จะสอบเข้าม.4เเล้ว ส่วนตัวเองจขกท.อยากจะเรียนสายศิลป์ครับเเต่ขัดกับความคิดของคุณเเม่ที่อยากให้เรียนสายวิทย์มากกว่าสายศิลป์ครับ
ผมเองพยายามพูดกับคุณเเม่หลายครั้งเเล้วครับเเต่ก็เปลี่ยนใจคุณเเม่ไม่ได้อยู่ดีผมพยายามพูดด้วยเหตุผล ข้อดี เเละยกตัวอย่างพี่ๆที่เรียนสายศิลป์เเล้วสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้เเต่ทุกครั้งที่พูดไปคุณเเม่ก็ใช้เหตุผลเเบบเดิมทุกครั้ง
" เรียนสายวิทย์ไปก่อนก็ได้มหาลัยค่อยต่อคณะสายศิลป์เอา ถ้าเกิดลูกเรียนสายศิลป์ไปพอต่อมหาลัยก็ได้คณะดีๆได้ไม่มากหรอกทางเลือกสายวิทย์มันมากกว่านะ "
"สายศิลป์ภาษามันก็เรียนเหมือนๆกับวิทย์นั้นเเหละ
อังกฤษก็เรียนเหมือนกัน ไทยสังคมก็ด้วย เรียนสายวิทย์ดีกว่านะ "
"สายศิลป์ถ้าเกิดลูกสอบไม่ติดมหาลัยดีๆขึ้นมายังไงก็ได้ไปต่อได้เเค่ราชภัฏเท่านั้นเเหละไปไหนไม่ได้หรอก"
"เรียนสายศิลป์จะไปสู้คนอื่นได้ยังไงคนอื่นเขาเก่งกว่าตั้งเยอะจะเอาวิชา ไทย สังคม ไปสู้คนอื่นหรอลูกสู้คนอื่นไม่ได้หรอก"
(ข้อความที่3กับ4ฟังครั้งเเรกรู้สึกเจ็บมาก เเต่ตอนนั้นก็อธิบายถึงการเรียนในสาย ส่วนการสอบเข้าได้ไม่ได้ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความขยันด้วยนะ จะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ถ้าไม่ขยัน อดทนพยายามเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้มันอาจจะไม่สำเร็จก็ได้)
"เด็กสายวิทย์เก่งกว่าสายศิลป์ตั้งเยอะ "
(ถึงคนที่เรียนสายวิทย์จะเก่งกว่าเเต่ก็เราสามารถเก่งได้เหมือนกันถึงจะคนละสายกัน)
" ลูกเรียนได้อยู่เเล้วลองดูก่อน ลูกอาจจะชอบก็ได้นะ เรียนพิเศษทีหลังเอา "
(จริงๆเเล้วผมไม่ค่อยชอบวิชาวิทย์กับคณิต เกรดวิชาคณิตกับวิทย์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ สอบตกก็หลายครั้ง )
ผมอยากเรียนศิลป์ญี่ปุ่นครับเพราะผมสนใจ อยากเป็นล่าม นักเเปล หรือไม่ก็ครูครับ ตั้งใจว่าจะสอบเข้าเตรียมอุดมสายศิลป์ครับผมไม่อนุญาตครับ
ท่านให้เหตุผลว่า
" อย่าเรียนเลยศิลป์ญี่ปุ่น ศิลป์ญี่ปุ่นเรียนไปก็ตกงาน เเม่กลัวลูกตกงาน เรียนภาษาเยอรมันดีกว่าไหม เรียนยากนะภาษานี้เวลาพูดเเล้วจะมีเสน่ห์มากๆเลยนะ "
(ผมฟังเเล้วก็งงๆนะ ผมบอกว่าการเรียนภาษาให้ได้ดีต้องมีPassionครับ พยายามอธิบายเรื่องทำงานในอนาคตครับ เเม่ก็เงียบไม่ได้พูดอะไรอีกเลย)
ทั้งหมดนี้เป็นเเค่ส่วนหนึ่งที่เเม่ผมพูดไว้ครับ
ผมเองก็รู้สึกไม่สบายใจทุกเลยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเข้าใจนะว่าผู้ใหญ่เขามีประสบการณ์มากกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน คนเป็นพ่อเเม่ก็หวังดีกับลูกเสมอ ผมเองก็ไม่อยากทำให้พ่อเเม่เสียใจ ไม่อยากเห็นตอนเขาร้องไห้เพราะผม ผมก็อยากทำให้พ่อเเม่ภูมิใจในตัวผม เเต่ผมเองก็อยากเลือกทำในสิ่งที่มีความสุข ทำตามความฝันของตัวเองครับ
ผมควรพูดกับคุณเเม่ยังไงดีครับ?รู้สึกเครียดมากๆ เคยไปปรึกษาคุณครูมาเเล้วครับ คุณครูพูดกับคุณเเม่ให้เเล้ว เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลครับ
อยากเรียนสายศิลป์เเต่คุณเเม่อยากให้เรียนสายวิทย์จะพูดกับคุณเเม่ยังไงดีครับ
ผมเองพยายามพูดกับคุณเเม่หลายครั้งเเล้วครับเเต่ก็เปลี่ยนใจคุณเเม่ไม่ได้อยู่ดีผมพยายามพูดด้วยเหตุผล ข้อดี เเละยกตัวอย่างพี่ๆที่เรียนสายศิลป์เเล้วสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้เเต่ทุกครั้งที่พูดไปคุณเเม่ก็ใช้เหตุผลเเบบเดิมทุกครั้ง
" เรียนสายวิทย์ไปก่อนก็ได้มหาลัยค่อยต่อคณะสายศิลป์เอา ถ้าเกิดลูกเรียนสายศิลป์ไปพอต่อมหาลัยก็ได้คณะดีๆได้ไม่มากหรอกทางเลือกสายวิทย์มันมากกว่านะ "
"สายศิลป์ภาษามันก็เรียนเหมือนๆกับวิทย์นั้นเเหละ
อังกฤษก็เรียนเหมือนกัน ไทยสังคมก็ด้วย เรียนสายวิทย์ดีกว่านะ "
"สายศิลป์ถ้าเกิดลูกสอบไม่ติดมหาลัยดีๆขึ้นมายังไงก็ได้ไปต่อได้เเค่ราชภัฏเท่านั้นเเหละไปไหนไม่ได้หรอก"
"เรียนสายศิลป์จะไปสู้คนอื่นได้ยังไงคนอื่นเขาเก่งกว่าตั้งเยอะจะเอาวิชา ไทย สังคม ไปสู้คนอื่นหรอลูกสู้คนอื่นไม่ได้หรอก"
(ข้อความที่3กับ4ฟังครั้งเเรกรู้สึกเจ็บมาก เเต่ตอนนั้นก็อธิบายถึงการเรียนในสาย ส่วนการสอบเข้าได้ไม่ได้ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความขยันด้วยนะ จะเรียนเก่งหรือไม่เก่ง ถ้าไม่ขยัน อดทนพยายามเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้มันอาจจะไม่สำเร็จก็ได้)
ผมเองก็รู้สึกไม่สบายใจทุกเลยที่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ผมเข้าใจนะว่าผู้ใหญ่เขามีประสบการณ์มากกว่า อาบน้ำร้อนมาก่อน คนเป็นพ่อเเม่ก็หวังดีกับลูกเสมอ ผมเองก็ไม่อยากทำให้พ่อเเม่เสียใจ ไม่อยากเห็นตอนเขาร้องไห้เพราะผม ผมก็อยากทำให้พ่อเเม่ภูมิใจในตัวผม เเต่ผมเองก็อยากเลือกทำในสิ่งที่มีความสุข ทำตามความฝันของตัวเองครับ
ผมควรพูดกับคุณเเม่ยังไงดีครับ?รู้สึกเครียดมากๆ เคยไปปรึกษาคุณครูมาเเล้วครับ คุณครูพูดกับคุณเเม่ให้เเล้ว เเต่สุดท้ายก็ไม่ได้ผลครับ