ถ้าอยู่ในรถแล้วไม่เป็นไร แต่พอก้าวลงมาแตะพื้นแล้วทำให้ถูกไฟดูดเสียชีวิต   

อธิบายว่า
สายไฟฟ้าที่ถูกฟ้าผ่าขาดลงมาโดนรถมานั้น ทำให้รถเกิด V หรือแรงดันหรือศักย์ไฟฟ้าอยู่กับตัวรถ(เหมือนกลายเป็นปลั๊กไฟทั่วไป) และที่ทำให้รถต้องกลายเป็นปลั๊กไฟลอยอยู่ก็เพราะกระแส I ยังไม่อาจไหลลงพื้นได้คล่องเพื่อสลายศักย์ไฟฟ้าดังกล่าว เพราะมียางรถที่เป็นฉวนช่วยป้องกันการไหลลงพื้นได้มากระดับหนึ่ง

แต่สมมุติถ้ารถเป็นฉนวนทั้งคันนั้นถือว่าปลอดภัยสุดและจะไม่เกิดศักย์ไฟฟ้าในตัวรถ เมื่อเปิดประตูก้าวออกมาก็จะไม่ถูกไฟดูดเพราะไม่เกิดกระแสไหลผ่านรถและคน เหลือเพียงสายไฟค้างอยู่บนตัวรถที่เป็นฉนวน   แต่เนื่องจากรถนั้นมีหลังคาและโครงที่เป็นโลหะนำไฟฟ้าได้จึงทำให้เกิดศักย์ไฟฟ้าในตัวรถหรือกลายเป็นสภาพปลั๊กไฟอย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามโครงโลหะของรถก็ถือเป็นสภาพกรงฟาราเดย์ที่ช่วยให้คนปลอดภัยได้เช่นกัน(หรือถ้าสมมุติไฟจากโครงรถไหลลงพื้นได้ คนก็ยังปลอดภัยไปตามสภาพกรงฟาราเดย์ แต่อาจได้รับอันตรายบางส่วนจากความร้อนที่เกิดจากการลัดวงจรหรือไหลลงพื้นอย่างแรงดังกล่าว)

และที่เกิดปัญหาอันตรายถึงชีวิตในกรณีนี้ ก็เพราะการก้าวลงจากรถที่มีศักย์ไฟฟ้า V  นั้นทำให้เกิด"กระแส I ไหลผ่านร่างกายและขา"ลงสู่พื้นถนนได้ ซึ่งเป็นสภาพกราวด์ตามธรรมชาติ

และในข่าวบอกว่าเกิดไฟไหม้รถด้วยใครๆก็ต้องรีบออกมาจากรถเป็นธรรมดา โดยการอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ถือว่าเลวร้ายและน่าเห็นใจมาก เพราะต้องหารีบทางออกจากรถโดยเร็ว แต่เมื่อออกจากรถตามปกติก็ถูกไฟดูดเสียชีวิตอีก  หรือถ้ารู้สึกว่าก้าวแตะพื้นแล้วโดนไฟดูด ชาวบ้านทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าลงจากรถอีกล่ะครับ   ดังนั้นสมมุติถ้าเกิดเหตุการณ์โชคร้ายเช่นนี้ ก็ขอให้พยายามตั้งสติกระโดดลอยออกจากรถโดยไม่ให้สัมผัสประตูรถหรือส่วนใด