ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
หากจะติดเชื้อโควิด-19 สักแสน หรือห้าแสน เสียชีวิตสักพันหรือสักหมื่น
จะเป็นยังไง ?
โควิด ไม่ใช่ระเบิดพลีชีพนะครับ ไม่ใช่นาปาล์มนะครับ
ที่ตูมขึ้นมาที่ไหนเมื่อไร ก็ระเนระนาดกันไปหมด บาดเจ็บล้มตายกันทันที
โควิดคือเชื้อโรค ที่ต้องอาศัยพาหะในการแพร่เชื้อ หากไม่มีพาหะ ก็ไม่มีฤทธิ์
แม้เรามองไม่เห็นตัวมัน แต่เรามองเห็นพาหะ ก็เหมือนเราเห็นปลั๊กไฟ ถ้าไม่เอานิ้วไปจิ้ม ก็ไม่ช้อต
แล้วเรากลัวอะไรมัน ?
เรายอมสูญเสียวิถีชีวิต ยอมสูญเสียเสรีภาพ ยอมทนทุกข์ยากลำบากทำมาหากินไม่ได้
เรากลัวโควิดมากเกินไปหรือเปล่า ?
เชื้อตัวนี้ มาจากไหน แน่ ๆ คือมาจากนอกประเทศ
คำถามคือ มันเข้ามาได้ไง ? เมื่อไร ? โดยใคร ? และใครยอมให้มันเข้ามาได้ ?
จนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจ ต้องใช้เงินเกินครึ่งของงบประมาณประจำปีเพื่อแก้ไขสถานการณ์
แล้วความรับผิดชอบ ตัวเหตุ กลายเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่รู้เรื่อง ที่ดำเนินชีวิตปกติ ถูกกล่าวหาว่าไม่มีวินัย ไม่เห็นแก่ส่วนรวม
พูดแล้วของขึ้น
อย่านึกว่าหล่อแล้วโมโหไม่เป็น
ผมเห็นชาวบ้านหน้าเขียวหน้าเหลืองมานานนับเดือน
และยิ่งโมโห เมื่อเห็นสื่ออวดเก่ง บอกว่าชาวบ้านควรปรับตัว
เฮ้ย มันเรื่องอะไร ที่คนเขาอยู่ดี ๆ ต้องมาสูญเสียวิถีชีวิตอย่างจำยอมให้ความร่วมมือกับความฟอนเฟะจากการบริหารของรัฐบาล
ไม่แค่สูญเสียวิถีชีวิต ยังทำมาหากินไม่ได้ ยังต้องยอมกลายเป็นนกในกรง เพื่อป้องโรคหรือเพื่อผลงานของคนไม่ทำงานไม่ได้เรื่องกันแน่
คนนับล้าน ทำมาหากินอยู่ดี ๆ วิถีชีวิตของเขา ช่องทางการทำมาหากินของเขา ปรับไม่ได้
จะให้ตัดผมเดลิเวอรีหรือไง จะให้ปรับขายชามะนาวแก้วละสิบห้าบาทในตลาดนัดแถวบ้านโคกอีโด่ยเป็นแบบโทรหรือไลน์วิ่งส่งหรือไง ฯลฯ
เซเว่น โลตัส ที่มีความพร้อมทุกด้าน ยังได้รับผลกระทบ
แล้วชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ความพร้อมไม่ถึง 2% ของเซเว่น โลตัส จะแค่ไหน
แทนที่จะชายตามารีบดูแลชั้นล่าง
ดันส่งสายตาไปอ้อนมหาเศรษฐีบนเล่าเต๊ง
.
เอาทุกอย่างกลับมา แล้วไปเพิ่มศักยภาพทางการแพทย์ ทั้งป้องกัน ทั้งรักษา
จะป่วย จะตาย ก็ต้องยอม อย่าเอาแต่กลัวคำครหาว่าทำงานไม่เป็น ก็หลายปีแล้วนี่ เห็นชัดแล้วว่าแค่ไหน
หากประชาชนเข้าใจ ต่อให้ป่วยเป็นแสน ตายหลายพัน ก็ไม่เสียความนิยม
ทำไมต้องกลัวความรับผิดชอบ ต้องกลัวไม่มีผลงาน lock down จน lack high (แหะ ๆ ไม่ใช่สับแสงวิชาการนะคับ ผมคิดเอง)
ใครไม่รับผิดชอบตัวเอง ติดเชื้อเจ็บป่วย ตาย ก็ช่วยไม่ได้ ดีกว่ารับผิดชอบตัวเองไม่ไหวเพราะโดนสั่งห้ามทำมาหากิน
สงกรานต์ ปีใหม่ เจ็บตายเป็นพัน ๆ ทุกปี ยิ่งกว่าสงคราม ยังไม่สะเทือน แต่แค่โควิด ทำเอาป่วนทั้งทางชีวิตและเศรษฐกิจเละเทะไปหมด
.
เอาล่ะ บ่นแค่นี้พอ ได้ระบายออกแล้ว โล่ง
รอดไม่รอดก็ช่าง
ประสาคนหล่อ
ผมอยากรู้จริง ๆ ครับ ว่าถ้าคนไทยติดเชื้อสักแสน เสียชีวิตสักพัน จะเป็นยังไง ? ............... โดย ตระกองขวัญ
หากจะติดเชื้อโควิด-19 สักแสน หรือห้าแสน เสียชีวิตสักพันหรือสักหมื่น
จะเป็นยังไง ?
โควิด ไม่ใช่ระเบิดพลีชีพนะครับ ไม่ใช่นาปาล์มนะครับ
ที่ตูมขึ้นมาที่ไหนเมื่อไร ก็ระเนระนาดกันไปหมด บาดเจ็บล้มตายกันทันที
โควิดคือเชื้อโรค ที่ต้องอาศัยพาหะในการแพร่เชื้อ หากไม่มีพาหะ ก็ไม่มีฤทธิ์
แม้เรามองไม่เห็นตัวมัน แต่เรามองเห็นพาหะ ก็เหมือนเราเห็นปลั๊กไฟ ถ้าไม่เอานิ้วไปจิ้ม ก็ไม่ช้อต
แล้วเรากลัวอะไรมัน ?
เรายอมสูญเสียวิถีชีวิต ยอมสูญเสียเสรีภาพ ยอมทนทุกข์ยากลำบากทำมาหากินไม่ได้
เรากลัวโควิดมากเกินไปหรือเปล่า ?
เชื้อตัวนี้ มาจากไหน แน่ ๆ คือมาจากนอกประเทศ
คำถามคือ มันเข้ามาได้ไง ? เมื่อไร ? โดยใคร ? และใครยอมให้มันเข้ามาได้ ?
จนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางสุขภาพและทางเศรษฐกิจ ต้องใช้เงินเกินครึ่งของงบประมาณประจำปีเพื่อแก้ไขสถานการณ์
แล้วความรับผิดชอบ ตัวเหตุ กลายเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่รู้เรื่อง ที่ดำเนินชีวิตปกติ ถูกกล่าวหาว่าไม่มีวินัย ไม่เห็นแก่ส่วนรวม
พูดแล้วของขึ้น
อย่านึกว่าหล่อแล้วโมโหไม่เป็น
ผมเห็นชาวบ้านหน้าเขียวหน้าเหลืองมานานนับเดือน
และยิ่งโมโห เมื่อเห็นสื่ออวดเก่ง บอกว่าชาวบ้านควรปรับตัว
เฮ้ย มันเรื่องอะไร ที่คนเขาอยู่ดี ๆ ต้องมาสูญเสียวิถีชีวิตอย่างจำยอมให้ความร่วมมือกับความฟอนเฟะจากการบริหารของรัฐบาล
ไม่แค่สูญเสียวิถีชีวิต ยังทำมาหากินไม่ได้ ยังต้องยอมกลายเป็นนกในกรง เพื่อป้องโรคหรือเพื่อผลงานของคนไม่ทำงานไม่ได้เรื่องกันแน่
คนนับล้าน ทำมาหากินอยู่ดี ๆ วิถีชีวิตของเขา ช่องทางการทำมาหากินของเขา ปรับไม่ได้
จะให้ตัดผมเดลิเวอรีหรือไง จะให้ปรับขายชามะนาวแก้วละสิบห้าบาทในตลาดนัดแถวบ้านโคกอีโด่ยเป็นแบบโทรหรือไลน์วิ่งส่งหรือไง ฯลฯ
เซเว่น โลตัส ที่มีความพร้อมทุกด้าน ยังได้รับผลกระทบ
แล้วชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ความพร้อมไม่ถึง 2% ของเซเว่น โลตัส จะแค่ไหน
แทนที่จะชายตามารีบดูแลชั้นล่าง
ดันส่งสายตาไปอ้อนมหาเศรษฐีบนเล่าเต๊ง