สวัสดีค่ะ กระทู้นี้บอกก่อนว่า เรื่องราวทั้งหมด อาจจะเป็นเพียงแค่มุมหนึ่งของสังคมที่เป็นสังคมเมืองแล้ว เป็นอารมณ์ธรรมดาของมนุษย์คนหนึ่งที่อาจจะยังชื่นชอบกับรสชาติของชีวิต ตัวเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่สัมผัสมาแล้ว แต่ตอนนี้ด้วยความคิดหลายๆ อย่าง เลยตัดสินใจหยุด ณ ตอนนั้น เพราะเห็นแก่อนาคตของตัวเอง และรู้ดีว่าเราเคยคิดผิด แต่คงจะยังตัดสินใจกันไม่ได้ว่ามันผิดหรือถูกในแง่ของศีลธรรมส่วนรวม เพราะมันเป็นแค่อารมณ์ส่วนบุคคล จากคนหนึ่งไปอีกคน อย่างน้อยก็อาจจะยังดีกว่าการเบียดเบียนชีวิตใคร ดังนั้นเรื่องนี้ ไม่ได้ต้องการส่งเสริมให้ทำผิดศีลธรรม แต่ตั้งใจมาเพื่อสอนใจคนที่ไม่พร้อมจริงๆ ว่าอย่าลองเลยดีกว่า
ขอเริ่มเล่าจากตัวเราก่อน เราเป็นสาวเจ้าเนื้อคนหนึ่ง ไม่อ้วนมาก อวบน้อย ประมาณบวมน้ำนิดๆ แต่ความรู้สึกอย่างว่าค่อนข้างสูง จนวันหนึ่ง เราเริ่มสะดุดตาตรงที่เราเห็นอะไรบางอย่างจากในทวิตเตอร์เลย เป็นสังคมที่เรียกว่าด้านมืด มีทั้งแท้ไม่แท้ ชายหญิงและเพศที่ 3 เราก็เลยรู้ว่าด้านมืดของทวิตเตอร์ก็คือการปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดของตัวเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คนอยากโชว์ หรือหาคู่ร่วมปลดปล่อย ด้วยความที่สนใจอยากลองปลดปล่อยตัวเองบ้าง ก็เลยเริ่มสมัครแอคเค้าท์ทวิตมาเพื่อลองปลดปล่อยตัวเองบ้าง กลายเป็นว่าตัวเองได้รับความสนใจในชั่วข้ามคืน ถึงขั้นว่ามีใครส่งภาพนั้นมาจนรู้สึกเอียนไปเลย แต่ใจก็คือแค่อยากหาคู่ วิธีเล่นที่วนๆ กันไปแต่ละวันก็คือ ปลดปล่อยตัวเอง แต่ไม่ได้อยากอะไรกับใครจริงจัง เพราะกลัวว่าบางคนจะเป็นโรคจิต หรือทำมิดีมิร้ายเกินกว่านั้น ก็เลยทำได้แค่คอลกัน จนวันหนึ่ง หลังจากที่มีคนติดตามประมาณพันกว่าคน ตัวเองเกิดความรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งตัวเองมีแฟนมีสามีขึ้นมาจริงๆ แล้วภาพพวกนี้หลุดไปแล้วเขาจำได้ขึ้นมา มันจะส่งผลแค่ไหน ด้วยความที่กำลังคุยๆ กันอยู่กับผู้ชาย และความสัมพันธ์ระหว่างเราก็เริ่มไปด้วยดี เราก็เลยตัดสินใจปิดแอคเค้าท์ตรงนั้นไป เพราะหนึ่งคือถ้าเราเล่นอยู่ เราอาจจะรู้สึกผิดกับเรา ผิดกับสิ่งที่เขาให้เรา และตอนนั้นเราก็รู้ว่า ความรักมันไม่ได้มีแค่เรื่องอย่างว่า แต่จริงๆ มันคือเรื่องจิตใจ เราคงรับไม่ได้ถ้าเราตอบแทนความซื่อสัตย์ของเขาแบบนี้ ส่วนอีกเรื่องก็คือ เราเริ่มเอียนกับสังคมและชีวิตที่ต้องเจอกับภาพพวกนั้น (ไม่ขอพูดว่าภาพอะไร) ที่ด้านมืดส่งมาอวดเราวันละสิบวันละร้อยภาพ มันยิ่งรู้สึกไม่ดีว่า เกิดความกังวลไปว่าเราอาจจะไม่ได้คนที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราต้องการเลยก็ได้ ดังนั้นจึงหยุดเล่นทวิต รวมแล้วนานเกือบ 2-3 ปีเลยทีเดียวตั้งแต่เริ่มเข้ามา
ส่วนเรื่องสังคมในนั้น ขอบอกก่อนว่า สังคมนั้น ถึงจะเป็นสังคมแห่งการปลดปล่อย แต่จริงๆ ขอบเขตของเขาแทบไม่ต่างกับคนปกติธรรมดาทั่วไป (โดยเฉพาะผู้หญิง) บางคนที่เข้าสังคมมาก็เพียงเพื่อหนีสามีภรรยา บางคนก็เพราะเหงา ดังนั้นบางคนเลยจั่วหัวไว้ใน Bio เลยว่า ไม่มีการติดต่อขอซื้อขอขายอะไรทั้งสิ้น ขอให้เข้ามาคุยแบบสุภาพ ไม่ส่งรูปนั้นมา ไม่คุยกับคนไม่มีรูป Profile ไปจนกระทั่งว่า ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใคร ก็ไม่คุย ส่วนผู้ชาย มักจะบอกเพียงแค่ว่า เป็นชายแท้ ไม่ชอบเพศที่ 3 มีน้อยที่จุกจิกเหมือนผู้หญิง ส่วนประสบการณ์การพูดคุยใน 2-3 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ เราพบว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมนั้น ชอบ ONS ที่มาด้วยผลประโยชน์ล้วนๆ มากกว่า FWB ที่ไม่ผูกมัดแต่ยังมีความสัมพันธ์ และเท่าที่ดูมา FWB มักจะพบกับกลุ่มแอคคู่ (คู่รักที่หาคนที่ 3 มาเติมเต็มอารมณ์) มากกว่า ส่วนที่ถึงกับหาคู่เป็นแฟนกันเลย ไม่เคยเจอ เพราะมันเป็นสังคมของเรื่องอย่างว่า ไม่ใช่เรื่องทางจิตใจ ดังนั้นคนที่มาทางนี้ส่วนใหญ่ก็คือตั้งใจมาเพื่อปลดปล่อยตัวเองหรือหาคู่ในแบบ ONS มากกว่าจะหาคู่รักแบบในโลกบนดินทั่วไป ปกติ ด้านมืดส่วนใหญ่ มักจะเป็นแค่กลุ่มคนที่ Exhibition กันปกติธรรมดา แต่ความด้านมืดบางอย่างที่มันเป็นภัยสังคมชัดเจนเลย เช่น แอบถ่ายคนอื่น หรือขายของที่ขโมยมา อันนี้คือพฤติกรรมที่คนด้านมืดทั่วไปเองยังไม่ยอมรับ ก็จะมีการ Report กันต่อไป
ส่วนเรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าสังคมทวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวสารพัด หรือบางอย่างที่อาจจะหาไม่ได้จากโซเชียลอื่นๆ เรามักจะเห็นกลุ่มสาวประเภทสองในทวิต ออกมาพูดเรื่องการเมืองและเรื่องบางอย่างอยู่บ่อยๆ แต่เราก็ไม่กล้ายุ่งมาก เพราะเราก็กลัวเหมือนกัน เลยไม่ได้แตะไปถึงตรงนั้น แต่รู้สึกว่าเขาเล่นแรงมากกกกนะ นอกจากนี้ มันก็จะมีเรื่องการวิจารณ์สังคม หรือเรื่องต่างๆอยู่ด้วย แต่ก็ไม่สนใจตรงนี้มากเพราะมันละเอียดอ่อนไปและมันไกลตัว เลยไม่อยากยุ่ง ส่วนเรื่องไอดอล ละคร ซีรีย์ อันนี้ติดตามจนติดใจ แต่ไม่ค่อยดูซีรีย์เอเชีย จะเน้นไปทางซีรีย์ฝรั่งและละครไทย ซีรีย์ไทยมากกว่า ตรงนี้คือด้านทั่วๆ ไปที่เราคิดถึงอยู่ แต่ถ้าจะให้กลับไปโลกด้านมืด คงยาก เพราะเรามีความสุขกับแฟนเราแล้ว เราก็เลยไม่ต้องไปทำอะไรอีก
สุดท้าย เราแนะนำว่า ด้านมืดในทวิตเตอร์เนี่ย ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่พร้อม หรือจริงๆ คือไม่เหมาะกับใครทั้งนั้น เพราะโลกออนไลน์ อะไรเกิดขึ้น มันก็คงอยู่ตลอดไป เราคงไม่สบายใจหากไม่ว่าเราหรือใครเองที่กลับตัวกลับใจออกจากสังคมตรงนั้นแล้ววันหนึ่งมีใครที่เรารู้จัก รู้ว่าเราเคยอยู่ตรงนั้น มันก้คงเป็นเรื่องที่ทำร้ายกันเข้าไปอีก ดังนั้น แนะนำเลยว่า ให้ทำวิธีตามปกติเหมือนที่หนังสือเรียนเคยสอน แต่อย่าถึงกับออกตัว เปิดเผยตัวตนกันชัดเจนเลย โลกเรามีหลายสีปนกันไป
[18+] รีวิวและเตือนเรื่อง 'ด้านมืด' ในทวิตเตอร์ และเรื่องอื่นๆ นิดหน่อย
ขอเริ่มเล่าจากตัวเราก่อน เราเป็นสาวเจ้าเนื้อคนหนึ่ง ไม่อ้วนมาก อวบน้อย ประมาณบวมน้ำนิดๆ แต่ความรู้สึกอย่างว่าค่อนข้างสูง จนวันหนึ่ง เราเริ่มสะดุดตาตรงที่เราเห็นอะไรบางอย่างจากในทวิตเตอร์เลย เป็นสังคมที่เรียกว่าด้านมืด มีทั้งแท้ไม่แท้ ชายหญิงและเพศที่ 3 เราก็เลยรู้ว่าด้านมืดของทวิตเตอร์ก็คือการปลดปล่อยอารมณ์ด้านมืดของตัวเอง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คนอยากโชว์ หรือหาคู่ร่วมปลดปล่อย ด้วยความที่สนใจอยากลองปลดปล่อยตัวเองบ้าง ก็เลยเริ่มสมัครแอคเค้าท์ทวิตมาเพื่อลองปลดปล่อยตัวเองบ้าง กลายเป็นว่าตัวเองได้รับความสนใจในชั่วข้ามคืน ถึงขั้นว่ามีใครส่งภาพนั้นมาจนรู้สึกเอียนไปเลย แต่ใจก็คือแค่อยากหาคู่ วิธีเล่นที่วนๆ กันไปแต่ละวันก็คือ ปลดปล่อยตัวเอง แต่ไม่ได้อยากอะไรกับใครจริงจัง เพราะกลัวว่าบางคนจะเป็นโรคจิต หรือทำมิดีมิร้ายเกินกว่านั้น ก็เลยทำได้แค่คอลกัน จนวันหนึ่ง หลังจากที่มีคนติดตามประมาณพันกว่าคน ตัวเองเกิดความรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งตัวเองมีแฟนมีสามีขึ้นมาจริงๆ แล้วภาพพวกนี้หลุดไปแล้วเขาจำได้ขึ้นมา มันจะส่งผลแค่ไหน ด้วยความที่กำลังคุยๆ กันอยู่กับผู้ชาย และความสัมพันธ์ระหว่างเราก็เริ่มไปด้วยดี เราก็เลยตัดสินใจปิดแอคเค้าท์ตรงนั้นไป เพราะหนึ่งคือถ้าเราเล่นอยู่ เราอาจจะรู้สึกผิดกับเรา ผิดกับสิ่งที่เขาให้เรา และตอนนั้นเราก็รู้ว่า ความรักมันไม่ได้มีแค่เรื่องอย่างว่า แต่จริงๆ มันคือเรื่องจิตใจ เราคงรับไม่ได้ถ้าเราตอบแทนความซื่อสัตย์ของเขาแบบนี้ ส่วนอีกเรื่องก็คือ เราเริ่มเอียนกับสังคมและชีวิตที่ต้องเจอกับภาพพวกนั้น (ไม่ขอพูดว่าภาพอะไร) ที่ด้านมืดส่งมาอวดเราวันละสิบวันละร้อยภาพ มันยิ่งรู้สึกไม่ดีว่า เกิดความกังวลไปว่าเราอาจจะไม่ได้คนที่เราต้องการหรือสิ่งที่เราต้องการเลยก็ได้ ดังนั้นจึงหยุดเล่นทวิต รวมแล้วนานเกือบ 2-3 ปีเลยทีเดียวตั้งแต่เริ่มเข้ามา
ส่วนเรื่องสังคมในนั้น ขอบอกก่อนว่า สังคมนั้น ถึงจะเป็นสังคมแห่งการปลดปล่อย แต่จริงๆ ขอบเขตของเขาแทบไม่ต่างกับคนปกติธรรมดาทั่วไป (โดยเฉพาะผู้หญิง) บางคนที่เข้าสังคมมาก็เพียงเพื่อหนีสามีภรรยา บางคนก็เพราะเหงา ดังนั้นบางคนเลยจั่วหัวไว้ใน Bio เลยว่า ไม่มีการติดต่อขอซื้อขอขายอะไรทั้งสิ้น ขอให้เข้ามาคุยแบบสุภาพ ไม่ส่งรูปนั้นมา ไม่คุยกับคนไม่มีรูป Profile ไปจนกระทั่งว่า ไม่ถูกใจ ไม่ชอบใคร ก็ไม่คุย ส่วนผู้ชาย มักจะบอกเพียงแค่ว่า เป็นชายแท้ ไม่ชอบเพศที่ 3 มีน้อยที่จุกจิกเหมือนผู้หญิง ส่วนประสบการณ์การพูดคุยใน 2-3 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ เราพบว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมนั้น ชอบ ONS ที่มาด้วยผลประโยชน์ล้วนๆ มากกว่า FWB ที่ไม่ผูกมัดแต่ยังมีความสัมพันธ์ และเท่าที่ดูมา FWB มักจะพบกับกลุ่มแอคคู่ (คู่รักที่หาคนที่ 3 มาเติมเต็มอารมณ์) มากกว่า ส่วนที่ถึงกับหาคู่เป็นแฟนกันเลย ไม่เคยเจอ เพราะมันเป็นสังคมของเรื่องอย่างว่า ไม่ใช่เรื่องทางจิตใจ ดังนั้นคนที่มาทางนี้ส่วนใหญ่ก็คือตั้งใจมาเพื่อปลดปล่อยตัวเองหรือหาคู่ในแบบ ONS มากกว่าจะหาคู่รักแบบในโลกบนดินทั่วไป ปกติ ด้านมืดส่วนใหญ่ มักจะเป็นแค่กลุ่มคนที่ Exhibition กันปกติธรรมดา แต่ความด้านมืดบางอย่างที่มันเป็นภัยสังคมชัดเจนเลย เช่น แอบถ่ายคนอื่น หรือขายของที่ขโมยมา อันนี้คือพฤติกรรมที่คนด้านมืดทั่วไปเองยังไม่ยอมรับ ก็จะมีการ Report กันต่อไป
ส่วนเรื่องอื่นๆ แน่นอนว่าสังคมทวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวสารพัด หรือบางอย่างที่อาจจะหาไม่ได้จากโซเชียลอื่นๆ เรามักจะเห็นกลุ่มสาวประเภทสองในทวิต ออกมาพูดเรื่องการเมืองและเรื่องบางอย่างอยู่บ่อยๆ แต่เราก็ไม่กล้ายุ่งมาก เพราะเราก็กลัวเหมือนกัน เลยไม่ได้แตะไปถึงตรงนั้น แต่รู้สึกว่าเขาเล่นแรงมากกกกนะ นอกจากนี้ มันก็จะมีเรื่องการวิจารณ์สังคม หรือเรื่องต่างๆอยู่ด้วย แต่ก็ไม่สนใจตรงนี้มากเพราะมันละเอียดอ่อนไปและมันไกลตัว เลยไม่อยากยุ่ง ส่วนเรื่องไอดอล ละคร ซีรีย์ อันนี้ติดตามจนติดใจ แต่ไม่ค่อยดูซีรีย์เอเชีย จะเน้นไปทางซีรีย์ฝรั่งและละครไทย ซีรีย์ไทยมากกว่า ตรงนี้คือด้านทั่วๆ ไปที่เราคิดถึงอยู่ แต่ถ้าจะให้กลับไปโลกด้านมืด คงยาก เพราะเรามีความสุขกับแฟนเราแล้ว เราก็เลยไม่ต้องไปทำอะไรอีก
สุดท้าย เราแนะนำว่า ด้านมืดในทวิตเตอร์เนี่ย ไม่เหมาะสำหรับคนที่ไม่พร้อม หรือจริงๆ คือไม่เหมาะกับใครทั้งนั้น เพราะโลกออนไลน์ อะไรเกิดขึ้น มันก็คงอยู่ตลอดไป เราคงไม่สบายใจหากไม่ว่าเราหรือใครเองที่กลับตัวกลับใจออกจากสังคมตรงนั้นแล้ววันหนึ่งมีใครที่เรารู้จัก รู้ว่าเราเคยอยู่ตรงนั้น มันก้คงเป็นเรื่องที่ทำร้ายกันเข้าไปอีก ดังนั้น แนะนำเลยว่า ให้ทำวิธีตามปกติเหมือนที่หนังสือเรียนเคยสอน แต่อย่าถึงกับออกตัว เปิดเผยตัวตนกันชัดเจนเลย โลกเรามีหลายสีปนกันไป