าเราหมองๆ ดูไม่สดชื่น ไม่สดใส ไปทำอะไรมา เรียนหนัก หรือยังไง เราก็คิดแล้วแหละค่ะว่ามันแปลกๆแล้ว แล้วพอดีเรามีญาติที่เค้าเชื่อเรื่องพวกนี้ เลี้ยงพวกกุมาร แล้วก็อีกหลายอย่างค่ะ เราก็ไม่ค่อยรู้จัก เราเลยลองแวะไปค่ะ ร้อยวันพันปีเราไม่เคยไปนะคะ5555 พอไปก็เจอป้าแกนั่งอยู่หน้าทีวี ยังไม่ทันพูดอะไร แกหันมามองเราแล้วยิ้มเลยค่ะ ไม่ใช่ยิ้มทักทายแต่ยิ้มแปลกๆเหมือนแกรู้อะไร คือเราไม่ค่อยมา แกควรจะสงสัยว่ามาทำมะเขือไร แต่แกยิ้มแล้วถามว่าไปโดนอะไรมา เราแบบ โอ๊ยยย เชื่อแล้วจ้า ตอนนี้เชื่อเลย ใครจะว่าเรางมงายอะไรยังไง เราก็เคยว่าคนอื่นมาก่อนค่ะว่างมงาย แต่ตอนนี้เราเชื่อค่ะ ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ เป็นพลังงานอะไรสักอย่างที่เรามองไม่เห็น และไม่ควรไปลบหลู่หรือท้าทายเค้านะคะ หลังจากนั้นแกก็แนะนำให้เราไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศล รดน้ำมนต์ แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระบ้าง เพราะเราเป็นคนไม่เข้าวัดเข้าวาไม่สนใจอะไรในศาสนาเท่าไหร่ค่ะ เพราะเราเชื่อในตัวเอง คิดว่าข้านิเจ๋ง 55555 ส่วนเพื่อนเราก็ทำคล้ายๆกันค่ะ หาพระ เข้าวัดทำบุญต่างๆ จนเรื่องค่อยๆดีขึ้น หน้าเราที่หมองๆก็ดูดีขึ้น ก็อยู่บ้านไปยาวๆ
แต่พอต้องไปเรียนก็กลับไปอยู่หอเดิมค่ะ แรกๆก็ปกติดีมาได้เดือนสองเดือน เราก็ไปประสบอุบัติเหตุ แขนหัก แขนหักเลยค่ะ เข้าเฝือก ใส่เฝือก2-3เดือน และเหตุที่ทำให้แขนหักมันก็ค่อนข้างประหลาด (ถ้าเล่าอีกคงยาว) ช่วงนั้นคนที่ดูจะเป็นห่วงเรามากคือป้าเจ้าของหอเลยค่ะ แกดีมาก เราไปไหนไม่ได้ แกคอยทำกับข้าวมาให้เรากิน ซื้อนั่นนี่มาฝาก จนเราหายเป็นปกติ เราก็คุยกับแกว่าขอย้าย แกก็น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ สงสารแกมากๆค่ะ แต่เรารู้สึกว่าอยู่ต่อไปอาจจะหนักกว่านี้ เราก็ย้ายออกไป ค่าห้องเดือนสุดท้ายที่เราอยู่ ป้าก็ไม่เอาค่ะ ทุกวันนี้เรายังเจอป้าอยู่บ้าง ขับรถสวนกันแกก็ดีใจ มาคุยด้วย มาถามสารทุกข์สุขดิบ
ทุกวันนี้แม้จะย้ายหอไปแล้ว แต่เรารู้สึกเหมือนตัวเองไม่เหมือนเดิมค่ะ แน่นอนในเรื่องความเชื่อมันก็เปลี่ยนไป จากที่คิดว่าไม่มีตอนนี้เชื่อว่ามี และยังได้เจอเหตุการณ์แปลกๆอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ถึงกับอันตรายหรือเจ็บตัวแล้วค่ะ
จบแล้วค่ะเรื่องของเรา
สุดท้ายนี้เราขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีสตินะคะ
อย่าประมาท เราไม่ได้บอกให้ใครมาเชื่อ มันก็แล้วแต่ความเชื่อส่วนบุคคล ขอให้ใช้วิจารณญาณ สวัสดีค่ะ