ต้องขอออกตัวก่อนว่า งานเเต่งงานของเราจัดขึ้นตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายน เราเองแพลนว่าอยากจะมาเขียนรีวิวเรื่องการจัดงานเเต่งงานลงในกระทู้ Pantip เเต่ก่อนหน้านี้งานของเราค่อยข้างที่จะยุ่ง เลยไม่มีเวลาที่จะมาเขียนกระทู้ ประกอบกับสถานการณ์โรค COVID-19 เราเลยต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่เเต่ในบ้าน จึงมีเวลานั่งเขียนถ่ายทอดประสบการณ์การจัดงานเเต่งงานของเรา เวิ่นเว้อมานานแล้วเข้าเรื่องเลยแล้วกันเนอะ 555
ต้องเล่าก่อนว่า เรากับสามีของเราคบกันมานานเกือบ 3 ปี หลังจากที่เราทั้งสองคนได้ฝ่าฝันอุปสรรคกันมานับประการ ทั้งเรื่องของ Long Distance Relationship เเละเรื่องสามีเราเป็นชาวต่างชาติ ( อเมริกัน ) ซึ่งครอบครัวเราช่วงแรกไม่ปลื้มการมีว่าทีลูกเขยชาวต่างชาติมากนัก หลังจากใช้เวลาเป็นปีในการพิสูจน์ความรักของเราทั้งคู่ ก็ถึงเวลาที่พ่อกับแม่ของเราได้ไฟเขียวอนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันได้ ......... เย้ๆๆๆ
หลังจากที่พ่อแม่ของเราอนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันได้ คุณนายแม่ก็รีบเดินทางไปพบหลวงพ่อเพื่อหาฤกษ์เเต่งงานให้เราสองคน หลวงพ่อท่านเคาะมาเป็นวันที่ 8 เเละ 9 พ.ย. 2562 ซึ่งหลวงพ่อให้เราสองคนเลือกวันเเต่งงานสองวันนี้ ซึ่งตอนแรกเราชอบวันที่ 9 พ.ย. 2562 เพราะเป็นวันมหาฤกษ์ เเละเป็นที่เลขวันสวย ( 9-11-2019 ) เเต่เนื่องจากแม่เราชอบวันศุกร์ เเละเราได้ฤกษ์แต่งงานค่อนข้างช้า เลยคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่เราจะดีลกับ organize อาหาร เเละสถานที่ ได้ เนื่องจากเราได้ยินมาว่า งานเเต่งงานฤกษ์สวยขนาดนี้ คู่เเต่งงานจองงานล่วงหน้ากันเป็นปีแล้ว เราและแม่เลยลงเอยกันเป็นวันที่ 8 พ.ย. 2562
หลังจากที่ได้ฤกษ์วันเเต่งงานมาแล้ว เรารีบแจ้งแฟนของเราเรื่องกำหนดวันแต่งงาน เนื่องจากแฟนของเราทำงานเป็นนาวิกโยธินที่อเมริกา ดังนั้นแฟนของเราต้องจัดการจองเรื่องของตั๋วเครื่องบิน เเละเขียนจดหมายลาต่อต้นสังกัดเพื่อมาเป็นเจ้าบ่าวให้เราค่ะ เเละแฟนของเราอยู่ต่างประเทศ ดัวนั้นจึงต้องเป็นเราเองที่จะต้องเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งทั้งหมดคนเดียว เฮ้อ..... ฟังแล้วปวดหัวจัง
เมื่อรู้ชะตากรรมว่าเราจะต้องเป็นคนจัดงานเพียงลำพัง สิ่งแรกที่เราทำคือ เเต๋น เเตน เเต้นนนนนนน จองช่างแต่งหน้าค่ะ
ซึ่งช่างที่เราจองคือ พี่จอมเมคอัพค่ะ ก่อนหน้านี้เราได้เห็นผลงานพี่เค้าหลายครั้ง จากงานเเต่งงานของเพื่อนสนิท และน้องคณะ เราชอบผลงานของพี่เค้ามาก เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ถ้าเกิดได้เเต่งงาน ก็อยากจะแต่งหน้าเจ้าสาวกับพี่จอมนี่แหละ เราเลยจองคิวกับพี่จอมจนได้คิวให้พี่เค้ามาแต่งงานในงานแต่งของเราค่ะ
จากนั้นเรามาคิดเรื่องของ concept งานของเรา เนื่องจากเราสองคนตั้งใจว่าจะจัดงานให้เรียบง่าย อบอุ่น เชิญเเขกเเค่คนสนิท เเละคนในครอบครัว เเละที่สำคัญต้องประหยัด เพราะเราสองคนตั้งใจว่าจะไม่รบกวนพ่อแม่ โดยจะใช้เงินเก็บของเราจัดงานเเต่งงานกันเองค่ะ เราสองคนตั้งงบในการจัดงานไว้ 180,000 บาทค่ะ
ด้วยตัวเราเองเป็นหนอนหนังสือ เลยมีความฝันที่อยากจะจัดงานเเต่งงานแบบพิธีคริสต์แลกแหวนในห้องสมุด ซึ่งแฟนเราก็ตามใจ เต็มใจให้เราจัดงานตามแบบที่เราต้องการ แหงล่ะ ชั้นเป็นคนจัดงานนี่นา 5555 การจุดประกายความคิดเรื่องการจัดงานเเต่งงานในห้องสมุดมาจากฉากในภาพยนต์ที่เราชอบ แอมฟาย แทงกิ้ว เลิฟยู้ววววว โดยเราหาข้อมูลมาว่าห้องสมุดที่ใช้ในการถ่ายทำคือ ห้องสมุด Neilson Hay's library ซึ่งเป็นห้องสมุดที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่มีความเก่าแก่นับร้อยปี อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์ความรักของคุณหมอเจ้าของห้องสมุดที่มีให้กับภรรยาที่เป็นหนอนหนังสือ ว้าววววว โรแมนติกจักเลย
เราเลยเลือกที่จะจัดงานแต่งของเราที่ห้องสมุดแห่งนี้ค่ะ
เราจึงได้เข้าไปติดต่อพี่เมย์ คนดูแลห้องสมุด ตอนแรกที่พี่เค้าทราบวันแต่งงานของเรา พี่เค้าปฏิเสธเรา เนื่องจากตรงกับช่วงสัปดาห์ที่ทางห้องสมุดจะจัดนิทรรศการของเค้า แต่เราก็ตื้อพี่เค้า จนสุดท้ายพี่เค้าไปคุยกับผู้จัดงานจนทางนั้นยอมเลื่อนสัปดาห์หนังสือมาจัดก่อน 1 อาทิตย์ เเละทางสมุดก็อนุญาตให้เราจัดงานแต่งงานที่นี่ได้ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก 555
เรื่องสถานที่หมดไปแล้ว 1 อย่าง ขั้นตอนต่อไปคือ หาคนที่จะมาจัดดอกไม้ เเละอาหารในงาน โดยอาหารนั้นเป็นเรื่องที่เราค่อนข้างซีเรียสมาก เราอยากให้แขกทุกคนมีความสุขเเละอร่อยกับอาหารในงานแต่งงานของเรามาก เราเลยค่อนข้างที่จะเลือกเรื่องของอาหารอย่างพิถีพิถัน เราเชื่อว่าเเขกที่จะประทับใจงานแต่งงานของเราหรือไม่นั้น มาจากเรื่องของอาหารนี่ล่ะค่ะ
เราได้มีโอกาสไปงานแต่งงานขอบเพื่อนหนึ่ง เเละเราชอบอาหารภายในงานนั้นมาก เนื่องจากจัดโต๊ะอาหารได้สวย เเละอาหารถูกปาก รสชาติดี เราเลยไลน์ไปถามเพื่อนเรา สรุปคือ เพื่อนเราเเนะนำเจ้านี้ค่ะ Dee cathering ซึ่งพี่เจน เจ้าหน้าที่ดูแลจากทางแคทเทอริ่งก็ให้คำแนะนำและดูแลเราเป็นอย่างดี ซึ่งทางเราให้โจทย์พี่เค้าว่า เราอยากจัดโต๊ะอาหารแบบ Cocktail เเละต้องการบรรยากาศเเบบเเนวสวนสีเขียว เนื่องจากเรามีแพลนที่จะจัดพิธีแลกแหวนภายในห้องสมุด หลังจากนั้นก็จะมากินเลื้ยงที่ลานบริเวณข้างหน้าค่ะ พี่เค้าก็ให้คำแนะนำเเละจัดโต๊ะอาหารออกมาได้สวยงามมาก และอาหารอร่อย แขกชมทั้งงานเลย เจ้าสาวและเจ้าบ่าวยิ้มแก้มปริมากค่ะ
เมื่อจัดการเรื่องอาหารในงานได้แล้ว ต่อไปเราหาคนจะมาจัดซุ้มดอกไม้ให้ ตอนแรกเราต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย เเพลนเดิมของเราคือ เราและเพื่อนจะช่วยกันจัดซุ้มกันเอง สุดท้ายเรามาฉุกคิดว่าเรากลัวว่าคืนวันงานเราจะยุ่งเเละกลัวว่าจะจัดซุ้มดอกไม้เเละสถานที่ได้ไม่ทัน จึงตัดสินใจจ้างคนจัดดอกไม้ให้ดีกว่าเนอะ 5555 เราได้ติดต่อให้ maple love มาช่วยจัดซุ้มดอกไม้ให้เรา เนื่องจากเราเคยเห็นผลงานพี่เค้าจากการที่เคยจัดดอกไม้ในงานแต่งเพื่อนเรา โดยทาง maple ได้ถามถึง Concept เเละงบประมาณของเรา โดยเราบอกกับพี่เค้าตรงๆว่า งบจัดงานเรามีไม่เยอะ เราอยากให้พี่เค้าจัดซุ้มดอกไม้ภายในห้องสมุด ส่วนเราเเละเพื่อนจะจัดสถานที่กินเลี้ยงของงานที่บริเวณลานด้านนอกเอง ซึ่งพี่เค้าก็โอเคคอยดูเเล เสนอแนะไอเดียการจัดดอกไม้ รวมถึงติดตามงานตลอด โดยในวันงานพี่เค้าจัดซุ้มดอกไม้ได้สวยงามเกินราคาเเละตรงกับความต้องการของเรามากค่ะ
วันนี้พอเเค่นี้ก่อน เดี่ยวมาต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
[CR] รีวิวการจัดงานแต่งของหนอนหนังสือในห้องสมุด Neilson Hay's Library
ต้องเล่าก่อนว่า เรากับสามีของเราคบกันมานานเกือบ 3 ปี หลังจากที่เราทั้งสองคนได้ฝ่าฝันอุปสรรคกันมานับประการ ทั้งเรื่องของ Long Distance Relationship เเละเรื่องสามีเราเป็นชาวต่างชาติ ( อเมริกัน ) ซึ่งครอบครัวเราช่วงแรกไม่ปลื้มการมีว่าทีลูกเขยชาวต่างชาติมากนัก หลังจากใช้เวลาเป็นปีในการพิสูจน์ความรักของเราทั้งคู่ ก็ถึงเวลาที่พ่อกับแม่ของเราได้ไฟเขียวอนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันได้ ......... เย้ๆๆๆ
หลังจากที่พ่อแม่ของเราอนุญาตให้เราสองคนแต่งงานกันได้ คุณนายแม่ก็รีบเดินทางไปพบหลวงพ่อเพื่อหาฤกษ์เเต่งงานให้เราสองคน หลวงพ่อท่านเคาะมาเป็นวันที่ 8 เเละ 9 พ.ย. 2562 ซึ่งหลวงพ่อให้เราสองคนเลือกวันเเต่งงานสองวันนี้ ซึ่งตอนแรกเราชอบวันที่ 9 พ.ย. 2562 เพราะเป็นวันมหาฤกษ์ เเละเป็นที่เลขวันสวย ( 9-11-2019 ) เเต่เนื่องจากแม่เราชอบวันศุกร์ เเละเราได้ฤกษ์แต่งงานค่อนข้างช้า เลยคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่เราจะดีลกับ organize อาหาร เเละสถานที่ ได้ เนื่องจากเราได้ยินมาว่า งานเเต่งงานฤกษ์สวยขนาดนี้ คู่เเต่งงานจองงานล่วงหน้ากันเป็นปีแล้ว เราและแม่เลยลงเอยกันเป็นวันที่ 8 พ.ย. 2562
หลังจากที่ได้ฤกษ์วันเเต่งงานมาแล้ว เรารีบแจ้งแฟนของเราเรื่องกำหนดวันแต่งงาน เนื่องจากแฟนของเราทำงานเป็นนาวิกโยธินที่อเมริกา ดังนั้นแฟนของเราต้องจัดการจองเรื่องของตั๋วเครื่องบิน เเละเขียนจดหมายลาต่อต้นสังกัดเพื่อมาเป็นเจ้าบ่าวให้เราค่ะ เเละแฟนของเราอยู่ต่างประเทศ ดัวนั้นจึงต้องเป็นเราเองที่จะต้องเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งทั้งหมดคนเดียว เฮ้อ..... ฟังแล้วปวดหัวจัง
เมื่อรู้ชะตากรรมว่าเราจะต้องเป็นคนจัดงานเพียงลำพัง สิ่งแรกที่เราทำคือ เเต๋น เเตน เเต้นนนนนนน จองช่างแต่งหน้าค่ะ ซึ่งช่างที่เราจองคือ พี่จอมเมคอัพค่ะ ก่อนหน้านี้เราได้เห็นผลงานพี่เค้าหลายครั้ง จากงานเเต่งงานของเพื่อนสนิท และน้องคณะ เราชอบผลงานของพี่เค้ามาก เลยตั้งเป้าหมายไว้ว่า ถ้าเกิดได้เเต่งงาน ก็อยากจะแต่งหน้าเจ้าสาวกับพี่จอมนี่แหละ เราเลยจองคิวกับพี่จอมจนได้คิวให้พี่เค้ามาแต่งงานในงานแต่งของเราค่ะ
จากนั้นเรามาคิดเรื่องของ concept งานของเรา เนื่องจากเราสองคนตั้งใจว่าจะจัดงานให้เรียบง่าย อบอุ่น เชิญเเขกเเค่คนสนิท เเละคนในครอบครัว เเละที่สำคัญต้องประหยัด เพราะเราสองคนตั้งใจว่าจะไม่รบกวนพ่อแม่ โดยจะใช้เงินเก็บของเราจัดงานเเต่งงานกันเองค่ะ เราสองคนตั้งงบในการจัดงานไว้ 180,000 บาทค่ะ
ด้วยตัวเราเองเป็นหนอนหนังสือ เลยมีความฝันที่อยากจะจัดงานเเต่งงานแบบพิธีคริสต์แลกแหวนในห้องสมุด ซึ่งแฟนเราก็ตามใจ เต็มใจให้เราจัดงานตามแบบที่เราต้องการ แหงล่ะ ชั้นเป็นคนจัดงานนี่นา 5555 การจุดประกายความคิดเรื่องการจัดงานเเต่งงานในห้องสมุดมาจากฉากในภาพยนต์ที่เราชอบ แอมฟาย แทงกิ้ว เลิฟยู้ววววว โดยเราหาข้อมูลมาว่าห้องสมุดที่ใช้ในการถ่ายทำคือ ห้องสมุด Neilson Hay's library ซึ่งเป็นห้องสมุดที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่มีความเก่าแก่นับร้อยปี อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์ความรักของคุณหมอเจ้าของห้องสมุดที่มีให้กับภรรยาที่เป็นหนอนหนังสือ ว้าววววว โรแมนติกจักเลย เราเลยเลือกที่จะจัดงานแต่งของเราที่ห้องสมุดแห่งนี้ค่ะ
เราจึงได้เข้าไปติดต่อพี่เมย์ คนดูแลห้องสมุด ตอนแรกที่พี่เค้าทราบวันแต่งงานของเรา พี่เค้าปฏิเสธเรา เนื่องจากตรงกับช่วงสัปดาห์ที่ทางห้องสมุดจะจัดนิทรรศการของเค้า แต่เราก็ตื้อพี่เค้า จนสุดท้ายพี่เค้าไปคุยกับผู้จัดงานจนทางนั้นยอมเลื่อนสัปดาห์หนังสือมาจัดก่อน 1 อาทิตย์ เเละทางสมุดก็อนุญาตให้เราจัดงานแต่งงานที่นี่ได้ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก 555
เรื่องสถานที่หมดไปแล้ว 1 อย่าง ขั้นตอนต่อไปคือ หาคนที่จะมาจัดดอกไม้ เเละอาหารในงาน โดยอาหารนั้นเป็นเรื่องที่เราค่อนข้างซีเรียสมาก เราอยากให้แขกทุกคนมีความสุขเเละอร่อยกับอาหารในงานแต่งงานของเรามาก เราเลยค่อนข้างที่จะเลือกเรื่องของอาหารอย่างพิถีพิถัน เราเชื่อว่าเเขกที่จะประทับใจงานแต่งงานของเราหรือไม่นั้น มาจากเรื่องของอาหารนี่ล่ะค่ะ
เราได้มีโอกาสไปงานแต่งงานขอบเพื่อนหนึ่ง เเละเราชอบอาหารภายในงานนั้นมาก เนื่องจากจัดโต๊ะอาหารได้สวย เเละอาหารถูกปาก รสชาติดี เราเลยไลน์ไปถามเพื่อนเรา สรุปคือ เพื่อนเราเเนะนำเจ้านี้ค่ะ Dee cathering ซึ่งพี่เจน เจ้าหน้าที่ดูแลจากทางแคทเทอริ่งก็ให้คำแนะนำและดูแลเราเป็นอย่างดี ซึ่งทางเราให้โจทย์พี่เค้าว่า เราอยากจัดโต๊ะอาหารแบบ Cocktail เเละต้องการบรรยากาศเเบบเเนวสวนสีเขียว เนื่องจากเรามีแพลนที่จะจัดพิธีแลกแหวนภายในห้องสมุด หลังจากนั้นก็จะมากินเลื้ยงที่ลานบริเวณข้างหน้าค่ะ พี่เค้าก็ให้คำแนะนำเเละจัดโต๊ะอาหารออกมาได้สวยงามมาก และอาหารอร่อย แขกชมทั้งงานเลย เจ้าสาวและเจ้าบ่าวยิ้มแก้มปริมากค่ะ
เมื่อจัดการเรื่องอาหารในงานได้แล้ว ต่อไปเราหาคนจะมาจัดซุ้มดอกไม้ให้ ตอนแรกเราต้องการที่จะประหยัดค่าใช้จ่าย เเพลนเดิมของเราคือ เราและเพื่อนจะช่วยกันจัดซุ้มกันเอง สุดท้ายเรามาฉุกคิดว่าเรากลัวว่าคืนวันงานเราจะยุ่งเเละกลัวว่าจะจัดซุ้มดอกไม้เเละสถานที่ได้ไม่ทัน จึงตัดสินใจจ้างคนจัดดอกไม้ให้ดีกว่าเนอะ 5555 เราได้ติดต่อให้ maple love มาช่วยจัดซุ้มดอกไม้ให้เรา เนื่องจากเราเคยเห็นผลงานพี่เค้าจากการที่เคยจัดดอกไม้ในงานแต่งเพื่อนเรา โดยทาง maple ได้ถามถึง Concept เเละงบประมาณของเรา โดยเราบอกกับพี่เค้าตรงๆว่า งบจัดงานเรามีไม่เยอะ เราอยากให้พี่เค้าจัดซุ้มดอกไม้ภายในห้องสมุด ส่วนเราเเละเพื่อนจะจัดสถานที่กินเลี้ยงของงานที่บริเวณลานด้านนอกเอง ซึ่งพี่เค้าก็โอเคคอยดูเเล เสนอแนะไอเดียการจัดดอกไม้ รวมถึงติดตามงานตลอด โดยในวันงานพี่เค้าจัดซุ้มดอกไม้ได้สวยงามเกินราคาเเละตรงกับความต้องการของเรามากค่ะ
วันนี้พอเเค่นี้ก่อน เดี่ยวมาต่อวันพรุ่งนี้นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้