PART 17.///เมื่อฉันไปเรียนภาษาที่อังกฤษ///LIVERPOOL

----------------------------
++++สืบเนื่องมาจากที่เราไปเรียนภาษาที่อังกฤษและพบเจอเหตุการณ์บางอย่างที่น่าสนใจเลยเอามาแชร์ให้คนอื่นได้รับรู้ไปกับเราด้วย ++++
----------------------------
+++กระทู้ก่อนหน้า+++
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
+++ LIVERPOOL +++
LIVERPOOL เราว่าคนไทยต้องรู้จักเมืองนี้แน่นอนเลยละ เป็นเมืองกำเนิดแห่งนักร้องดังในตำนานอย่างThe Beatles ที่รู้จักไปทั่วโลกและทีมฟุตบอลชื่อดังแต่เราไม่ได้ชอบฟุตบอลละสิ ไม่ได้อินอะไรเลยเน้นไปทางศิลปะมากกว่าดังนั้นการมาครั้งนี้จะเน้นไปดูพวกงานศิลป์และบ้านเมืองของที่นี่ซะมากกว่า

เราออกเดินมามาเที่ยวที่เมืองนี้คนเดียวหลังจากที่เราเรียนภาษาได้จบคอร์สแล้วมันใช้เวลาเดินทางจากบ้านพี่สาวเราที่เมืองฮัดเดอร์ฟิลด์มาประมาณ1.30 นาที ตอนมาถึงที่นี่ครั้งแรกฝนเทต้อนรับดีมาก แต่ฝนที่นี่จะมาแบบไม่นานนักตกแปปๆปรอยๆแล้วก็จากไปเลยแล้วสักพักก็มาตกใหม่ๆวนไปเรื่อยๆ ดังนั้นทริปฉายเดี่ยวของเราในวันนี้มันก็จะเปียกฝนแบบฉ่ำๆหน่อย(คิดว่าดีแล้วที่ตกในซัมเมอร์ไม่งั้นมีหนาวสั่นแน่ๆ)
เมืองลิเวอร์พูลจะเป็นเมืองท่าเก่าเทียบฝั่งเลยละดังนั้นอาคารที่ติดน้ำส่วนใหญ่จะเป็นเหมือนโกดังเก่าๆเรียงเต็มไปหมดเลยแม้ว่าปัจจุบันจะถูกรีโนเวทใหม่แล้วก็ตามแต่มันยังคงความเก่าแบบคลาสสิคเอาไว้ได้อยู่แต่ถัดจากแถวท่าน้ำนอกนั้นจะเป็นอาคารที่ดูแบบโมเดิร์นมากอาคารจะดูแปลกๆตาดูบิดๆเบี้ยวๆตามลักษณะความเป็นสมัยใหม่มันให้อารมณ์โลกอนาคตที่แฝงในอาคารเก่าได้ดีมากเลยละ

ลิเวอร์พูลยังติดกับแมนเชสเตอร์อีกด้วยแต่สำหรับเรานะเราคิดว่าเมืองนี้เป็นอีกเมืองที่เหมาะกับการหาที่เรียนภาษามากๆเลยเพราะด้วยตัวเมืองที่ยังมีความหลากหลายมากๆ(มากกว่าลีดส์เมืองที่เราเรียนอยู่ด้วย)และในขณะเดียวกับมันก็ไม่มีความวุ่ยวายมากเกินไปเหมือนกับแมนเชสเตอร์และค่าคลองชีพยังถูกกว่าอีกด้วยทำให้มันเป็นที่ที่พอดีสำหรับการเรียนที่ไม่ค่อยแพงมากและได้เรียนรู้สิ่งต่างในเมืองได้เยอะทีเดียว
ตอนที่เราแพลนว่าจะมาที่นี่เราแค่ปักมุดในกูเกิ้ลว่าจะไปที่ใหนบ้างแต่ไม่ได้ละเอียดถึงขนาดว่าออกจากสถานีรถไฟแล้วต้องไปทางใหนต่อหรือเดินทางในเมืองนี้ยังไงดีเราแค่ออกจากสถานีรถไฟจากนั้นตามฝูงผู้คนไปเรื่อยๆถ้าหลงแล้วถึงจะหยิบโทรศัพท์มาเช็คดูว่าเรามาถูกทางมั้ย จากนั้นเราเดินตามคนอื่นมาเรื่อยๆจนผ่านมาห้างนี้ Liverpool ONE (ตอนเดินไปไม่รู้หรอกว่ามันชื่ออะไรไปหาในกูเกิ้ลแมพตอนที่จะเขียนกระทู้นี้ละ) ในห้างนี้จะมีช็อปหลายร้านเหมือนที่อื่นละแต่พิเศษกว่าที่อื่นคือจะมีร้านของสาวกทีมฟุตบอลลิเวอร์พูลด้วย
พื้นยังเปียกอยู่เลย บอกเลยนะทริปนี้ฉ่ำมากกกกกกกกกก55555
ห้างนี้ไม่ได้เป็นอาคารเดียวแล้วเอาร้านค้าไว้ข้างในนะแต่จะแบ่งเป็น 2 ฝั่งขนานกันเป็นเส้นโค้งแล้วตรงกลางหลังคาจะเปิดโล่งเลยนี่เราคิดนะว่าแค่ฝนยังเปียกขนาดนั้นและถ้าหน้าหิมะละจะขนาดใหน
Apple Store สาขานี้กระจกสูงมากทีเดียวกินพื้นที่ได้ 2 ชั้นเลยแต่ภานในก็จะเรียบๆเหมือนสาขาอื่นๆ
เราเดินไปเรื่อยๆโดยมุ่งทางไปที่แถวๆท่าน้ำของเมืองเพื่อที่จะไปดูมิวเซียม
เดินไปเกือบจะถึงมิวเซียมแล้วละอีกสัก 30 ก้าวจะถึงแล้วแต่!!!!!!!!!!ฝนลงมาแล้วจ้าาาาาาาาาาาาา  เราใส่เกียร์หมาเลยเพราะเม้ดฝนใหญ่ทีเดียวสุดท้ายก็ถึงแล้วแม่จะชุ่มๆไปบ้าง
และที่คือที่เราจะมากัน มันคือMUSEUM OF LIVERPOOL หรือพิพิธภัณฑ์ของเมืองลิเวอร์พูล การออกแบบของอาคารนี้จะเป็นสีเหลี่ยมผืนผ้าที่ขนานไปกับขอบท่าน้ำแต่มีการเอียงแกนของอาคารอีกด้านให้ตัดกันกับอาคารอาคารเลยดูแปลกๆสวยดีและผนังอาคารยังกรุด้วยสิ่งที่คล้ายกับหินอ่อนที่ตัดเป็นชิ้นละชิ้นอีกด้วย
ภายในอาคารจะมีหลายชั้นด้วยกันนะโดยมีบันได้เวียนเป็นตัวผ่านไปชั้นต่างๆ ในภาพในเราชอบเด็กกระเป๋าชมพูมากเห็นได้ว่ามีคนกำลังเดินลงมาแบบไม่มีพื้นที่ว่างๆให้เดินขึ้นได้เลยแต่เธอยอมที่รอให้คนไปก่อนแทนที่จะพุ่งเดินขึ้นไปก่อนแบบเด็กทั่วไป เราชอบที่น้องคนนี้รู้จักที่จะรอก่อน(ว่าแต่กระเป๋าน้องเด่นมาก555)
บันไดเวียนที่คอยพาคนขึ้นไปชั้นต่างๆ แต่ที่นี่มีลิฟท์นะแต่การออกแบบบันไดดีๆสามารถให้คนอยากจะใช้บันไดมากกว่าใช้ลิฟท์อีกจะเห็นได้ว่าการออกแบบดีๆนั้นช่วยประหยัดพลังงานได้นะ
เราชอบที่คนที่นี่จะถกประเด็นกันแบบมันส์มากกกกกกก(เหมือนกับที่ไทยกำลังถกเรื่องเงิน 5000กันอยู่เลยนะหยอกๆ)เนื่องจากมันเป็นที่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนี้ไว้ทั้งหมดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันดังนั้นที่นี่จะเป็นเหมือนกับโรงเรียนสอนประวัติศาสตร์อีกด้วยอีกด้วยเราจะมักเห็นพวกที่เหมือนอาจารย์หรือนักศึกษามาที่นี่บ่อย(ใครที่ชอบหนุ่มๆสาวๆสายนี้แนะให้แวะไปมิวเซียมเลยนะบอกเลยไม่พลาดงานดีบอกเลยงานดี)แต่นอกจากนั้นก็มีคนทั่วไปมาชมบ้างเหมือนกันทำให้มันเป็นมิวเซียมที่ไม่เงียบแบบผีหลอกเหมือนบ้านเรานะโว้ยยยยยยย
 
ตู้ด้านล่างจะเก็บของจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เลยนะเพราะสมัยนั้นลิเวอร์พูลเป็นด่านแรกๆที่ถูกโจมตีทีเดียวแถวนั้นราบเรียบจากภัยสงครามมาก
รถไฟโบราณสามาถเข้าไปดูด้านในขบวนได้แต่รูปปั้นคนจะหลอนๆหน่อยไม่ค่อยเนียน
ตรงนี้จะแสดงเรื่องราวJohn Lennon และ Yoko Ono โดยJohn Lennonนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกวงThe Beatles ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการเพลงมากมายแต่ผมกลับชอบเขาและภรรยาในฐานะนักเรียกร้งสันติภาพและการหยุดสงครามเพราะการที่คนๆนึงออกมาเรียกร้องหรือทำสิ่งต่างเพื่อสังคมในทางที่ดีมันทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ยิ่งกว่าเดิมและในตอนสุดท้ายจุดจบของJohn Lennonได้ถูกฆาตกรรมก็ตามแต่ประวัติศาตร์ในครั้งนั้นได้ถูกจารึกเรื่องราวดีๆเอาไว้ให้โลกเเละคนรุ่นหลังอย่างพวกเราได้รู้จักกันมัน
เรากลับมาอ่านเพิ่มเติมในภาษาไทยและได้ชอบการคิดของJohn Lennon มากและหนึ่งในนั้นคือ 

 .........ตอนเด็กเมื่อครูได้ถามJohn Lennon ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร แล้วJohn Lennon ตอบว่า "ความสุข".....ครูตอบกลับว่าเธอไม่เข้าใจคำถาม
และJohn บอกว่าครูนั่นละไม่เข้าใจชีวิต
หลังจากเดินดูที่มิวเซียมจบแล้วเราก็เดินมาที่Tate Liverpool ซึ่นจะเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะต่างๆโดยอาคารรอบบริเวณนี้จะเป็นมิวเซียมและพื้นที่แสดงงานศิลปะเต็มไปหมดเลยและมีร้านค้าที่ขายงานศิลป์ด้วยเช่นกัน ที่Tate Liverpool เดิมเป็นอาคารท่าเก่าๆที่นำมาปรับปรุงเป็นแกลลอรี่ศิลปะ
ผ่านประตูบานหมุนๆ(ที่คิดว่ามันจะหนีบเรามั้ยวะ)เข้ามาก็จะเป็นโถงจากนั้นอ่านบันบอร์ดมันจะแสดงว่าเเต่ชั้นกำลังแสดงอะไรอยู่บ้างชอบชั้นไปก็ไปได้เลยนะ
เริ่มที่ชั้นนี้มันเป็น....................อิหยังวะ555555 ตามรูปนั่นละคือจะนำรองเท้ามายัดๆเป็นก้อน
ตรงนี้จะแสดงหน้ากากแบบกันพิษในออกแบบใหม่ดูแบบประหลาดๆมาก
งานภาพเขียนก็มาา
ห้องนี้พื้นจะเป็นเส้นๆชวนเวียนหัวมากกกก แต่จับตาพ่อลุกนี้ไว้นะ ตอนแรกพี่น้องหยอกกันเงียบ
สักพักมีวิ่งโดยพ่อมองอยู่นะ
ซีนต่อมาทั้งพี่และน้องโดยรวบโดยคุณพ่อเอง555555555เพราะคนที่นี่ค่อนข้างเกรงใจส่วนรวมนะมากเล่นเสียงดังที่นี่ไม่ได้นะ ฉะนั้นโดยรวบเลยแต่น้องน่ารักกกกกกกกกกก
หน้ากากกันพิษโซนเดียวกันด้านบน
อันนี้มายังชั้นล่างๆจะแสดงพวกพันธ์ไม้ต่างๆ
เจ้าตัวนี้ชื่อ Superlambanana โดยน้องเป็นส่วนผสมระหว่างแกะกับกล้วยคือมีตัวเป็นแกะและมีหางเป็นกล้วย(งงมั้ย) โดยน้องจะถูกวางไว้รอบๆอาคารเลยนะแต่ละตัวลายจะถูกลงสีโดยศิลปินต่างๆและเหนือกว่าอื่นใดที่แย่งซีนน้องตัวนี้คือคุณผู้หญิงสูงวัยที่ดูเปรี้ยวมากแม่55555555555แฟชั่นมากเราชอบ
ค้อนสีๆนี้สร้างโดย Ugo Rondinoneศิลปินชาวสวิส โดยงานของศิลปินคนนี้จะเน้นไปที่เอาก้อนสีสันต่างๆมาเรียงกันในแนวดิ่งบอกเลยนะว่าสีสดมากกกกแม้วันที่ฟ้ามัวฝนตกยังสดใสอยู่เลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่