จะเริ่มเล่าตอนที่เราเข้าเรียนวิทยาลัยฯ
ในวิทยาลัย ตอนแรกเราไม่มีเพื่อน.. และอีกไม่นานก็มีเพื่อนคนแรกที้เข้ามาทักเราเรียกชื่อสมมุติว่า เอ นะเขาก็มีกลุ่มเพื่อนของเขาอยู่แล้วประมาณ6คน เขาก็เข้ามาทักเราชวนเราไปกินข้าวกลางวันด้วย เราก็ไปและก็ได้เริ่มรู้จักกับเพื่อนๆของเอ และได้อยู่กลุ่มกับพวกเขา.. พอเริ่มอยู่ได้ซัก1ปีกว่าๆ ทุกอย่างมันก็ดีหมดไม่มีปัญหาอะไรกัน.. แต่ไม่นาน เอ ก็เริ่มรวมตัวกันนินทาคนชื่อบี ในกลุ่มเพื่อนเดียวกัน ว่าทำนิสัยแบบนั้นๆหรือเรียกว่าเป่าหูให้เพื่อนๆฟังน่ะ นินทาไปเรื่อยๆพอเรียนจบปวช.เขาก็เตะบีออกจากกลุ่มเพื่อนโดยบีก็ไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด เพื่อนๆในกลุ่มก็ไม่ได้ห้ามอะไรเหมือนตามน้ำไปไม่พุดคุยยุ่งเกี่ยวกับบีอีกเลย และต่อมาเราเรียนจบปวชเราก็เรียนต่อที่เดิม ปวส.นั่นเอง เราก็อยู่ของเราปกตินั่นแหละไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันช่วงหลังๆ เอ เอาอีกแล้ว เริ่มรวมตัวเพื่อนนินทาเพื่อนคนที่ไม่อยู่ด้วยใครที่อยู่ฟัง เอมันจะไม่นินทาหรอก55+ คือเพื่อนอีกคนชื่อซี เขามีผู้ชายมาจีบแล้วก็คุยกันเรื่อยๆ เอมันก็เอาซีมานินทาว่า ซีมันบอกตัวเองไม่รู้ใสๆ อย่างนั้นอย่างนี้ จนเพื่อนคนอื่นเชื่อไปตามๆกันและเริ่มนินทากันเอามากๆ และทะเลาะกันเรื่องที่ซีติดแฟนมากจนเกินไปแล้วว่าจะเลิกคบ แต่.ีเขาก็เลิกคุยกับแฟนจนกลับมาคุยกับเอได้ จะบอกเลยว่าเอเป็นคนที่ มีเพื่อนต้องมีเพื่อนที่มีเงินชอบเลี้ยงชอบเที่ยวอะไรประมาณนั้น ซีก็เลยชอบเลี้ยงชอบเปย์เวลาไปกินข้าวก็จะเลี้ยงเอ เหมือน ยอมโง่ยอมโดนหลอกเอาเงินเพราะคำว่าเพื่อนอ่ะ แล้วเรื่องของซี เอมันก็ไม่นินทาอีก พอเราคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ได้ซัก3ปี คือเราก็มีแฟนอ่ะนะ เราเดินทางมาวิทยาลัยด้วยรถมอเตอร์ไซค์นี้แหละ พอเราสนิทกับแฟนเรามากๆก็เริ่มคุยกันว่า จะมาอยู่หอด้วยกัน ก็อย่างว่านะ ทุกคนจะเข้าใจดีหรืออาจจะไม่เข้าใจ แต่เราจะบอกว่า พอมาอยู่หอ อะไรมันก็ไม่ได้สะดวกเหมือนอยู่ที่บ้าน ถูกไหม ตอนอยู่บ้าน เงินเรื่องของกินก็ไม่ต้องได้ออกเองเพราะพ่อแม่ทำอาหารให้กินตลอดอยู่แล้ว พอมาอยู่หอต้องเอาเงินมาหาซื้อข้าวกินเอง ตัวเราก็ไม่ได้รวยอะไรมาก ก็พออยู่พอกินกับแฟน แล้วช่วงนั่นที่เราอยู่หอ เราก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเท่าไหร่นัก เพราะเราไม่มีเงินจริงๆ เราเลยปฏิเสธไป เพราะ ทางบ้านเราจะไปเที่ยวไหนก็ต้องขออนุญาตก่อนและขอเงินจากแม่ แต่แม้เราไม่อนุญาต เพราะช่วงนี้มันเป็นโควิดด้วย เราก็ตามที่แม่บอก ก็บอกกับเพื่อนตามนั้นว่าไปไม่ได้นะ และเอ ก็เอาอีกแล้ว.. เขานินทาเราที่ว่า ไปเที่ยวไปไหนก็ไปกับแฟน**ที่เราไปไหนกับแฟนคือเราอยู่หอด้วยกันไง จนตอนปิดเทอมนี้คือ เตะเราออกจากกลุ่ม แล้วไม่ได้บอกอะไรเราเลยว่าเราผิดเรื่องอะไร
เราเลยทักไปถามว่าเตะออกจากกลุ่มทำไ ม เราทำอะไรผิด คือเอตอบมาว่า ก็อยากเตะออกอ่ะ เราก็ถามอีกว่าเพราะอะไรล่ะ เอก็บอก มีก็เหมือนไม่มี เชิญอยู่กับแฟนไปเลย นี่คือคำพูดสุดท้าย ที่เราไม่ตอบ เราอยากร็ว่า เราผิดหรอ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วย (เราเป็นคนบ้านไกลอยู่นอกเมืองแล้วเรียนในเมืองจะไปหาเพื่อนแต่ละที่มันไกลมากเลยย แต่เพื่อนคนอื่นๆน่ะอยุ่ในเมืองกันหมด)เราไม้เคยทะเลาะอะไรกันเลยนะ เงินก็เคยให้ยืม ยืมแล้วก็ไม่คืน ตอนเรียนก็คุยกันเรื่องติ่งเกาหลีจนไม่สนใจเราเรายังไม่เดือดร้อนไม่ว่าอะไรสักคำ พอมาตอนนี้ ตัดเพื่อนกันได้ง่ายๆด้วยคำว่า ชวนไปไหนก็ไม่ไป **เรื่องมันเยอะกว่านี้แต่นี้เราสรุปมาเฉยๆ คือเอมันก็มีแฟนนะ แต่ก็แอบคุยกับผุ้ชายคนอื่นแอบไปเอากับผุ้ชายคนอื่น เพื่อนๆในกลุ่มก็ไม่เคยเอาไปเล่าให้ใครและแฟนมันฟังเลย สำหรับเราคิดว่าเอ เป็นคนเห็นแก่ตัวนะ ที่เพื่อนยังทิ้งได้ฃ่ายๆแบบนี้ไม่คิดถึงใจคนอื่น **เพื่อนคนอื่นๆเราก็ว่าคนเชื่อตามเอมันนั่นแหละ เราโดนเตะออกจากกลุ่ม ไม่มีใครทักมาหาเราเลยว่า ไม่เป็นไรนะ หริทักมาปลอบใจอะไรเลย เพื่อนแท้มันไม่มีอยู่จริงสินะ เราแค่มาระบายและอยากอ่านความเห็นของทุกคนว่าทุกคนคิดยังไง กับเรื่องของเรา /แต่สำหรับเราถ้าเพื่อนไม่ว่างมาเที่ยวด้วยเราก็ไม่คิดที่จะตัดเพื่อนแบบนี้หรอกมันเป็นความคิดของคนที่คิดไม่ได้อ่ะ คิดได้แค่นี้ ทำตัวทำนิสัยเหมือนเด็กประอนุบาลอ่ะ
เคยไหม? คำพูดที่แทงใจจากเพื่อน
ในวิทยาลัย ตอนแรกเราไม่มีเพื่อน.. และอีกไม่นานก็มีเพื่อนคนแรกที้เข้ามาทักเราเรียกชื่อสมมุติว่า เอ นะเขาก็มีกลุ่มเพื่อนของเขาอยู่แล้วประมาณ6คน เขาก็เข้ามาทักเราชวนเราไปกินข้าวกลางวันด้วย เราก็ไปและก็ได้เริ่มรู้จักกับเพื่อนๆของเอ และได้อยู่กลุ่มกับพวกเขา.. พอเริ่มอยู่ได้ซัก1ปีกว่าๆ ทุกอย่างมันก็ดีหมดไม่มีปัญหาอะไรกัน.. แต่ไม่นาน เอ ก็เริ่มรวมตัวกันนินทาคนชื่อบี ในกลุ่มเพื่อนเดียวกัน ว่าทำนิสัยแบบนั้นๆหรือเรียกว่าเป่าหูให้เพื่อนๆฟังน่ะ นินทาไปเรื่อยๆพอเรียนจบปวช.เขาก็เตะบีออกจากกลุ่มเพื่อนโดยบีก็ไม่รู้เรื่องเลยว่าตัวเองทำอะไรผิด เพื่อนๆในกลุ่มก็ไม่ได้ห้ามอะไรเหมือนตามน้ำไปไม่พุดคุยยุ่งเกี่ยวกับบีอีกเลย และต่อมาเราเรียนจบปวชเราก็เรียนต่อที่เดิม ปวส.นั่นเอง เราก็อยู่ของเราปกตินั่นแหละไม่ได้มีเรื่องทะเลาะอะไรกันช่วงหลังๆ เอ เอาอีกแล้ว เริ่มรวมตัวเพื่อนนินทาเพื่อนคนที่ไม่อยู่ด้วยใครที่อยู่ฟัง เอมันจะไม่นินทาหรอก55+ คือเพื่อนอีกคนชื่อซี เขามีผู้ชายมาจีบแล้วก็คุยกันเรื่อยๆ เอมันก็เอาซีมานินทาว่า ซีมันบอกตัวเองไม่รู้ใสๆ อย่างนั้นอย่างนี้ จนเพื่อนคนอื่นเชื่อไปตามๆกันและเริ่มนินทากันเอามากๆ และทะเลาะกันเรื่องที่ซีติดแฟนมากจนเกินไปแล้วว่าจะเลิกคบ แต่.ีเขาก็เลิกคุยกับแฟนจนกลับมาคุยกับเอได้ จะบอกเลยว่าเอเป็นคนที่ มีเพื่อนต้องมีเพื่อนที่มีเงินชอบเลี้ยงชอบเที่ยวอะไรประมาณนั้น ซีก็เลยชอบเลี้ยงชอบเปย์เวลาไปกินข้าวก็จะเลี้ยงเอ เหมือน ยอมโง่ยอมโดนหลอกเอาเงินเพราะคำว่าเพื่อนอ่ะ แล้วเรื่องของซี เอมันก็ไม่นินทาอีก พอเราคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ได้ซัก3ปี คือเราก็มีแฟนอ่ะนะ เราเดินทางมาวิทยาลัยด้วยรถมอเตอร์ไซค์นี้แหละ พอเราสนิทกับแฟนเรามากๆก็เริ่มคุยกันว่า จะมาอยู่หอด้วยกัน ก็อย่างว่านะ ทุกคนจะเข้าใจดีหรืออาจจะไม่เข้าใจ แต่เราจะบอกว่า พอมาอยู่หอ อะไรมันก็ไม่ได้สะดวกเหมือนอยู่ที่บ้าน ถูกไหม ตอนอยู่บ้าน เงินเรื่องของกินก็ไม่ต้องได้ออกเองเพราะพ่อแม่ทำอาหารให้กินตลอดอยู่แล้ว พอมาอยู่หอต้องเอาเงินมาหาซื้อข้าวกินเอง ตัวเราก็ไม่ได้รวยอะไรมาก ก็พออยู่พอกินกับแฟน แล้วช่วงนั่นที่เราอยู่หอ เราก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนเท่าไหร่นัก เพราะเราไม่มีเงินจริงๆ เราเลยปฏิเสธไป เพราะ ทางบ้านเราจะไปเที่ยวไหนก็ต้องขออนุญาตก่อนและขอเงินจากแม่ แต่แม้เราไม่อนุญาต เพราะช่วงนี้มันเป็นโควิดด้วย เราก็ตามที่แม่บอก ก็บอกกับเพื่อนตามนั้นว่าไปไม่ได้นะ และเอ ก็เอาอีกแล้ว.. เขานินทาเราที่ว่า ไปเที่ยวไปไหนก็ไปกับแฟน**ที่เราไปไหนกับแฟนคือเราอยู่หอด้วยกันไง จนตอนปิดเทอมนี้คือ เตะเราออกจากกลุ่ม แล้วไม่ได้บอกอะไรเราเลยว่าเราผิดเรื่องอะไร
เราเลยทักไปถามว่าเตะออกจากกลุ่มทำไ ม เราทำอะไรผิด คือเอตอบมาว่า ก็อยากเตะออกอ่ะ เราก็ถามอีกว่าเพราะอะไรล่ะ เอก็บอก มีก็เหมือนไม่มี เชิญอยู่กับแฟนไปเลย นี่คือคำพูดสุดท้าย ที่เราไม่ตอบ เราอยากร็ว่า เราผิดหรอ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวด้วย (เราเป็นคนบ้านไกลอยู่นอกเมืองแล้วเรียนในเมืองจะไปหาเพื่อนแต่ละที่มันไกลมากเลยย แต่เพื่อนคนอื่นๆน่ะอยุ่ในเมืองกันหมด)เราไม้เคยทะเลาะอะไรกันเลยนะ เงินก็เคยให้ยืม ยืมแล้วก็ไม่คืน ตอนเรียนก็คุยกันเรื่องติ่งเกาหลีจนไม่สนใจเราเรายังไม่เดือดร้อนไม่ว่าอะไรสักคำ พอมาตอนนี้ ตัดเพื่อนกันได้ง่ายๆด้วยคำว่า ชวนไปไหนก็ไม่ไป **เรื่องมันเยอะกว่านี้แต่นี้เราสรุปมาเฉยๆ คือเอมันก็มีแฟนนะ แต่ก็แอบคุยกับผุ้ชายคนอื่นแอบไปเอากับผุ้ชายคนอื่น เพื่อนๆในกลุ่มก็ไม่เคยเอาไปเล่าให้ใครและแฟนมันฟังเลย สำหรับเราคิดว่าเอ เป็นคนเห็นแก่ตัวนะ ที่เพื่อนยังทิ้งได้ฃ่ายๆแบบนี้ไม่คิดถึงใจคนอื่น **เพื่อนคนอื่นๆเราก็ว่าคนเชื่อตามเอมันนั่นแหละ เราโดนเตะออกจากกลุ่ม ไม่มีใครทักมาหาเราเลยว่า ไม่เป็นไรนะ หริทักมาปลอบใจอะไรเลย เพื่อนแท้มันไม่มีอยู่จริงสินะ เราแค่มาระบายและอยากอ่านความเห็นของทุกคนว่าทุกคนคิดยังไง กับเรื่องของเรา /แต่สำหรับเราถ้าเพื่อนไม่ว่างมาเที่ยวด้วยเราก็ไม่คิดที่จะตัดเพื่อนแบบนี้หรอกมันเป็นความคิดของคนที่คิดไม่ได้อ่ะ คิดได้แค่นี้ ทำตัวทำนิสัยเหมือนเด็กประอนุบาลอ่ะ