ซันดิอากา อูโน คือชื่อนักการเมืองหนุ่มไฟแรง ที่เพิ่งกระฉ่อนไปทั่วอินโดนีเซียมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีโปร์ไฟล์ที่น่าสนใจอยู่พอสมควรด้วย
โจโกวี ถึงกับบอกเอง ว่าซันดิ จะต้องเป็นประธานาธิบดีต่อจากเขา แม้ว่าเขาจะเพิ่งแพ้การเลือกตั้งในปีที่แล้วที่ผ่านมา (ลงกับปราโบโว) ก็ตาม
ซันดิอากา อูโน หรือชื่อเต็มว่า ซันดิอากา ซาลาฮุดดิน อูโน เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ที่เมืองปะกันบารู จังหวัดริเยา ในเกาะสุมาตรา
พ่อของเขาทำงานให้กับ Caltex ส่วนแม่ของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญการศึกษาบุคลิกภาพ มีพี่น้อง 2 คน ต่อมาได้ย้ายไปเมืองดูไมและมาอยู่จาการ์ต้า
ซันดิในวัยเด็กนั้น ได้รับคำชมอยู่ตลอดว่าเป็นเด็กที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีอัจฉริยภาพ โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่าแม่ของเขาเองที่เป็นผู้บ่มเพาะ
ซันดิจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Wichita สหรัฐอเมริกา โดยได้เริ่มทำงานที่ Bank Summa และได้พบกับวิลเลี่ยม สุรยาจายา ซึ่งได้อุปถัมภ์เขา
วิลเลี่ยม ให้ทุนการศึกษาส่งเขาไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย George Washington และจบมาด้วยเกรด 4.00 ก่อนได้ไปทำงานต่อที่ประเทศสิงคโปร์
ซันดิได้ผ่านการทำงานทางเศรษฐกิจในหลายบริษัทและได้ทำงานถึงแคนาดา รับเงินเดือนประมาณ 8,000 ดอลล่าร์ต่อเดือนในตอนนั้นไปเหนาะๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะพิษเศรษฐกิจในปี 1997 ทำให้ซันดิกลายเป็นคนตกงาน เขากลับมาอินโดนีเซีย แต่ไม่มีบริษัทที่ไหนสามารถว่าจ้างเขาได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ชื่อว่า PT Recapital Advisors โดยเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาทางเศรษฐกิจ ร่วมกับเพื่อนของเขา
ไม่กี่ปีผ่านไป เขาได้พบกับเอ็ดวิน สุรยาจายา ลูกชายของวิลเลี่ยมเอง ซึ่งได้ทำธุรกิจร่วมกันชื่อว่า PT Saratoga Investama Sedaya ในช่วงนั้นเอง
ธุรกิจของเขา ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ โทรคมนาคม และยังมีบริษัทในเครืออีกมากมายในกลุ่มธุรกิจ
ระหว่างปี 2005 - 2008 เขายังได้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมนักธุรกิจรุ่นใหม่แห่งอินโดนีเซีย (HIPMI) และได้ดำรงตำแหน่งอีกเพียบในช่วงเวลานั้น
แม้ว่าเรื่องราวด้านธุรกิจจะประสบความสำเร็จ แต่ด้านมืดของเขาก็มีอยู่เหมือนกัน เขามีอยู่ในชื่อของ Panama Papers และ Paradise Papers ด้วย
ในช่วงก่อนที่จะเข้าสู่วงการการเมือง เขายังมีส่วนพัวพันกับโปรแกรมนักลงทุน OK OCE ที่มีส่วนร่วมกับพี่ชายของเขา ก่อนที่เขาจะถอนตัวออกไป
ซันดิเข้าสู่วงการการเมืองในปี 2017 โดยก่อนหน้านี้ได้ถูกวางให้เป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าจาการ์ต้า ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นผู้สมัครรองผู้ว่าฯ แทน
เขาได้ลงเลือกตั้งคู่กับ อานียัส บัสเวดัน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการฯ ในรัฐบาลของโจโกวีสมัยแรก (2014) และได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ชนะได้ เนื่องจากอาฮก ผู้ว่ากรุงจาการ์ต้าคนก่อนหน้านั้น ปราศรัยกล่าวพาดพิงอัลกุรอาน ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่ากรุงจาการ์ต้าไม่ถึงปี เขาได้ตัดสินใจและประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อสมัครเป็นรองประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม เขาถูกกล่าวหาว่าเขาได้ติดสินบนพรรคพันธมิตรฝ่ายค้านเพื่อขอให้เป็นคู่หาเสียงกับปราโบโว ซึ่งได้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย
แม้ว่าการเลือกตั้งในปีที่แล้ว จะจบลงด้วยชัยชนะของโจโกวี แต่ส่วนหนึ่งได้คาดการณ์ไว้ว่า เป็นเพราะคนอินโดนีเซียส่วนใหญ่ ไม่เลือกปราโบโวเอง
ปราโบโวนั้น แพ้การเลือกตั้งมาแล้ว 3 ครั้ง ในฐานะผู้สมัครประธานาธิบดี 2 ครั้ง (นับจากครั้งที่แล้ว 2014) และในฐานะผู้สมัครรองประธานฯ ปี 2009
ซันดิ สร้างคะแนนเสียงอย่างทั่วถึง ได้พบกับคนใหญ่คนโตและคนดังมากมายทั้งในระดับประเทศและในระดับภูมิภาค ท้องถิ่น หรือในวงการบันเทิงก็มี
ด้วยความนิยมดังกล่าว โจโกวีถึงกับบอกเองว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปในการเลือกตั้งในปี 2024 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ดูไม่น่าจะเกินจริงเท่าไร
หากไม่มีอะไรสะดุดเสียก่อน เชื่อได้ว่า ซันดิอากา อูโน มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปจากโจโกวีเอง ทั้งยังมีความเป็นหนุ่มไฟแรงอีก
ซันดิอากา อูโน : โจโกวีบอกว่าจะเป็นประธานาธิบดีต่อจากเขา
โจโกวี ถึงกับบอกเอง ว่าซันดิ จะต้องเป็นประธานาธิบดีต่อจากเขา แม้ว่าเขาจะเพิ่งแพ้การเลือกตั้งในปีที่แล้วที่ผ่านมา (ลงกับปราโบโว) ก็ตาม
ซันดิอากา อูโน หรือชื่อเต็มว่า ซันดิอากา ซาลาฮุดดิน อูโน เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1969 ที่เมืองปะกันบารู จังหวัดริเยา ในเกาะสุมาตรา
พ่อของเขาทำงานให้กับ Caltex ส่วนแม่ของเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญการศึกษาบุคลิกภาพ มีพี่น้อง 2 คน ต่อมาได้ย้ายไปเมืองดูไมและมาอยู่จาการ์ต้า
ซันดิในวัยเด็กนั้น ได้รับคำชมอยู่ตลอดว่าเป็นเด็กที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด และมีอัจฉริยภาพ โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่าแม่ของเขาเองที่เป็นผู้บ่มเพาะ
ซันดิจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Wichita สหรัฐอเมริกา โดยได้เริ่มทำงานที่ Bank Summa และได้พบกับวิลเลี่ยม สุรยาจายา ซึ่งได้อุปถัมภ์เขา
วิลเลี่ยม ให้ทุนการศึกษาส่งเขาไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย George Washington และจบมาด้วยเกรด 4.00 ก่อนได้ไปทำงานต่อที่ประเทศสิงคโปร์
ซันดิได้ผ่านการทำงานทางเศรษฐกิจในหลายบริษัทและได้ทำงานถึงแคนาดา รับเงินเดือนประมาณ 8,000 ดอลล่าร์ต่อเดือนในตอนนั้นไปเหนาะๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะพิษเศรษฐกิจในปี 1997 ทำให้ซันดิกลายเป็นคนตกงาน เขากลับมาอินโดนีเซีย แต่ไม่มีบริษัทที่ไหนสามารถว่าจ้างเขาได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ชื่อว่า PT Recapital Advisors โดยเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาทางเศรษฐกิจ ร่วมกับเพื่อนของเขา
ไม่กี่ปีผ่านไป เขาได้พบกับเอ็ดวิน สุรยาจายา ลูกชายของวิลเลี่ยมเอง ซึ่งได้ทำธุรกิจร่วมกันชื่อว่า PT Saratoga Investama Sedaya ในช่วงนั้นเอง
ธุรกิจของเขา ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการทำเหมืองแร่ โทรคมนาคม และยังมีบริษัทในเครืออีกมากมายในกลุ่มธุรกิจ
ระหว่างปี 2005 - 2008 เขายังได้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมนักธุรกิจรุ่นใหม่แห่งอินโดนีเซีย (HIPMI) และได้ดำรงตำแหน่งอีกเพียบในช่วงเวลานั้น
แม้ว่าเรื่องราวด้านธุรกิจจะประสบความสำเร็จ แต่ด้านมืดของเขาก็มีอยู่เหมือนกัน เขามีอยู่ในชื่อของ Panama Papers และ Paradise Papers ด้วย
ในช่วงก่อนที่จะเข้าสู่วงการการเมือง เขายังมีส่วนพัวพันกับโปรแกรมนักลงทุน OK OCE ที่มีส่วนร่วมกับพี่ชายของเขา ก่อนที่เขาจะถอนตัวออกไป
ซันดิเข้าสู่วงการการเมืองในปี 2017 โดยก่อนหน้านี้ได้ถูกวางให้เป็นผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าจาการ์ต้า ก่อนที่ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นผู้สมัครรองผู้ว่าฯ แทน
เขาได้ลงเลือกตั้งคู่กับ อานียัส บัสเวดัน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการฯ ในรัฐบาลของโจโกวีสมัยแรก (2014) และได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ชนะได้ เนื่องจากอาฮก ผู้ว่ากรุงจาการ์ต้าคนก่อนหน้านั้น ปราศรัยกล่าวพาดพิงอัลกุรอาน ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่ากรุงจาการ์ต้าไม่ถึงปี เขาได้ตัดสินใจและประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อสมัครเป็นรองประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม เขาถูกกล่าวหาว่าเขาได้ติดสินบนพรรคพันธมิตรฝ่ายค้านเพื่อขอให้เป็นคู่หาเสียงกับปราโบโว ซึ่งได้ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย
แม้ว่าการเลือกตั้งในปีที่แล้ว จะจบลงด้วยชัยชนะของโจโกวี แต่ส่วนหนึ่งได้คาดการณ์ไว้ว่า เป็นเพราะคนอินโดนีเซียส่วนใหญ่ ไม่เลือกปราโบโวเอง
ปราโบโวนั้น แพ้การเลือกตั้งมาแล้ว 3 ครั้ง ในฐานะผู้สมัครประธานาธิบดี 2 ครั้ง (นับจากครั้งที่แล้ว 2014) และในฐานะผู้สมัครรองประธานฯ ปี 2009
ซันดิ สร้างคะแนนเสียงอย่างทั่วถึง ได้พบกับคนใหญ่คนโตและคนดังมากมายทั้งในระดับประเทศและในระดับภูมิภาค ท้องถิ่น หรือในวงการบันเทิงก็มี
ด้วยความนิยมดังกล่าว โจโกวีถึงกับบอกเองว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปในการเลือกตั้งในปี 2024 ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ดูไม่น่าจะเกินจริงเท่าไร
หากไม่มีอะไรสะดุดเสียก่อน เชื่อได้ว่า ซันดิอากา อูโน มีโอกาสสูงที่จะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปจากโจโกวีเอง ทั้งยังมีความเป็นหนุ่มไฟแรงอีก