#ชีวิตยิ่งกว่านิยาย โดนสามีเก่าทิ้งแล้วมาพบรักกับหนุ่มตี๋แดนสิงโตพ่นน้ำแค่1เดือนก็ตกลงแต่งงานกัน...
สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกพันทิปทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อเล่นเตยค่ะ ตอนนี้เตยอายุ28ปีแล้วค่ะ และขณะที่กำลังโพสต์กระทู้อยู่ตอนนี้ เตยก็อาศัยอยู่ที่แดนสิงโตพ่นน้ำนี่แหละค่ะ ช่วงนี้ต้องหยุดงาน กักตัวอยู่บ้าน เพราะโควิด ออกไปไหนไม่ได้ อยู่บ้านว่างๆ เหงาๆ ก็เลยสมัครสมาชิกพันทิปมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยายให้เพื่อนๆได้อ่านเพลินๆกันค่ะ และแน่นอนว่านี่ก็เป็นการโพสต์ในกระทู้พันทิปครั้งแรกของเตยค่ะ ยังไงเตยก็จะใช้พื้นที่ตรงนี้ พิมพ์ทุกตัวอักษรในการเล่าเรื่องให้คุ้มค่ากับที่เพื่อนๆสมาชิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ไปเริ่มกันเลยค่ะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.... แหมๆ.. ยังกะเล่านิทานเลย แฮร่ๆ🤪 เอาใหม่ค่ะ จริงจังแล้วค่ะ เข้าเรื่องเลย เดี๋ยวเพื่อนๆจะเบื่อเอาซะก่อน แฮร่ๆ😅ก่อนอื่นเตยต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ4ปีก่อน โห..ย้อนกลับไปนานมาก ทำไมเตยต้องเล่าย้อนกลับไปนานขนาดนั้น ก็เพราะว่า มันคือจุดเริ่มต้นหรือเรียกว่า จุดเปลี่ยนชีวิตของเตยเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้เตยได้มาพบเจอกับหนุ่มตี๋ที่แดนสิงโตพ่นน้ำแห่งนี้ค่ะ เพื่อความเข้าใจง่ายๆเตยจะเล่าเป็นตอนๆ Ep.1,2,3... ไปเรื่อยๆนะคะ
Ep.1 #จุดเริ่มต้นของการได้มาดินแดนสิงโตพ่นน้ำ
เตยจะบอกกับเพื่อนๆก่อนนะคะว่า เตยมาอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ได้3ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับหนุ่มตี๋ เตยเคยมีลูกสาวมาแล้ว1คนค่ะ ตอนนี้ลูกสาวเตย8ขวบกับอีก7เดือนค่ะ กำลังจะขึ้นชั้น ป.3ค่ะ ใช่ค่ะ... เหมือนที่หลายๆคนคิดเลยค่ะ ลูกกับสามีเก่าที่เป็นคนไทยค่ะ ซึ่งตรงนี้สามีใหม่เตยเขารับรู้และรับได้ทุกอย่างค่ะ😊 อ่ออีกอย่างหนึ่งเตยลืมบอกเพื่อนๆว่า สามีใหม่เตยตอนนี้เขาอายุ26ปีค่ะ อ่อนกว่าเตย2ปี ใช่ค่ะเตยกินเด็ก เอ๊ะ!.... หรือว่าเด็กกินผู้ใหญ่น๊าาา.. 55๋+ ซึ่งตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาอายุ23 ส่วนเตยอายุ25ค่ะ อุ๊ปไว้แค่นี้ก่อนเดี๋ยวเรื่องสามีใหม่จะเอาไปเล่าในEp.2 ค่ะ
มาต่อกันเลยค่ะ เมื่อ4ปีก่อนเตยก็อยู่กินกับสามีเก่าและลูกสาว 3คนพ่อแม่ลูก เตยกับสามีเก่าอยู่กินกันมาตั้งแต่เตยอายุ18ค่ะ สามีเก่าก็อายุเท่ากันค่ะ ใช่ค่ะเตยตั้งท้องตั้งแต่อายุยังน้อย.... ซึ่งตรงนี้เตยไม่อยากให้น้องๆลอกเลียนแบบนะคะ เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ตั้งใจเรียนดีที่สุดค่ะ แต่ชีวิตคนเรามันก็ผิดพลาดกันได้เนาะ ข้ามตรงนี้ไปค่ะมาต่อกันดีกว่า คือเมื่อ4ปีก่อน สามีเก่าเขาทิ้งเตยกับลูกไปค่ะ เขาทิ้งเตยไปเพราะเตยไม่เหลืออะไรให้เขาเกาะแล้ว คือตอนนั้นทั้งตัวเตยไม่เหลือเงินแม้แต่บาทเดียวจริงๆค่ะ และที่มากไปกว่านั้นคือเขาทิ้งหนี้ไว้ให้เตยใช้คนเดียวอีกตั้ง4แสนบาท เพราะว่าหนี้ที่ไปกู้มามันเป็นชื่อเตยค่ะ ก่อนหน้านั้นนับตั้งแต่เตยท้องจนถึงวันที่เขาทิ้งเตยกับลูกไป เขาก็นอกใจนอกกายเตยมาตลอดค่ะ งานการก็ไม่ทำเป็นหลักแหล่ง แอบติดยา แอบขายยา แอบไปกู้เงินนอกระบบ ที่ใช้คำว่าแอบ เพราะเตยไม่เคยรู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่โกหกได้เก่งได้เนียนมากค่ะ ที่เรื่องแดงก็เพราะมีคนมาทวงเงินกับเตยถึงบ้าน เตยถึงรู้ค่ะ เอาเป็นว่าเขาทำให้เตยเจ็บช้ำน้ำใจจนไม่รู้จะเจ็บยังไง ที่ทนมาตลอดก็เพราะลูกค่ะ ที่ช้ำใจสุดก็ตอนที่เขาไปเป็นทหาร แล้วเตยต้องเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานทุกวัน คือเมื่อก่อนเตยทำงานที่ห้างที่พัทยาค่ะ เตยก็ขอหัวหน้าเอาลูกไปเลี้ยงเพราะไม่มีใครดูลูกจริงๆ เพราะอยู่กัน3คนพ่อแม่ลูก ส่วนพ่อแม่เตยและพ่อแม่เขาต่างก็มีครอบครัวใหม่กันหมดค่ะ เตยเอาลูกใส่รถเข็นห้าง ลูกก็กินนอนเล่นอยู่ในรถเข็น และวิ่งเล่นในห้างทั้งวันจนกว่าเตยจะเลิกงานค่ะ ที่บอกว่าเจ็บช้ำคือ ตอนที่เขาไปเป็นทหารเกณฑ์ เขาบอกเตยว่าเขาไม่ได้เงินเดือนสักบาทโดนหักหมด นายก็ไม่ให้ลากลับบ้าน ทุกๆเดือนเตยต้องส่งเงินให้เขาใช้ ทั้งๆที่เตยก็รับภาระมากมาย สุดท้ายมารู้ความจริงว่าเขาโกหก เขาเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงติดผู้หญิงไม่ยอมกลับมาหาลูกเมียแถมให้เมียส่งตังค์ให้ใช้เอาไปปรนเปรอผู้หญิงใหม่ มันน่าเจ็บใจไหมละคะ คือเตยอยู่กับลูกแค่สองคน ทั้งเลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วย รับผิดชอบภาระค่าบ้าน ค่ารถ ค่ากินค่าอยู่คนเดียวหมดทุกอย่าง เขาไม่เคยช่วยอะไรเลย แถมเราต้องมาส่งเงินให้เขาใช้อีก มันทั้งเจ็บทั้งจุกร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่สุดท้ายก็ทำเพื่อลูก อยากให้ลูกมีพ่อ ไม่อยากให้ลูกมีชีวิตเหมือนเรา ก็เลยต้องทุกข์ทนอยู่กับความเจ็บปวดทรมานมาตลอด
จนวันที่เขาจากไป เตยก็เลยพาลูกมาขออาศัยอยู่กับแม่ที่บ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี แล้วเตยก็ไปสมัครงานก็ได้งานในตัวเมือง เตยขับรถมอเตอร์ไซค์ไปกลับจากบ้านไปที่ทำงานวันละ100 กิโล กว่าจะกลับถึงบ้านก็3ทุ่ม เพราะทำงานในห้าง บางวันขับรถตากฝนกลับบ้าน เปลี่ยวก็เปลี่ยว กลัวก็กลัว หนาวก็หนาว ขับรถไปร้องไห้ไป เอามือปาดน้ำตาตลอดทาง นึกถึงสิ่งที่สามีเขาทำกับเราและลูก เงินเดือนก็ไม่พอกิน ไหนจะใช้หนี้อีก เกิดความคับแค้นใจ พูดกับตัวเองว่าสักวันกูต้องได้ดี สักวันต้องเสียใจที่ทิ้งกูกับลูกไป คือตอนนั้นมันทรมานหัวใจมากจริงๆค่ะ ทั้งสภาพความเป็นอยู่ กินอยู่แบบอดๆอยากๆ หลับตานอนก็ไม่หลับคิดไปต่างๆนาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากมายว่าทำไมและทำไม? จะบอกว่าเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ค่ะ หลังจากที่เลิกกันไปได้เกือบปี เคราะห์ซ้ำกำซัดก็เข้ามา แม่เตยโดนตำรวจจับติดคุก (ตรงนี้เตยไม่ขอเล่านะคะว่าเพราะอะไร) เตยก็เลยได้เอาลูกไปให้พ่อของเตยเลี้ยงที่จังหวัดบึงกาฬ คือตอนนั้นมันตันมันตื้อไปหมดค่ะ เตยพยายามคิดหาหนทางว่าทำยังไงเราถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้ ทำไมมันทรมานเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน ผัวก็ทิ้ง หนี้ก็ก้อนโต แม่ก็มาติดคุก ไหนจะลูกอีก ได้แต่โทษโชคชะตาตัวเองว่า ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย จนมีอยู่วันหนึ่งน้องสาวเดินมาหา(น้องสาวแท้ๆพ่อแม่เดียวกันมีกันแค่สองคนพี่น้อง คอยช่วยเหลือกันมาตั้งเล็กจนโต) น้องเดินมาบอกว่าไปทำงานต่างประเทศกันไหม มีพี่ที่รู้จักแกเคยไปแกบอกได้เงินดีนะ เตยก็ถามว่างานอะไร น้องสาวบอกงานโมเดล/พีอาร์ที่ประเทศสิงคโปร์ พอน้องพูดจบเท่านั้นแหละ เตยรีบค้นหาในกูเกิ้ลในเฟสบุ๊คทันทีว่ามันคืองานอะไร พอเตยค้นหาข้อมูลจนแน่ใจแล้วเตยก็ติดต่อเอเจ้น ส่งรูปไปแคสงานเสร็จสรรพ พอเอเจ้นตอบกลับมาว่าแคสงานผ่านเท่านั้นแหละ เตยรีบส่งไลน์ไปหาเซลล์ว่าเตยขอลาออก ตอนนั้นเตยไม่คิดอะไรแล้ว คิดแค่ว่าตูจะไปสิงคโปร์ ตูจะออกจากชีวิตเฮงซวยนี้ให้ได้ ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองไปตายเอาดาบหน้าก็ได้วะ หลังจากนั้นวันต่อมาเตยกับน้องสาวก็ไปทำพาสปอร์ตกัน รอพาสปอร์ต1อาทิตย์ จากนั้นเอเจ้นก็จัดการซื้อตั๋วให้ดำเนินการต่างๆให้ เตยจะบอกเพื่อนๆก่อนว่า การไปทำงานต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตครั้งนี้ เตยไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว เอเจ้นออกให้หมด จะบอกว่าใช้ใจวัดใจกันทั้งสองฝ่ายเลยก็ว่าได้ คือวันนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเตยเหลือเงินอยู่4พันบาทสุดท้ายในชีวิต ก่อนวันบินเตยกับน้องก็พากันนั่งรถทัวร์เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน ที่สนามบินดอนเมือง เตยก็โทรคุยติดต่อกับเจ้นตลอด ว่าต้องทำอะไรยังไงตรงไหนบ้าง ซึ่งพี่เอเจ้นเขาก็ดีแนะนำเตยทุกอย่าง วันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบินและได้ไปต่างประเทศ ใจหนึ่งก็กลัว ใจหนึ่งก็กล้า ไหนๆก็ไหนแล้วๆ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ไปให้สุด ลองให้รู้ด้วยตัวเองว่าจริงไหม จนมาถึงสนามบิน ชางงีที่ประเทศสิงคโปร์ ผ่านตม.มาได้ก็มีเอเจ้นคนสิงคโปร์มารอรับ ตอนนั้นก็คิดในใจมันจะพาตูไปขายตัวป่าววะ เพราะเราไม่รู้อะไรเลยไม่รู้จักใครเลย ไปกันสองคนพี่น้อง สรุปวันแรกเอเจ้นพาไปทานข้าวและพาไปส่งบ้านพักที่ทำงาน โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง อย่างน้อยตูก็ไม่ได้โดนหลอกมาขายตัวแล้ว เพราะมาถึงบ้านพักก็มีเพื่อนๆคนไทยเต็มไปหมด ตรงนี้เตยจะขอข้ามไปเลยนะคะ เพื่อความรวบรัด ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากรู้ว่างานโมเดล/พีอาร์ต่างประเทศคืออะไร เตยจะใส่ลิ้งค์ไว้ให้ ให้เพื่อนๆเข้าไปดูในช่องเตยได้เลยค่ะ ในคลิปเตยอธิบายไว้แบบละเอียดคลิกที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ ➡️
https://youtu.be/quk4glpcqsg
เดี๋ยวเตยมาต่อEp.2นะคะ ขอตัวไปหาอะไรทานก่อนค่ะ เริ่มหิวแล้ว คงไม่พ้นทำส้มตำกินอีกเช่นเคยค่ะเพื่อนๆ ปลาร้ามันอยู่ในสายเลือด อิอิ😁 เดี๋ยวมานะคะแป๊ปเดียวค่ะ😊 รับรองEp.2 จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆค่ะ...
#ชีวิตยิ่งกว่านิยาย โดนสามีเก่าทิ้งแล้วมาพบรักกับหนุ่มตี๋แดนสิงโตพ่นน้ำแค่1เดือนก็ตกลงแต่งงานกัน...
สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกพันทิปทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อเล่นเตยค่ะ ตอนนี้เตยอายุ28ปีแล้วค่ะ และขณะที่กำลังโพสต์กระทู้อยู่ตอนนี้ เตยก็อาศัยอยู่ที่แดนสิงโตพ่นน้ำนี่แหละค่ะ ช่วงนี้ต้องหยุดงาน กักตัวอยู่บ้าน เพราะโควิด ออกไปไหนไม่ได้ อยู่บ้านว่างๆ เหงาๆ ก็เลยสมัครสมาชิกพันทิปมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยายให้เพื่อนๆได้อ่านเพลินๆกันค่ะ และแน่นอนว่านี่ก็เป็นการโพสต์ในกระทู้พันทิปครั้งแรกของเตยค่ะ ยังไงเตยก็จะใช้พื้นที่ตรงนี้ พิมพ์ทุกตัวอักษรในการเล่าเรื่องให้คุ้มค่ากับที่เพื่อนๆสมาชิกเข้ามาอ่านกันนะคะ ไปเริ่มกันเลยค่ะ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.... แหมๆ.. ยังกะเล่านิทานเลย แฮร่ๆ🤪 เอาใหม่ค่ะ จริงจังแล้วค่ะ เข้าเรื่องเลย เดี๋ยวเพื่อนๆจะเบื่อเอาซะก่อน แฮร่ๆ😅ก่อนอื่นเตยต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ4ปีก่อน โห..ย้อนกลับไปนานมาก ทำไมเตยต้องเล่าย้อนกลับไปนานขนาดนั้น ก็เพราะว่า มันคือจุดเริ่มต้นหรือเรียกว่า จุดเปลี่ยนชีวิตของเตยเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้เตยได้มาพบเจอกับหนุ่มตี๋ที่แดนสิงโตพ่นน้ำแห่งนี้ค่ะ เพื่อความเข้าใจง่ายๆเตยจะเล่าเป็นตอนๆ Ep.1,2,3... ไปเรื่อยๆนะคะ
Ep.1 #จุดเริ่มต้นของการได้มาดินแดนสิงโตพ่นน้ำ
เตยจะบอกกับเพื่อนๆก่อนนะคะว่า เตยมาอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ได้3ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับหนุ่มตี๋ เตยเคยมีลูกสาวมาแล้ว1คนค่ะ ตอนนี้ลูกสาวเตย8ขวบกับอีก7เดือนค่ะ กำลังจะขึ้นชั้น ป.3ค่ะ ใช่ค่ะ... เหมือนที่หลายๆคนคิดเลยค่ะ ลูกกับสามีเก่าที่เป็นคนไทยค่ะ ซึ่งตรงนี้สามีใหม่เตยเขารับรู้และรับได้ทุกอย่างค่ะ😊 อ่ออีกอย่างหนึ่งเตยลืมบอกเพื่อนๆว่า สามีใหม่เตยตอนนี้เขาอายุ26ปีค่ะ อ่อนกว่าเตย2ปี ใช่ค่ะเตยกินเด็ก เอ๊ะ!.... หรือว่าเด็กกินผู้ใหญ่น๊าาา.. 55๋+ ซึ่งตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาอายุ23 ส่วนเตยอายุ25ค่ะ อุ๊ปไว้แค่นี้ก่อนเดี๋ยวเรื่องสามีใหม่จะเอาไปเล่าในEp.2 ค่ะ
มาต่อกันเลยค่ะ เมื่อ4ปีก่อนเตยก็อยู่กินกับสามีเก่าและลูกสาว 3คนพ่อแม่ลูก เตยกับสามีเก่าอยู่กินกันมาตั้งแต่เตยอายุ18ค่ะ สามีเก่าก็อายุเท่ากันค่ะ ใช่ค่ะเตยตั้งท้องตั้งแต่อายุยังน้อย.... ซึ่งตรงนี้เตยไม่อยากให้น้องๆลอกเลียนแบบนะคะ เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ตั้งใจเรียนดีที่สุดค่ะ แต่ชีวิตคนเรามันก็ผิดพลาดกันได้เนาะ ข้ามตรงนี้ไปค่ะมาต่อกันดีกว่า คือเมื่อ4ปีก่อน สามีเก่าเขาทิ้งเตยกับลูกไปค่ะ เขาทิ้งเตยไปเพราะเตยไม่เหลืออะไรให้เขาเกาะแล้ว คือตอนนั้นทั้งตัวเตยไม่เหลือเงินแม้แต่บาทเดียวจริงๆค่ะ และที่มากไปกว่านั้นคือเขาทิ้งหนี้ไว้ให้เตยใช้คนเดียวอีกตั้ง4แสนบาท เพราะว่าหนี้ที่ไปกู้มามันเป็นชื่อเตยค่ะ ก่อนหน้านั้นนับตั้งแต่เตยท้องจนถึงวันที่เขาทิ้งเตยกับลูกไป เขาก็นอกใจนอกกายเตยมาตลอดค่ะ งานการก็ไม่ทำเป็นหลักแหล่ง แอบติดยา แอบขายยา แอบไปกู้เงินนอกระบบ ที่ใช้คำว่าแอบ เพราะเตยไม่เคยรู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่โกหกได้เก่งได้เนียนมากค่ะ ที่เรื่องแดงก็เพราะมีคนมาทวงเงินกับเตยถึงบ้าน เตยถึงรู้ค่ะ เอาเป็นว่าเขาทำให้เตยเจ็บช้ำน้ำใจจนไม่รู้จะเจ็บยังไง ที่ทนมาตลอดก็เพราะลูกค่ะ ที่ช้ำใจสุดก็ตอนที่เขาไปเป็นทหาร แล้วเตยต้องเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานทุกวัน คือเมื่อก่อนเตยทำงานที่ห้างที่พัทยาค่ะ เตยก็ขอหัวหน้าเอาลูกไปเลี้ยงเพราะไม่มีใครดูลูกจริงๆ เพราะอยู่กัน3คนพ่อแม่ลูก ส่วนพ่อแม่เตยและพ่อแม่เขาต่างก็มีครอบครัวใหม่กันหมดค่ะ เตยเอาลูกใส่รถเข็นห้าง ลูกก็กินนอนเล่นอยู่ในรถเข็น และวิ่งเล่นในห้างทั้งวันจนกว่าเตยจะเลิกงานค่ะ ที่บอกว่าเจ็บช้ำคือ ตอนที่เขาไปเป็นทหารเกณฑ์ เขาบอกเตยว่าเขาไม่ได้เงินเดือนสักบาทโดนหักหมด นายก็ไม่ให้ลากลับบ้าน ทุกๆเดือนเตยต้องส่งเงินให้เขาใช้ ทั้งๆที่เตยก็รับภาระมากมาย สุดท้ายมารู้ความจริงว่าเขาโกหก เขาเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงติดผู้หญิงไม่ยอมกลับมาหาลูกเมียแถมให้เมียส่งตังค์ให้ใช้เอาไปปรนเปรอผู้หญิงใหม่ มันน่าเจ็บใจไหมละคะ คือเตยอยู่กับลูกแค่สองคน ทั้งเลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วย รับผิดชอบภาระค่าบ้าน ค่ารถ ค่ากินค่าอยู่คนเดียวหมดทุกอย่าง เขาไม่เคยช่วยอะไรเลย แถมเราต้องมาส่งเงินให้เขาใช้อีก มันทั้งเจ็บทั้งจุกร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด แต่สุดท้ายก็ทำเพื่อลูก อยากให้ลูกมีพ่อ ไม่อยากให้ลูกมีชีวิตเหมือนเรา ก็เลยต้องทุกข์ทนอยู่กับความเจ็บปวดทรมานมาตลอด
จนวันที่เขาจากไป เตยก็เลยพาลูกมาขออาศัยอยู่กับแม่ที่บ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี แล้วเตยก็ไปสมัครงานก็ได้งานในตัวเมือง เตยขับรถมอเตอร์ไซค์ไปกลับจากบ้านไปที่ทำงานวันละ100 กิโล กว่าจะกลับถึงบ้านก็3ทุ่ม เพราะทำงานในห้าง บางวันขับรถตากฝนกลับบ้าน เปลี่ยวก็เปลี่ยว กลัวก็กลัว หนาวก็หนาว ขับรถไปร้องไห้ไป เอามือปาดน้ำตาตลอดทาง นึกถึงสิ่งที่สามีเขาทำกับเราและลูก เงินเดือนก็ไม่พอกิน ไหนจะใช้หนี้อีก เกิดความคับแค้นใจ พูดกับตัวเองว่าสักวันกูต้องได้ดี สักวันต้องเสียใจที่ทิ้งกูกับลูกไป คือตอนนั้นมันทรมานหัวใจมากจริงๆค่ะ ทั้งสภาพความเป็นอยู่ กินอยู่แบบอดๆอยากๆ หลับตานอนก็ไม่หลับคิดไปต่างๆนาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากมายว่าทำไมและทำไม? จะบอกว่าเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ค่ะ หลังจากที่เลิกกันไปได้เกือบปี เคราะห์ซ้ำกำซัดก็เข้ามา แม่เตยโดนตำรวจจับติดคุก (ตรงนี้เตยไม่ขอเล่านะคะว่าเพราะอะไร) เตยก็เลยได้เอาลูกไปให้พ่อของเตยเลี้ยงที่จังหวัดบึงกาฬ คือตอนนั้นมันตันมันตื้อไปหมดค่ะ เตยพยายามคิดหาหนทางว่าทำยังไงเราถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้ ทำไมมันทรมานเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน ผัวก็ทิ้ง หนี้ก็ก้อนโต แม่ก็มาติดคุก ไหนจะลูกอีก ได้แต่โทษโชคชะตาตัวเองว่า ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย จนมีอยู่วันหนึ่งน้องสาวเดินมาหา(น้องสาวแท้ๆพ่อแม่เดียวกันมีกันแค่สองคนพี่น้อง คอยช่วยเหลือกันมาตั้งเล็กจนโต) น้องเดินมาบอกว่าไปทำงานต่างประเทศกันไหม มีพี่ที่รู้จักแกเคยไปแกบอกได้เงินดีนะ เตยก็ถามว่างานอะไร น้องสาวบอกงานโมเดล/พีอาร์ที่ประเทศสิงคโปร์ พอน้องพูดจบเท่านั้นแหละ เตยรีบค้นหาในกูเกิ้ลในเฟสบุ๊คทันทีว่ามันคืองานอะไร พอเตยค้นหาข้อมูลจนแน่ใจแล้วเตยก็ติดต่อเอเจ้น ส่งรูปไปแคสงานเสร็จสรรพ พอเอเจ้นตอบกลับมาว่าแคสงานผ่านเท่านั้นแหละ เตยรีบส่งไลน์ไปหาเซลล์ว่าเตยขอลาออก ตอนนั้นเตยไม่คิดอะไรแล้ว คิดแค่ว่าตูจะไปสิงคโปร์ ตูจะออกจากชีวิตเฮงซวยนี้ให้ได้ ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองไปตายเอาดาบหน้าก็ได้วะ หลังจากนั้นวันต่อมาเตยกับน้องสาวก็ไปทำพาสปอร์ตกัน รอพาสปอร์ต1อาทิตย์ จากนั้นเอเจ้นก็จัดการซื้อตั๋วให้ดำเนินการต่างๆให้ เตยจะบอกเพื่อนๆก่อนว่า การไปทำงานต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตครั้งนี้ เตยไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว เอเจ้นออกให้หมด จะบอกว่าใช้ใจวัดใจกันทั้งสองฝ่ายเลยก็ว่าได้ คือวันนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเตยเหลือเงินอยู่4พันบาทสุดท้ายในชีวิต ก่อนวันบินเตยกับน้องก็พากันนั่งรถทัวร์เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน ที่สนามบินดอนเมือง เตยก็โทรคุยติดต่อกับเจ้นตลอด ว่าต้องทำอะไรยังไงตรงไหนบ้าง ซึ่งพี่เอเจ้นเขาก็ดีแนะนำเตยทุกอย่าง วันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบินและได้ไปต่างประเทศ ใจหนึ่งก็กลัว ใจหนึ่งก็กล้า ไหนๆก็ไหนแล้วๆ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ไปให้สุด ลองให้รู้ด้วยตัวเองว่าจริงไหม จนมาถึงสนามบิน ชางงีที่ประเทศสิงคโปร์ ผ่านตม.มาได้ก็มีเอเจ้นคนสิงคโปร์มารอรับ ตอนนั้นก็คิดในใจมันจะพาตูไปขายตัวป่าววะ เพราะเราไม่รู้อะไรเลยไม่รู้จักใครเลย ไปกันสองคนพี่น้อง สรุปวันแรกเอเจ้นพาไปทานข้าวและพาไปส่งบ้านพักที่ทำงาน โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง อย่างน้อยตูก็ไม่ได้โดนหลอกมาขายตัวแล้ว เพราะมาถึงบ้านพักก็มีเพื่อนๆคนไทยเต็มไปหมด ตรงนี้เตยจะขอข้ามไปเลยนะคะ เพื่อความรวบรัด ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากรู้ว่างานโมเดล/พีอาร์ต่างประเทศคืออะไร เตยจะใส่ลิ้งค์ไว้ให้ ให้เพื่อนๆเข้าไปดูในช่องเตยได้เลยค่ะ ในคลิปเตยอธิบายไว้แบบละเอียดคลิกที่ลิงค์นี้ได้เลยค่ะ ➡️ https://youtu.be/quk4glpcqsg
เดี๋ยวเตยมาต่อEp.2นะคะ ขอตัวไปหาอะไรทานก่อนค่ะ เริ่มหิวแล้ว คงไม่พ้นทำส้มตำกินอีกเช่นเคยค่ะเพื่อนๆ ปลาร้ามันอยู่ในสายเลือด อิอิ😁 เดี๋ยวมานะคะแป๊ปเดียวค่ะ😊 รับรองEp.2 จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆค่ะ...