เจ้าของกิจการใครเตรียมตัวเซฟเงินสดไว้บ้างแล้วครับ

ผมทำกิจการขนาดเล็กในครอบครัวอยู่ 2 ธุรกิจ  
1.ธุรกิจค้าขายที่ทำมากว่า 18 ปี ค้าขายเล็กๆไม่มีหนี้สิน
2 ธุรกิจอสังหาให้เช่า ยังเป็นหนี้อยู่ส่วนหนึ่ง(คิดว่าไม่เยอะเอาอยู่)

จากสถานการณ์ที่เห็นธุรกิจเกี่ยวกับคนทำงานกลางคืน ธุรกิจบันเทิง คิดว่าปีนี้จบแล้ว   ภาคธุรกิจบันเทิงท่องเที่ยวตอนนี้ลูกค้าตกงานเยอะมาก  น่าสงสารจริงๆ เรียกว่าไม่มีจะกินกันเลยทีเดียว   แล้วผมก็มองไม่เห็นด้วยว่าจะฟื้นยังไงตราบใดที่ยังมีโรคระบาดยังไม่มีวัคซีน  ธุรกิจบันเทิงการแสดงต่างๆคงไม่ให้จัด
  
  โดยส่วนตัวคิดว่าปีนี้ค้าขายจบแล้วขายของไม่ได้แน่ๆ  ได้แค่ประคับประคองค่าน้ำค่าไฟค่าเช่า  หวังอะไรไม่ได้เลย  

ส่วนอสังหาก็เช่นกันเพราะลูกค้าก็เป็นกลุ่มคนทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ตกงานเยอะเหมือนกัน

ก็วางแผนเซฟเงินให้มากที่สุด  ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้หมด  ไม่คาดหวังกำไรใดๆทั้งสิ้นในปีนี้  เพียงแค่ประคับประคองสถานการณ์ไปเรื่อยๆชั่วโมงนี้ "เงินสด"สำคัญที่สุด  
ทางสว่างยังมองไม่เห็นปีนี้ปีหน้าว่ากันใหม่  ยุโรป,อเมริกาบอบช้ำหนัก  ถ้ายังไงเสียรีบเคลียร์ต้อนรับนักท่องเที่ยว asia ก่อนยังพอมีหนทาง

  ภาวะแบบนี้คนที่ยังพอมีทุนสำรองก็ยังพอหายใจได้อีกระยะหนึ่ง   แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่มีเงินสำรองเลยลำบากมากๆ   ขอให้กำลังใจครับหวังว่าอีกไม่นาน ทุกอย่างจะดีขึ้น
เพี้ยนมองบน
เพี้ยนจริงจัง
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ไม่มีใครทำนายได้หรอกว่าจะมีการระบาดรอบสอง หรือเชื้อกลายพันธ์ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง จะเอาสเปนนิสฟูลเป็นโมเดลว่ามีคลื่นลูก 2 ,3,4 อย่างนั้น ต้องดูว่าคนยุค 100 ปีก่อนไม่รู้จัก ระยะห่างทางสังคม  ไม่รู้จักเจลล้างมือ  อีกอย่างตอนนั้นเป็นช่วงสงครามโลก มีการยกพลไปตามประเทศต่างๆ  คนสมัยนั้นไม่ต้องพูดถึงวัคซีนเลย ไม่มี การสาธารณสุขก็ยังไม่เจริญก้าวหน้า และยังมีความเชื่อความคิดว่าเขื้อไวรัสเป็นปีศาจ  มาดูที่โควิด  คนเรารู้จักปรับตัวมห้เข้ากับสถานการณ์ ทั้งทางด้านสุขภาพ และธุรกิจ  มีการสวมหน้ากากอนามัย  เว้นระยะห่างกันเมื่อต้องติดต่อกัน รู้จักล้างมือเมื่อไปหยิบจับของที่เสี่ยง  ดังนั้นโลกเข้าซัมเมอร์และอากาศร้อนขึ้น  ไวรัสจะแพร่ยากจากปัจจัยต่างๆ   ทางด้านธุรกิจ คนก็เริ่มปรับตัวใช้เทคโนโลยีมาดำเนินธุรกิจ  แน่นอนออนไลน์ก็คิอตัวเลิอกหลัก  เพื่อให้การปฏิสัมพันธ์กันลดลง  การดำเนินการต่างๆด้านเอกสารก็จะใช้ออนไลนกันมากขึ้น  ประชุมสัมนาที่ต้องมีคนจำนวนเยอะๆ อาจจะเปลี่ยนเป็นเข้าถึง คน 1ต่อ 1 มากขึ้น หรือมีทำแอร์เรียโซน  เมื่อต้องเข้าสัมนา ในกรณีที่วีดีโอคอนเฟอเร้นท์อาจจะทำได้ไม่ดีพอ  การสื่อสารที่ต้องใช้การเข้าถึงบุคคลจริงๆ  จึงจำเป็นต้องออกแบบนวัตกรรมต่างๆจึงเป็นปัจจัย ให้ธุรกิจสตาร์ทอัพอาจเติบโตได้ดีในภาวะแบบนี้   ไม่เห็นด้วยที่ธุรกิจจะเก็บเงินไว้ไม่ลงทุน  เพราะวิกฤตนั้นคือโอกาส หากคุณมีไอเดียใหม่ๆที่ตอบโจทย์โลกยุคโควิด เศรษฐกิจจึงจะขับเคลื่อนไปได้ด้วยนวัตกรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่