ต้องออกตัวก่อนเลยนะว่าเราไม่ใช่เจ้าของแอคนี้ แต่ยืมเพื่อนเรามาใช้อีกที กลัวใช้แอคของตัวเองแล้วคนอื่นจำได้ แหะๆ
สวัสดีจ้า สวัสดี เราพึ่งตั้งกระทู้มาไม่กี่สิบกระทู้ หัดเล่นพันทิปมาไม่กี่ปี ภาษาอ่านจะอ่านยากๆ งง หรืออะไรก็ตามแต่ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเด้อ ช่วงนี้อยู่บ้านเหงาๆ ง่าวๆ กับยัยเพื่อนตัวดี นั่งกิน นอนกินกันไปวันๆ มันแสนจะเบื่อ แบบเบื่อตัวเท่าโลก เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ จริงๆ ก็ระบายนั่นแหละ
อ่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นมาประมาประมาณ 6 เดือนมาแล้ว เราก็เป็นชะนีบ้านนอกสูงวัยนิดนึง (นิสนึงจริงๆ =.,= ) ใช้ชีวิตในเมืองกรุงทำงานไปวันๆ สัพเพเหระ ชีวิตไร้สาระไปเรื่อย แต่ดีหน่อยที่บ้านพอมีฐานะซัพพอร์ตอะไรหลายๆ อย่างได้ ทำให้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่หมดไปกับการติ่งค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ ใช่ค่ะ อิฉันเป็นติ่ง อายุปูนนี้แล้วก็ยังไม่เลิกติ่ง สงสัยมันเป็นโรคร้ายแรงอะไรบางอย่างที่ไม่อยากรักษาให้หาย นอกเรื่องมานานละ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวชะนีสายติ่งของเรามันเริ่มจากการไปแฟนมีตครั้งนั้น(อย่าถามว่าครั้งไหน จำไม่ได้) เราก็ไปแฟนมีตปกติเหมือนครั้งอื่นๆ แต่งตัวเดิมๆ ใช้แมสปิดปากแว่นกันแดดปิดหน้าเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมคือรอบนี้ต้องมาคนเดียว เพราะยัยเพื่อนตัวดีนางขี้เกียจมาหวีตผู้ชายด้วย(นางหวีต ผญ อ่ะนะ) มันก็จะกร่อยๆ หน่อยเพราะไม่ค่อยมีคนคุยด้วย หลังจากงานมีตเราเบื่อเลยมาเดินเล่นหาซื้อเครื่องสำอางค์ตามภาษาคนไร้สาระ ที่สยาม คือเดินคนเดียวมันก็เบื่อ เลยเดินไม่ค่อยเหมือนผู้เหมือนคนเท่าไหร่เลยไปชนกับคนๆนึงเข้าอย่างจัง แรงถึงขนาดเราก้นจ้ำเบ้า แต่เหมือนคนนั้นเค้าไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เรากำลังจะอ้าปากด่าเลย แต่พอมองหน้าเท่านั้นแหละ หืมมมม หล่อออ คำเดียวเลยคือหล่อ สเปค สเปคมากๆ เลือดกำเดาจะไหล -,,- คำด่าทุกคำที่มีกลืนลงไปค่ะ กลืนลงไป
"เป็นอะไรมั้ยครับ" หึย เสียงหล่อแบบเด็กพึ่งแตกเสียงหนุ่มเลย ลูกเอ้ย ป้าใจ๋บ่ดี
"...." -จุดสิคะ รอไร สูง ผิวแทนหน่อยๆ ตาโต ผมสั้นๆแบบพอมัดจุกได้ ปากน่าจุ๊บขนาดนี้ ตาย!
"โอเคนะครับ"
"เอ่อ ค่ะๆ....
!!!" ไม่ต้องตกใจค่ะที่อุทานขนาดนั้น ไม่ได้ด่าเขาหรอค่ะ แต่โทรศัพท์ที่เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังหน้าจอแตกละเอียดเลยค่ะ โห ไอโฟนลูกแม่ หลังจากนั้นเราก็เลยต้องมุ่งหน้าไปศูนย์ Studio 7 หรือ 7 Studio เนี่ยแหละ เพื่อเอามือถือไปซ่อม คุยไปคุยมาจนได้รู้ว่าเขาเป็นรุ่นน้องเรา จริงๆก็กะไว้อยู่แล้วหล่ะ หน้าละอ่อนขนาดนั้น น้องเขาชื่อบี (ของสงวนชื่อจริงไว้) คือน้องบีก็อาสาจะออกค่าซ่อมโทรศัพท์พี่โคตรจะแพง(ใครใช้ไอโฟนจะรู้ว่าค่าซ่อมมันขนาดไหน T_T ) ให้กับเราเพราะว่ารู้สึกผิด แต่เราบอกว่าไม่ต้องเราจะรับผิดชอบเองเพราะเราเป็นคนเดินไม่ดูทางเอง แล้วก็ยังมีประกันเหลืออยู่ แต่ด้วยความที่น้องเป็นคนดีไงเลยจะเลี้ยงข้าวเราเป็นการตอบแทน แล้วก็พอถึงวันมารับเครื่องก็จะนัดมารับพร้อมกันเผื่อมีเรื่องอะไรเพิ่มเติม บร่ะ เป็นคนดีแบบสุดๆไปเลย หลังจากนั้นเราเลยมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งและนั่งกินข้าวกัน ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมใจง่ายมากับน้องเค้าได้ง่าย คือหิวค่ะ เอาตรงๆเราเข้าศูนย์ดำเนินเรื่องซ่อมมือถือประมาณ 11 โมงเช้า จนตอนนี้เกือบบ่ายสองแล้วไม่หิวสิแปลก แล้วก็เหงาด้วยมีเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยก็คงดี เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าน้องบี อายุ 22 กำลังเรียนอยู่เลย น้องเรียนช้าเพราะว่าดรอปเรียนไป ชอบเล่นกีต้าร์ เตะฟุตบอล บลาๆ ส่วนชะนีแก่อย่างเราก็ได้แต่ยิ้มแหย่ๆ แล้วคิดในใจทำไมเด็กเดี๋ยวนี้มันโตเร็วกันจัง ถ้าให้กะจากความสูงของน้องบีก็ต้อง 180+ แน่นอน ตัดภาพมาที่เรา 160 ยังไม่ถึงเลย น้องเป็นคนอัธยาศัยดี น่ารัก ออกแนวหน้ามึนนิดๆ 5555
"พี่พี มาคนเดียวหรอครับ"
"คุยกับพี่ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้สบายๆ พี่ดูน่ากลัวหรอ" เราบอกหน้องไปเพราะดูเหมือนว่าน้องจะเกร็งนิดๆ
"อ่อ ครับ พี่ดูดุๆ แถมหน้าก็ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ แต่งตัวก็ขาวกับดำทั้งชุดเลยคิดว่าพี่เป็นคนเครียดหน่อยๆครับ" อ่า เราอยากจะบอกน้องเหลือเกินว่าที่หน้าไม่ยิ้มเพราะเป็นคนหน้าดุแต่กำเนิดจริงๆแล้วบ้า ส่วนเสื้อผ้าทั้งตู้ก็มีอยู่ไม่กี่สีหรอก ขี้เกียจเลือกเยอะ
"แหะๆ"
เราคุยกันนานจนถึงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะเริ่มมืดแล้ว ก่อนกลับเราได้แลกช่องทางติดต่อกันไว้เพื่อใช้ติดต่อกัน
"กลับดีๆ นะครับพี่"
น้องเดินมาส่งเราถึงรถก่อนจะโบกมือลา คือน้องโบกมือลาจนรถเราลับไปจริงๆ นะ เราดูจากกระจกหลังแล้ว แบบ ฮือ เจ้าเด็กบ้า ทำป้าใจบ๋ดี
เรากลับมาถึงคอนโดสิ่งแรกที่เราทำคือการไปเคาะห้องยัยเพื่อนตัวดีของเราเพื่อเล่าทุกอย่างให้ฟังก่อนเลยค่ะ แล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ปล่อยน้องให้คืนสู่สังคมเพื่อเป็นเยาวชนที่ดีต่อประเทศชาติต่อไป
เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบเดือนในที่สุดโทรศัพท์ลูกรักก็จะกลับคืนสู่อ้อมอกแม่แล้ว ฮือออ ดีใจ วันนี้เราไปรับโทรศัพท์กลับมาพร้อมกับน้องบีตามที่นัดกันไว้ ก่อนที่เราจะแยกตัวกลับไปน้องก็ได้ชวนเราไปกินข้าวอีก แต่ครั้งนี้เราอยากจะปฏิเสธไป เราจะต้องไม่แพ้ความบ้าผู้ชายในตัวเอง แต่สุดท้ายเราก็มากินข้าวกับน้องอีกจนได้เพราะทนลูกตื้อของน้องไม่ไหว ปกติเราไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าเราไม่ชอบทำอะไรหรือไม่อยากทำอะไรเราก็แค่เดินหนีมาเลย แต่กับน้องบีมันเหมือนมีแรงดึงดูด แบบบอกไม่ถูก เราสองคนมากินข้าวกันที่ YaYoi แต่คราวนี้บรรยายกาศมันต่างกับมากินข้าวครั้งที่แล้ว ไม่ใช่เพราะร้านที่ต่างออกไป แต่เป็นเพราะคนตรงหน้าวันนี้ดูแปลกๆ น้องเอาแต่เขินหรือเกาหัวตัวเองแบบคนแก้เขินตลอดเวลาเลย เราเลยถามน้องว่าเป็นอะไร
“เขินพี่ครับ วันนี้พี่ดูดีมากๆเลย แล้วผมก็อยากจะจีบพี่ด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี” บอกเลยค่ะว่าตายอย่างสงบศพสีชมพูเลย มีเด็กมาเต๊าะขนาดนี้ ถึงน้องจะตรงสเปคเราแต่เราก็ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเพราะว่าเรารู้ตัวว่าเราเป็นคนนิสัยค่อนข้างขี้อ้อน แล้วก็เอาแต่ใจ ตามประสาลูกคนเล็ก เลยอยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามาคอยดูแลไม่ใช่เด็กกว่าที่มาอ้อนเราแทนเราเลยบอกเหตุผลแล้วปฏิเสธน้องบีไป ตอนแรกน้องก็จ๋อยๆไปนะ แต่อยู่ดีๆ น้องก็บอกว่าไม่เป็นไรครับงั้นเราลองมากิ๊กกันดูก่อน ศึกษากันไปเรื่อยๆ ถ้าระหว่างนี้มีคนเข้ามาพี่โอเคกับเค้าพี่ก็บอกผมได้เลย เรานี่แบบโอ้แม่เจ้า ความพยายามน้องเป็นเลิศ เราและได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
หลังจากวันนั้นเรากับน้องก็มีนัดไปกินข้าวกันบ้าง ซื้อของบ้าง เข้ายิม หรือไปชกมวยด้วยกันบ้างเพราะรสนิยมด้านกีฬาค่อนข้างคล้ายกัน บางคืนน้องก็เล่นกีต้าร์ผ่านวิดีโอคอลให้ฟังบ้าง ขอบอกว่าน้องเล่นเพลงเพราะมากเสียนุ่มๆ ชวนให้นอนหลับได้ง่ายมากเลยทั้งๆที่เราเป็นโลกนอนไม่หลับ มันดีต่อใจจริงๆนะ จนเมื่อวันศุกร์ที่แล้วน้องชวนเราไปกินข้าว แต่เราปฏิเสธไปเพราะวันศุกร์เป็นวันเดียวที่เราจะไม่รับนัดใครตอนเย็นเพราะว่ากลัวจะกลับมาดู 2 gether the series ไม่ทัน เห็นอย่างนี้เราก็ #ทีมเมียสารวัตร นะ แต่น้องนี่สิไม่เข้าใจเราหาว่าเราเจอคนที่ใช่แล้วไม่ยอมบอกน้อง เราเลยชวนมากินข้าวที่ห้องด้วยกันพร้อมกับเพื่อนของเราเลย ดูซิ น้องจะรับความติ่งของเราไหวมั้ย หลังจากกินข้าวอะไรเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ วันนี้น้องมานอนห้องเราด้วย แต่ไม่ต้องตกใจคอนโดเรามี2ห้องนอน และเพื่อนเราก็มานอนกับเราด้วย จะให้น้องกลับก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าติดเคอร์ฟิวไม่ทัน4ทุ่ม อย่างนี้แหละนะ รักยุคโควิด ทุกคนโปรดจงเข้าใจ และช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึงค่ะสามีมโนเรามาแล้วเราก็ดูไปหวีดไป ส่วนน้องก็นั่งดูอยู่ข้างๆเรา บางครั้งก็มีแอบขำเราบ้างเวลาเราหวีดแรงๆ ดูเหมือนน้องจะรับได้แหละมั้ง เราก็ไม่รู้ เพราะบางคู่เรื่องติ่งเรื่องหวีดผู้ชายทำให้เลิกกันได้เลย เราเลยกังวลนิดหน่อย แต่น้องกลับไม่เลย ออกจะขำๆเราด้วยซ้ำ น้องบอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่ดูมีความสุขแล้วก็สดใสดีเวลาได้หวีดได้เป็นติ่ง เราเลยแบบเออโล่งละ แต่ก็ต้องดูกันต่อไปยาวๆจ้า ซีรี่ย์เล่นมาจนถึงตอนสุดท้านที่สารวัตรบอกขี้เกียจจีบไทน์เป็นแฟนกันได้มั้ย เท่านั้นแหละ น้องหันขวับมาหาเราแล้วบอกกับเราว่าพี่ครับผมก็ขี้เกียจจีบแล้ว พี่เป็นแฟนกับผม นะ นะ นะ เท่านั้นแหละค่า ไม่รู้จะเขินสามีมโนหรือเขินน้องดีเลย แต่สุดท้ายเราก็ตอบตกลงไป ตอนนี้ก็เลยได้แฟนเด็กเป็นยาอายุวัฒนะ ให้ฉันดูเด็กลง เด็กลง (เกี่ยวมั้ย=_=) แต่น้องก็ทำให้เราเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับความรักมากขึ้น น้องดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เราคิดมาก มากๆ จริงๆ เป็นเราซะอีกที่ดูกลายเป็นเด็กไปเลย ทั้งที่อยายุห่างกันเกือบห้าปี แต่น้องก็ยังคอยดูแลเราตลอดตั้งแต่เริ่มคุยกันยังไม่ได้คบกัน จนถึงวันนี้ มันเลยทำให้เรารู้ว่าอายุไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรเลย อายุเยอะไม่ใช่จะมีความอดทนสูง อย่างบางคนจีบเราหกเดือนนี่บางคนก็ท้อเลิกจีบไปแล้ว มือก็ไม่ได้จับ แต่น้องกลับไม่ใช่ น้องพยายาม น้องเข้าใจ คู่เราจะไม่ได้หวือหวาอะไร ไม่มีอะไรที่หวานๆ แต่มันกลับดูเป็นธรรมชาติและสบายใจแปลกๆ เราว่าบางครั้งมันก็คงประมาณนี้แหละมั้ง
ปล1. เราเป็นคนที่ชอบจดไดอารี่ทุกวันเลยทำให้จำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันได้
ปล2.เรา #ทีมเมียสารวัตร นะเราจะไม่เลิกติ่งง่ายๆด้วย
ปล3.ตอนนี้น้องไล่ดูซีรี่ย์และพยามยามจะเข้าใจติ่งอย่างเรามากขึ้นด้วยดีใจ
ปล.สุดท้าย เพื่อนๆมีอะไรก็มาแชร์กันได้นะ ช่วยนี้อยู่บ้านเหงา อยากอ่านอยากแบ่งปันเรื่องราว
เพราะแฟนมีตทำให้เรามีแฟนเด็ก
สวัสดีจ้า สวัสดี เราพึ่งตั้งกระทู้มาไม่กี่สิบกระทู้ หัดเล่นพันทิปมาไม่กี่ปี ภาษาอ่านจะอ่านยากๆ งง หรืออะไรก็ตามแต่ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยเด้อ ช่วงนี้อยู่บ้านเหงาๆ ง่าวๆ กับยัยเพื่อนตัวดี นั่งกิน นอนกินกันไปวันๆ มันแสนจะเบื่อ แบบเบื่อตัวเท่าโลก เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ จริงๆ ก็ระบายนั่นแหละ
อ่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นมาประมาประมาณ 6 เดือนมาแล้ว เราก็เป็นชะนีบ้านนอกสูงวัยนิดนึง (นิสนึงจริงๆ =.,= ) ใช้ชีวิตในเมืองกรุงทำงานไปวันๆ สัพเพเหระ ชีวิตไร้สาระไปเรื่อย แต่ดีหน่อยที่บ้านพอมีฐานะซัพพอร์ตอะไรหลายๆ อย่างได้ ทำให้ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่หมดไปกับการติ่งค่ะ ฟังไม่ผิดค่ะ ใช่ค่ะ อิฉันเป็นติ่ง อายุปูนนี้แล้วก็ยังไม่เลิกติ่ง สงสัยมันเป็นโรคร้ายแรงอะไรบางอย่างที่ไม่อยากรักษาให้หาย นอกเรื่องมานานละ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวชะนีสายติ่งของเรามันเริ่มจากการไปแฟนมีตครั้งนั้น(อย่าถามว่าครั้งไหน จำไม่ได้) เราก็ไปแฟนมีตปกติเหมือนครั้งอื่นๆ แต่งตัวเดิมๆ ใช้แมสปิดปากแว่นกันแดดปิดหน้าเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิมคือรอบนี้ต้องมาคนเดียว เพราะยัยเพื่อนตัวดีนางขี้เกียจมาหวีตผู้ชายด้วย(นางหวีต ผญ อ่ะนะ) มันก็จะกร่อยๆ หน่อยเพราะไม่ค่อยมีคนคุยด้วย หลังจากงานมีตเราเบื่อเลยมาเดินเล่นหาซื้อเครื่องสำอางค์ตามภาษาคนไร้สาระ ที่สยาม คือเดินคนเดียวมันก็เบื่อ เลยเดินไม่ค่อยเหมือนผู้เหมือนคนเท่าไหร่เลยไปชนกับคนๆนึงเข้าอย่างจัง แรงถึงขนาดเราก้นจ้ำเบ้า แต่เหมือนคนนั้นเค้าไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เรากำลังจะอ้าปากด่าเลย แต่พอมองหน้าเท่านั้นแหละ หืมมมม หล่อออ คำเดียวเลยคือหล่อ สเปค สเปคมากๆ เลือดกำเดาจะไหล -,,- คำด่าทุกคำที่มีกลืนลงไปค่ะ กลืนลงไป
"เป็นอะไรมั้ยครับ" หึย เสียงหล่อแบบเด็กพึ่งแตกเสียงหนุ่มเลย ลูกเอ้ย ป้าใจ๋บ่ดี
"...." -จุดสิคะ รอไร สูง ผิวแทนหน่อยๆ ตาโต ผมสั้นๆแบบพอมัดจุกได้ ปากน่าจุ๊บขนาดนี้ ตาย!
"โอเคนะครับ"
"เอ่อ ค่ะๆ.... !!!" ไม่ต้องตกใจค่ะที่อุทานขนาดนั้น ไม่ได้ด่าเขาหรอค่ะ แต่โทรศัพท์ที่เหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังหน้าจอแตกละเอียดเลยค่ะ โห ไอโฟนลูกแม่ หลังจากนั้นเราก็เลยต้องมุ่งหน้าไปศูนย์ Studio 7 หรือ 7 Studio เนี่ยแหละ เพื่อเอามือถือไปซ่อม คุยไปคุยมาจนได้รู้ว่าเขาเป็นรุ่นน้องเรา จริงๆก็กะไว้อยู่แล้วหล่ะ หน้าละอ่อนขนาดนั้น น้องเขาชื่อบี (ของสงวนชื่อจริงไว้) คือน้องบีก็อาสาจะออกค่าซ่อมโทรศัพท์พี่โคตรจะแพง(ใครใช้ไอโฟนจะรู้ว่าค่าซ่อมมันขนาดไหน T_T ) ให้กับเราเพราะว่ารู้สึกผิด แต่เราบอกว่าไม่ต้องเราจะรับผิดชอบเองเพราะเราเป็นคนเดินไม่ดูทางเอง แล้วก็ยังมีประกันเหลืออยู่ แต่ด้วยความที่น้องเป็นคนดีไงเลยจะเลี้ยงข้าวเราเป็นการตอบแทน แล้วก็พอถึงวันมารับเครื่องก็จะนัดมารับพร้อมกันเผื่อมีเรื่องอะไรเพิ่มเติม บร่ะ เป็นคนดีแบบสุดๆไปเลย หลังจากนั้นเราเลยมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งและนั่งกินข้าวกัน ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมใจง่ายมากับน้องเค้าได้ง่าย คือหิวค่ะ เอาตรงๆเราเข้าศูนย์ดำเนินเรื่องซ่อมมือถือประมาณ 11 โมงเช้า จนตอนนี้เกือบบ่ายสองแล้วไม่หิวสิแปลก แล้วก็เหงาด้วยมีเพื่อนมานั่งกินข้าวด้วยก็คงดี เราคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าน้องบี อายุ 22 กำลังเรียนอยู่เลย น้องเรียนช้าเพราะว่าดรอปเรียนไป ชอบเล่นกีต้าร์ เตะฟุตบอล บลาๆ ส่วนชะนีแก่อย่างเราก็ได้แต่ยิ้มแหย่ๆ แล้วคิดในใจทำไมเด็กเดี๋ยวนี้มันโตเร็วกันจัง ถ้าให้กะจากความสูงของน้องบีก็ต้อง 180+ แน่นอน ตัดภาพมาที่เรา 160 ยังไม่ถึงเลย น้องเป็นคนอัธยาศัยดี น่ารัก ออกแนวหน้ามึนนิดๆ 5555
"พี่พี มาคนเดียวหรอครับ"
"คุยกับพี่ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้สบายๆ พี่ดูน่ากลัวหรอ" เราบอกหน้องไปเพราะดูเหมือนว่าน้องจะเกร็งนิดๆ
"อ่อ ครับ พี่ดูดุๆ แถมหน้าก็ไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ แต่งตัวก็ขาวกับดำทั้งชุดเลยคิดว่าพี่เป็นคนเครียดหน่อยๆครับ" อ่า เราอยากจะบอกน้องเหลือเกินว่าที่หน้าไม่ยิ้มเพราะเป็นคนหน้าดุแต่กำเนิดจริงๆแล้วบ้า ส่วนเสื้อผ้าทั้งตู้ก็มีอยู่ไม่กี่สีหรอก ขี้เกียจเลือกเยอะ
"แหะๆ"
เราคุยกันนานจนถึงเวลาต้องแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะเริ่มมืดแล้ว ก่อนกลับเราได้แลกช่องทางติดต่อกันไว้เพื่อใช้ติดต่อกัน
"กลับดีๆ นะครับพี่"
น้องเดินมาส่งเราถึงรถก่อนจะโบกมือลา คือน้องโบกมือลาจนรถเราลับไปจริงๆ นะ เราดูจากกระจกหลังแล้ว แบบ ฮือ เจ้าเด็กบ้า ทำป้าใจบ๋ดี
เรากลับมาถึงคอนโดสิ่งแรกที่เราทำคือการไปเคาะห้องยัยเพื่อนตัวดีของเราเพื่อเล่าทุกอย่างให้ฟังก่อนเลยค่ะ แล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า ปล่อยน้องให้คืนสู่สังคมเพื่อเป็นเยาวชนที่ดีต่อประเทศชาติต่อไป
เวลาผ่านล่วงเลยมาเกือบเดือนในที่สุดโทรศัพท์ลูกรักก็จะกลับคืนสู่อ้อมอกแม่แล้ว ฮือออ ดีใจ วันนี้เราไปรับโทรศัพท์กลับมาพร้อมกับน้องบีตามที่นัดกันไว้ ก่อนที่เราจะแยกตัวกลับไปน้องก็ได้ชวนเราไปกินข้าวอีก แต่ครั้งนี้เราอยากจะปฏิเสธไป เราจะต้องไม่แพ้ความบ้าผู้ชายในตัวเอง แต่สุดท้ายเราก็มากินข้าวกับน้องอีกจนได้เพราะทนลูกตื้อของน้องไม่ไหว ปกติเราไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกนะ ถ้าเราไม่ชอบทำอะไรหรือไม่อยากทำอะไรเราก็แค่เดินหนีมาเลย แต่กับน้องบีมันเหมือนมีแรงดึงดูด แบบบอกไม่ถูก เราสองคนมากินข้าวกันที่ YaYoi แต่คราวนี้บรรยายกาศมันต่างกับมากินข้าวครั้งที่แล้ว ไม่ใช่เพราะร้านที่ต่างออกไป แต่เป็นเพราะคนตรงหน้าวันนี้ดูแปลกๆ น้องเอาแต่เขินหรือเกาหัวตัวเองแบบคนแก้เขินตลอดเวลาเลย เราเลยถามน้องว่าเป็นอะไร
“เขินพี่ครับ วันนี้พี่ดูดีมากๆเลย แล้วผมก็อยากจะจีบพี่ด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี” บอกเลยค่ะว่าตายอย่างสงบศพสีชมพูเลย มีเด็กมาเต๊าะขนาดนี้ ถึงน้องจะตรงสเปคเราแต่เราก็ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเพราะว่าเรารู้ตัวว่าเราเป็นคนนิสัยค่อนข้างขี้อ้อน แล้วก็เอาแต่ใจ ตามประสาลูกคนเล็ก เลยอยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ามาคอยดูแลไม่ใช่เด็กกว่าที่มาอ้อนเราแทนเราเลยบอกเหตุผลแล้วปฏิเสธน้องบีไป ตอนแรกน้องก็จ๋อยๆไปนะ แต่อยู่ดีๆ น้องก็บอกว่าไม่เป็นไรครับงั้นเราลองมากิ๊กกันดูก่อน ศึกษากันไปเรื่อยๆ ถ้าระหว่างนี้มีคนเข้ามาพี่โอเคกับเค้าพี่ก็บอกผมได้เลย เรานี่แบบโอ้แม่เจ้า ความพยายามน้องเป็นเลิศ เราและได้แต่พยักหน้าหงึกๆ
หลังจากวันนั้นเรากับน้องก็มีนัดไปกินข้าวกันบ้าง ซื้อของบ้าง เข้ายิม หรือไปชกมวยด้วยกันบ้างเพราะรสนิยมด้านกีฬาค่อนข้างคล้ายกัน บางคืนน้องก็เล่นกีต้าร์ผ่านวิดีโอคอลให้ฟังบ้าง ขอบอกว่าน้องเล่นเพลงเพราะมากเสียนุ่มๆ ชวนให้นอนหลับได้ง่ายมากเลยทั้งๆที่เราเป็นโลกนอนไม่หลับ มันดีต่อใจจริงๆนะ จนเมื่อวันศุกร์ที่แล้วน้องชวนเราไปกินข้าว แต่เราปฏิเสธไปเพราะวันศุกร์เป็นวันเดียวที่เราจะไม่รับนัดใครตอนเย็นเพราะว่ากลัวจะกลับมาดู 2 gether the series ไม่ทัน เห็นอย่างนี้เราก็ #ทีมเมียสารวัตร นะ แต่น้องนี่สิไม่เข้าใจเราหาว่าเราเจอคนที่ใช่แล้วไม่ยอมบอกน้อง เราเลยชวนมากินข้าวที่ห้องด้วยกันพร้อมกับเพื่อนของเราเลย ดูซิ น้องจะรับความติ่งของเราไหวมั้ย หลังจากกินข้าวอะไรเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ วันนี้น้องมานอนห้องเราด้วย แต่ไม่ต้องตกใจคอนโดเรามี2ห้องนอน และเพื่อนเราก็มานอนกับเราด้วย จะให้น้องกลับก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะว่าติดเคอร์ฟิวไม่ทัน4ทุ่ม อย่างนี้แหละนะ รักยุคโควิด ทุกคนโปรดจงเข้าใจ และช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึงค่ะสามีมโนเรามาแล้วเราก็ดูไปหวีดไป ส่วนน้องก็นั่งดูอยู่ข้างๆเรา บางครั้งก็มีแอบขำเราบ้างเวลาเราหวีดแรงๆ ดูเหมือนน้องจะรับได้แหละมั้ง เราก็ไม่รู้ เพราะบางคู่เรื่องติ่งเรื่องหวีดผู้ชายทำให้เลิกกันได้เลย เราเลยกังวลนิดหน่อย แต่น้องกลับไม่เลย ออกจะขำๆเราด้วยซ้ำ น้องบอกว่าไม่เป็นไรหรอกพี่ดูมีความสุขแล้วก็สดใสดีเวลาได้หวีดได้เป็นติ่ง เราเลยแบบเออโล่งละ แต่ก็ต้องดูกันต่อไปยาวๆจ้า ซีรี่ย์เล่นมาจนถึงตอนสุดท้านที่สารวัตรบอกขี้เกียจจีบไทน์เป็นแฟนกันได้มั้ย เท่านั้นแหละ น้องหันขวับมาหาเราแล้วบอกกับเราว่าพี่ครับผมก็ขี้เกียจจีบแล้ว พี่เป็นแฟนกับผม นะ นะ นะ เท่านั้นแหละค่า ไม่รู้จะเขินสามีมโนหรือเขินน้องดีเลย แต่สุดท้ายเราก็ตอบตกลงไป ตอนนี้ก็เลยได้แฟนเด็กเป็นยาอายุวัฒนะ ให้ฉันดูเด็กลง เด็กลง (เกี่ยวมั้ย=_=) แต่น้องก็ทำให้เราเข้าใจอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับความรักมากขึ้น น้องดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เราคิดมาก มากๆ จริงๆ เป็นเราซะอีกที่ดูกลายเป็นเด็กไปเลย ทั้งที่อยายุห่างกันเกือบห้าปี แต่น้องก็ยังคอยดูแลเราตลอดตั้งแต่เริ่มคุยกันยังไม่ได้คบกัน จนถึงวันนี้ มันเลยทำให้เรารู้ว่าอายุไม่ได้บ่งบอกถึงอะไรเลย อายุเยอะไม่ใช่จะมีความอดทนสูง อย่างบางคนจีบเราหกเดือนนี่บางคนก็ท้อเลิกจีบไปแล้ว มือก็ไม่ได้จับ แต่น้องกลับไม่ใช่ น้องพยายาม น้องเข้าใจ คู่เราจะไม่ได้หวือหวาอะไร ไม่มีอะไรที่หวานๆ แต่มันกลับดูเป็นธรรมชาติและสบายใจแปลกๆ เราว่าบางครั้งมันก็คงประมาณนี้แหละมั้ง
ปล1. เราเป็นคนที่ชอบจดไดอารี่ทุกวันเลยทำให้จำรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในแต่ละวันได้
ปล2.เรา #ทีมเมียสารวัตร นะเราจะไม่เลิกติ่งง่ายๆด้วย
ปล3.ตอนนี้น้องไล่ดูซีรี่ย์และพยามยามจะเข้าใจติ่งอย่างเรามากขึ้นด้วยดีใจ
ปล.สุดท้าย เพื่อนๆมีอะไรก็มาแชร์กันได้นะ ช่วยนี้อยู่บ้านเหงา อยากอ่านอยากแบ่งปันเรื่องราว