อย่าห่วงว่า ช่วยเหลือใครแล้ว เขาจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยหรือไม่อย่างไร ทุกคนมีสิทธิเท่ากัน

กระทู้คำถาม
เพราะสุดท้ายแล้วคนที่มีเหลือจากการได้รับการเยียวยา ย่อมมีโอกาสนำการเยียวยานั้น มาช่วยเหลือเศรษฐกิจในวงจรอื่นได้อีกต่อเนื่องกันไป

หลายคนส่วนใหญ่ รวมถึงภาครัฐ มักวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีเยียวยาจากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นน้ำไฟ เงินเยียวยา หรือเบี้ยต่างๆ ว่าจะหลุดไม้หลุดมือไปยังกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ แต่เข้าข่ายการเยียวยา จนกระทั่งสรรหา AI ขึ้นมาเพื่อแยกแยะผู้ไม่ควรได้รับสิทธิ จนกลายเป็นว่าผู้ที่สมควรได้กลับไม่ได้

สาเหตุหลักๆก็คงเพราะว่า ภาครัฐมีงบประมาณไม่เพียงพอ ต่อการช่วยหนุนหรือเยียวยาทุกฝ่าย ดังนั้นจึงต้องตัดคนออกให้มากที่สุด

แท้จริงแท้ จขกท มองว่า ณ จุดนี้ หาใช่มีใครไม่เดือดร้อน ผู้ได้รับผลกระทบมีทุกฝ่ายในหลายๆด้าน เพียงแต่ กระทบแล้วยังพอมีบุญเก่า สายป่านยาวอยู่หรือไม่ อย่าง SME ผู้ที่กระทบแล้วเจ๊ง ก็มี กระบบแล้ว ยอดขายเพิ่มก็น่าจะมี การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น จะอ้างว่าใครเดือดว่า ใครเดือดร้อนหรือไม่ที่อาชีพการงาน หรือองค์กร หรือสินทรัพย์บุญเก่าย่อมไม่ยุติธรรม

ดังนั้น การช่ายเหลือหรือเยียวยาไม่ใช่การ แจกเงินเกก็ผู้ที่ AI พิศวงจะชี้นิ้วนำ แต่เป็นการที่ภาครัฐต้องแยกมิติของความเดือดร้อนในระยะสั้นและระยะยาว หลังนำงบประมาณไปถมกับสวัสดิการนั้นๆเพื่อจุนเจือผู้เดือดร้อนเฉพาะหน้า เช่น การรักษาพยาบาล ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน คำที่สำหรับประกอบอาชีพที่ได้รับการผ่อนผัน ศารถเมล์ ค่าเดินทาง (ดีที่ค่าน้ำมันปรับตัวต่ำลงบางแล้ว) ฯลฯ

ต่างๆเหล่านี้ แทนที่จะแจก 5000 บาท กลับสมควรเก็บไว้จุนเจือในลักษณะ*หนุน* ดีกว่า เช่นไฟกี่หน่วย ทำกี่หน่วย เมล์ฟรี ที่อาจจะวิ่งน้อยลงแล้ว แต่ก็ต้องมีเพื่อคนจำเป็น

ข้าวของบริโภค ของใช้จำเป็น แทนที่จะไปขอเป็นตัวเงินบริจาคจากเจ้าสัวหลายๆเจ้า สู้ทำเป็น โครงการช็อปช่วยยถึง ห้างร้านช่วยรัฐหนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น น้ำมันทำอาหาร นมผง เพื่อสัตว์ ผัก สบู่ยาสีฟัน ฯลฯ ที่เป็นเครื่องใช้จำเป็น ลดราคา30% เท่านี้ นอกจากกษค้าไม่สะดุดแล้ว ทุกคนยังได้รับประโยชน์

ไหนๆก็จะขอความเห็นใจ จาก Cp เซ็นทรัล เดอะะมอลกรุ๊ป ก็ขอทำโครงการแบบนี้จะดีกว่าไหมไม่ต้องบริหารงบให้วุ่นวาย เพราะห้าง ร้านค้าเหล่านี้มีระบบฐานข้อมูล และอัพเดทข้อมูลอยู่แล้ว ในกรณีนี้ สามารถใช้กับร้านธงฟ้าที่เคยลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ โดยการจ่ายที่หมด ให้แนบบัตรประชาชน จำกัดเดือนละไม่เกิน3000-5000บาท หากต้องการกำหนดคุณสมบัติ ก็ทำได้ทั้งก่อนและหลังการซื้อ จากบัตรประชาชนนั่นแหละ


ทีนี้ ก็มาถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเช่นโชว์ห่วย ท่านก็สามารถลดภาษีต่างๆให้กับเขาได้ ถ้าเขาคือคนในระบบอยู่แล้ว พ่อค้าขายของสด ท่านก็ทำสัญญากับฟาร์มเนื้อฟาร์มนมต่างๆได้ แล้วแต่ท่านจะคิดหากันไปเลย

ส่วนเงินที่ท่านจะมาแลก5000บาทนี้ และเบี้ยอีกมาก บวกกับจำนวนงบที่ต้องสูญหายระหว่างทางเพราะค่านั้นค่านี่ ท่านก็นำไปแบ่งจ่ายให้ห้างร้านเหล่านั้นซะ คั้นไปอีกเจ้าละ 10% เจ้าสัวก็ยิ้มแล้วมั้ง การจ้างงานยังมี การค้าขายยังไปได้ ศกจะฝืดแต่ไม่ซบ


แน่นอนว่ายังมีคนอีกมากที่จะไม่ใช้สวัสดิการนี้ คือถ้าไม่ยื่นบัตรปชช ก็จ่ายเท่าเดิมไป หลายคนที่ไม่ได้เดือดร้อนก็คงช่วยในส่วนนี้เอง


นอกนั้นก็คงต้องเยียวยาในอาชีพอื่นๆต่อไป แล้วแต่ท่านจะคิดออกเลย แต่อย่าลืม เรายังอยู่ในช่วงกักตัว ดังนั้นการใช้จ่ายย่อมต้องไม่ควรฟุ้งเฟ้อ


ระยะถัดไปจะเป็นเรื่องเปิดเทอมของนร. โรงรับจำนำ ร้านทอง ต้องมีคนมาตึ๊งของแน่นอน ได้ข่าวว่ามีการตรึงดอกไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วเพียง45วัน มันไม่เพียงพอหรอก จัดโครงการเลย เสื้อนร. หนังสือ อุปกรณ์การเรียน บวกอาหารในร.ร. ฯลฯ

โรงงาน ที่ปิดตัวไป 2-3เดือน จะเปิดใหม่ไม่ง่ายแล้ว ถึงตอนนั้น ท่านจะต้องมีมารตตารใดอีก จงคร่ำครวญดูเองเถิด


เพียงแค่ความคิดสะเปะสะปะยามฝนตก
แต่หากมีใครคำนึงความเป็นไปได้ได้ จะดีไม่น้อย

สวัสดี
(ขอบคุณที่อ่านจบ)
🥰🥰
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่