ผมเป็นลูกค้าเช่าซื้อรถยนต์กับ ธ.กรุงศรีฯ ซึ่งก่อนหน้าผมก็เช่าซื้อรถ
กับ ธนาคารอื่น ๆ หลายคันก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก ซึ่งเป็นปกติของ
ลูกค้า ( แทบทุกคน ) ที่จะส่งชำระค่างวดช้าบ้างแต่ไม่ถึงกับค้างค่างวด
ผมส่งค่างวดมาหลายปีงวดละประมาณ 16,000 เศษ นิดหน่อย เมื่อก่อน
ก็ไม่ค่อยมีปัญหา เนื่องจากเงินเดือน + รายได้จากร้านฯ ก็พอที่จะส่งค่างวด
ได้อย่างพอกินพอใช้ แต่เศรษฐกิจช่วงปีที่แล้วกับวิกฤตโควิท ทำให้เปิดร้าน
ไม่ได้มา 2 เดือนกว่าจะเข้า 3 เดือนแล้ว แต่ค่างวดผมก็ยังส่งบ้างล่าช้าบ้าง
ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ทวงถามว่าผมค่างค่างวด 3 เดือน ผมก็รู้สึกผิดปกติจึงได้
ขอตรวจสอบข้อมูลการส่งค่างวดปรากฎว่าเงินค่างวดที่ส่งไปบางงวดล่าช้านั้น
มีค่าปรับ ( ซึ่ง ธ.อื่นเขาจะบอกและขอปรับถ้าล่าช่าจริง ๆ หลายวันเป็นเดือน )
แฝงอยู่ในค่างวดตลอดเดือนละ 400 บ้าง 500 บ้าง ทำให้เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา
มีค่าปรับค่าง(พนักงานว่าในระบบ) พันกว่าบาท จึงขึ้นในระบบว่าผมค้างค่างวด 3 งวด
ต้องมีค่าปรับเพิ่ม 6,000 บาท ซึ่งก็บ้าไปแล้ว โดยได้ชี้แจงว่าผมชำระมาโดยตลอด
การค้างค่างวดแค่พันกว่าบาทซึ่งก็เป็นค่าปรับทำไมระบบต้องแจ้งว่าผมค่างค่างวด 3 งวด
ซึ่งจริง ๆ ผมค่างค่างวดเพียงเดือน เม.ย.63 เท่านั้นเพราะรอผลการพิจารณาพักชำระหนี้
ตามนโยบายลดผลกระทบของรัฐบาล ซึ่งพนักงานก็ไม่ติดต่อผมกลับสักทีทั้งที่แจ้งไป
หลายครั้งมาก เป็นเอาว่าถ้า ธ.กรุงศรีฯ ไม่ให้พักชำระหรือลดผลกระทบก็แจ้งลูกค้าไป
ตรง ๆ จะได้ไม่ต้องรอและค้าเอาค่าปรับซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกคุณกำหนดกันอย่างไร บางครั้ง
แค่โทรศัพท์มาสอบถามคุณก็คิดเป็นค่าติดตามเป็นพัน อย่างนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับลูกค้า
ของคุณ สุดท้ายนี้ผมหวังว่าความเป็นธรรมาภิบาลของธนาคารกรุงศรี จะทบทวนกรณี
ดังกล่าวด้วยอย่างเอาเปรียบลูกค้ามากเลยครับ เพราะทุกวันนี้ก็จะตายกันอยู่แล้ว.