#ชีวิตยิ่งกว่านิยาย​ โดน​สามีเก่าทิ้งแล้วมาพบรักกับหนุ่มตี๋แดนสิงโตพ่นน้ำ​แค่1เดือน​ก็ตกลงแต่งงานกัน...

#ชีวิตยิ่งกว่านิยาย​ โดน​สามีเก่าทิ้งแล้วมาพบรักกับหนุ่มตี๋แดนสิงโตพ่นน้ำ​แค่1เดือน​ก็ตกลงแต่งงานกัน...

สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกพันทิปทุกท่าน​ ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ​ ชื่อเล่นเตยค่ะ​ ตอนนี้เตยอายุ28ปีแล้วค่ะ​ และขณะที่กำลังโพสต์​กระทู้​อยู่ตอนนี้ เตยก็อาศัยอยู่ที่แดนสิงโตพ่นน้ำนี่แหละค่ะ​ ช่วงนี้ต้องหยุดงาน​ กักตัวอยู่บ้าน​ เพราะโควิด​ ออกไปไหนไม่ได้​ อยู่บ้านว่างๆ​ เหงาๆ ก็เลยสมัคร​สมาชิกพันทิป​มาแชร์​ประสบการณ์​ชีวิตที่ยิ่งกว่านิยายให้เพื่อนๆได้อ่านเพลินๆกันค่ะ​ และแน่นอนว่านี่ก็เป็นการโพสต์​ในกระทู้พันทิป​ครั้งแรกของเตยค่ะ​ ยังไงเตยก็จะใช้พื้นที่ตรงนี้​ พิมพ์​ทุกตัวอักษรในการเล่าเรื่อง​ให้คุ้มค่ากับที่เพื่อนๆสมาชิกเข้ามาอ่านกันนะคะ​ ไปเริ่มกันเลยค่ะ

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.... แหมๆ.. ยังกะเล่านิทานเลย​ แฮร่ๆ🤪 เอาใหม่ค่ะ​ จริงจังแล้วค่ะ​ เข้าเรื่องเลย​ เดี๋ยว​เพื่อนๆจะเบื่อเอาซะก่อน​ แฮร่ๆ😅ก่อนอื่นเตยต้องเล่าย้อนกลับไปเมื่อ4ปีก่อน​ โห..ย้อนกลับไปนานมาก ทำไมเตยต้องเล่าย้อนกลับไปนานขนาดนั้น​ ก็เพราะว่า​ มันคือจุดเริ่มต้น​หรือเรียกว่า​ จุดเปลี่ยน​ชีวิตของเตยเลยก็ว่าได้ ที่ทำให้เตยได้มาพบเจอกับหนุ่มตี๋ที่แดนสิงโตพ่นน้ำแห่งนี้ค่ะ​ เพื่อความเข้าใจง่ายๆ​เตยจะเล่าเป็นตอนๆ​ Ep.1,2,3... ไปเรื่อยๆนะคะ​

Ep.1​ #จุดเริ่มต้นของการได้มาดินแดนสิงโตพ่นน้ำ

เตยจะบอกกับเพื่อนๆก่อนนะคะว่า​ เตยมาอยู่ที่ประเทศ​สิงคโปร์​ได้3ปีแล้วค่ะ ก่อนหน้าที่จะมาเจอกับหนุ่มตี๋​ เตยเคยมีลูกสาวมาแล้ว1คนค่ะ​ ตอนนี้ลูกสาวเตย8ขวบกับอีก7เดือนค่ะ​ กำลังจะขึ้น​ชั้น ป.3ค่ะ ใช่ค่ะ... เหมือนที่หลายๆคนคิดเลยค่ะ​ ลูกกับสามีเก่าที่เป็นคนไทยค่ะ​ ซึ่งตรงนี้สามีใหม่เตยเขารับรู้และรับได้ทุกอย่างค่ะ​😊 อ่ออีกอย่างหนึ่งเตยลืมบอกเพื่อนๆ​ว่า สามีใหม่เตยตอนนี้เขาอายุ26ปีค่ะ​ อ่อนกว่าเตย2ปี​ ใช่ค่ะเตยกินเด็ก​ เอ๊ะ!.... หรือว่าเด็กกินผู้ใหญ่น๊าาา.. 55๋+ ซึ่งตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาอายุ23​ ส่วนเตย​อายุ25ค่ะ​ อุ๊ปไว้แค่นี้ก่อน​เดี๋ยว​เรื่องสามีใหม่จะเอาไปเล่าในEp.2​ ค่ะ​
มาต่อกันเลยค่ะ​ เมื่อ4ปีก่อน​เตยก็อยู่กินกับสามีเก่าและลูกสาว​ 3คนพ่อแม่ลูก​ เตยกับสามีเก่าอยู่กินกันมาตั้งแต่เตยอายุ18ค่ะ​ สามีเก่าก็อายุเท่ากันค่ะ​ ใช่ค่ะเตยตั้งท้องตั้งแต่อายุยังน้อย.... ซึ่งตรงนี้เตยไม่อยากให้น้องๆลอกเลียนแบบนะคะ​ เพราะมันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี​ ตั้งใจเรียนดีที่สุดค่ะ​ แต่ชีวิตคนเรามันก็ผิดพลาดกันได้​เนาะ​ ข้ามตรงนี้ไปค่ะ​มาต่อกันดีกว่า​ คือเมื่อ4ปี​ก่อน​ สามีเก่าเขาทิ้งเตยกับลูกไปค่ะ​ เขาทิ้งเตยไปเพราะเตยไม่เหลืออะไรให้เขาเกาะแล้ว​ คือตอนนั้นทั้งตัวเตยไม่เหลือเงินแม้แต่บาทเดียวจริงๆค่ะ​ และที่มากไปกว่านั้นคือเขาทิ้งหนี้ไว้ให้เตยใช้คนเดียวอีกตั้ง4แสนบาท​ เพราะว่าหนี้ที่ไปกู้มามันเป็นชื่อเตยค่ะ​ ก่อนหน้านั้นนับตั้งแต่เตยท้องจนถึงวันที่เขาทิ้งเตยกับลูกไป​ เขาก็นอกใจนอกกายเตยมาตลอดค่ะ​ งานการก็ไม่ทำเป็นหลักแหล่ง แอบติดยา​ แอบขายยา แอบไปกู้เงินนอกระบบ​ ที่ใช้คำว่าแอบ​ เพราะเตยไม่เคยรู้เรื่องเลยจริงๆค่ะ​ เพราะเขาเป็นคนที่โกหกได้เก่งได้เนียนมากค่ะ​ ที่เรื่องแดงก็เพราะมีคนมาทวงเงินกับเตยถึงบ้าน​ เตยถึงรู้ค่ะ​ เอาเป็นว่าเขาทำให้เตยเจ็บช้ำน้ำใจจนไม่รู้จะเจ็บยังไง​ ที่ทนมาตลอดก็เพราะลูกค่ะ​ ที่ช้ำใจสุดก็ตอนที่เขาไปเป็นทหาร​ แล้วเตยต้องเอาลูกไปเลี้ยงที่ทำงานทุกวัน​ คือเมื่อก่อนเตยทำงานที่ห้างที่พัทยาค่ะ​ เตยก็ขอหัวหน้าเอาลูกไปเลี้ยงเพราะไม่มีใครดูลูกจริงๆ​ เพราะอยู่กัน3คนพ่อแม่ลูก​ ส่วนพ่อแม่เตยและพ่อแม่เขาต่างก็มีครอบครัว​ใหม่กันหมดค่ะ เตยเอาลูกใส่รถเข็นห้าง​ ลูกก็กินนอนเล่นอยู่ในรถเข็น​ และวิ่งเล่นในห้างทั้งวันจนกว่าเตยจะเลิกงาน​ค่ะ​ ที่บอกว่าเจ็บช้ำคือ​ ตอนที่เขาไปเป็นทหารเกณฑ์​ เขาบอกเตยว่าเขาไม่ได้เงินเดือน​สักบาท​โดนหักหมด​ นายก็ไม่ให้ลากลับบ้าน​ ทุกๆเดือนเตยต้องส่งเงินให้เขาใช้​ ทั้งๆที่เตยก็รับภาระมากมาย​​ สุดท้ายมารู้ความจริงว่าเขาโกหก​ เขาเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงติดผู้หญิง​ไม่ยอมกลับมาหาลูกเมีย​แถมให้เมียส่งตังค์​ให้ใช้เอาไปปรนเปรอ​ผู้หญิง​ใหม่​ มันน่าเจ็บใจไหมละคะ​ คือเตยอยู่กับลูกแค่สองคน​ ทั้งเลี้ยงลูกไปด้วย​ ทำงานไปด้วย​ รับผิดชอบภาระค่าบ้าน​ ค่ารถ​ ค่ากินค่าอยู่คนเดียว​หมดทุกอย่าง​ เขาไม่เคยช่วยอะไรเลย​ แถมเราต้องมาส่งเงินให้เขาใช้อีก มันทั้งเจ็บทั้งจุกร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด​ แต่สุดท้ายก็ทำเพื่อลูก​ อยากให้ลูกมีพ่อ​ ไม่อยากให้ลูกมีชีวิตเหมือนเรา​ ก็เลยต้องทุกข์​ทนอยู่กับความเจ็บปวด​ทรมานมาตลอด​

จนวันที่เขาจากไป​ เตยก็เลยพาลูกมาขออาศัยอยู่​กับแม่​ที่บ้านเกิด​จังหวัด​อุบลราชธานี​ แล้วเตยก็ไปสมัครงาน​ก็ได้งานในตัวเมือง​ เตยขับรถมอเตอร์​ไซค์​ไปกลับจากบ้านไปที่ทำงานวันละ100 กิโล​ กว่าจะกลับถึงบ้านก็3ทุ่ม​ เพราะทำงานในห้าง​ บางวันขับรถตากฝนกลับบ้าน​ เปลี่ยวก็เปลี่ยว​ กลัวก็กลัว​ หนาวก็หนาว​ ขับรถไปร้องไห้ไป​ เอามือปาดน้ำตาตลอดทาง​ นึกถึงสิ่งที่สามีเขาทำกับเราและลูก​ เงินเดือนก็ไม่พอกิน​ ไหนจะใช้หนี้อีก​ เกิดความคับแค้นใจ​ พูดกับตัวเองว่าสักวันกูต้องได้ดี​ สักวันต้องเสียใจที่ทิ้งกูกับลูกไป​ คือตอนนั้นมันทรมาน​หัวใจมากจริงๆค่ะ​ ทั้งสภาพความเป็นอยู่​ กินอยู่แบบอดๆอยากๆ​ หลับตานอนก็ไม่หลับคิดไปต่างๆนาๆ​ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น​ เกิดคำถามขึ้นมาในหัวมากมายว่าทำไมและทำไม? จะบอกว่าเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ค่ะ​ หลังจากที่เลิกกันไปได้เกือบปี​ เคราะห์​ซ้ำกำซัดก็เข้ามา​ แม่เตยโดนตำรวจจับติดคุก​ (ตรงนี้เตยไม่ขอเล่านะคะว่าเพราะอะไร)​ เตยก็เลยได้เอาลูกไปให้พ่อของเตยเลี้ยงที่จังหวัดบึงกาฬ​ คือตอนนั้นมันตันมันตื้อไปหมดค่ะ​ เตยพยายามคิดหาหนทางว่าทำยังไงเราถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้​ ทำไมมันทรมานเหลือเกิน​ เหนื่อยเหลือเกิน​ ผัวก็ทิ้ง​ หนี้ก็ก้อนโต​ แม่ก็มาติดคุก​ ไหนจะลูกอีก​ ได้แต่โทษโชคชะตา​ตัวเองว่า​ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย​ จนมีอยู่วันหนึ่งน้องสาวเดินมาหา(น้องสาว​แท้ๆพ่อแม่เดียวกันมีกันแค่สองคนพี่น้อง​ คอยช่วยเหลือกันมาตั้งเล็กจนโต)​ น้องเดินมาบอกว่าไปทำงานต่างประเทศ​กันไหม​ มีพี่ที่รู้จักแกเคยไปแกบอกได้เงินดีนะ​ เตยก็ถามว่างานอะไร​ น้องสาวบอกงานโมเดล/พีอาร์​ที่ประเทศ​สิงคโปร์​ พอน้องพูดจบเท่านั้นแหละ​ เตยรีบค้นหาในกูเกิ้ลในเฟสบุ๊ค​ทันทีว่ามันคืองานอะไร​ พอเตยค้นหาข้อมูลจนแน่ใจแล้วเตยก็ติดต่อเอเจ้น ส่งรูปไปแคสงานเสร็จ​สรรพ​ พอเอเจ้นตอบกลับมาว่าแคสงานผ่านเท่านั้นแหละ​ เตยรีบส่งไลน์ไปหาเซลล์​ว่าเตยขอลาออก​ ตอนนั้นเตยไม่คิดอะไรแล้ว​ คิดแค่ว่าตูจะไปสิงคโปร์​ ตูจะออกจากชีวิตเฮงซวย​นี้ให้ได้​ ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว​ ลองไปตายเอาดาบหน้าก็ได้วะ​ หลังจากนั้นวันต่อมาเตยกับน้องสาวก็ไปทำพาสปอร์ต​กัน​ รอพาสปอร์ต​1อาทิตย์​ จากนั้นเอเจ้นก็จัดการซื้อตั๋ว​ให้​ดำเนินการต่างๆให้​ เตยจะบอกเพื่อนๆก่อนว่า​ การไปทำงานต่างประเทศ​ครั้งแรกในชีวิตครั้งนี้​ เตยไม่ได้เสียเงินแม้แต่บาทเดียว​ เอเจ้นออกให้หมด​ จะบอกว่าใช้ใจวัดใจกันทั้งสองฝ่ายเลยก็ว่าได้​ คือวันนั้นทั้งเนื้อทั้งตัวเตยเหลือเงิน​อยู่4พันบาทสุดท้ายในชีวิต​ ก่อนวันบินเตยกับน้องก็พากันนั่งรถทัวร์​เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน​ ที่สนามบินดอนเมือง​ เตยก็โทรคุย​ติดต่อกับเจ้นตลอด​ ว่าต้องทำอะไรยังไงตรงไหนบ้าง​ ซึ่งพี่เอเจ้นเขาก็ดีแนะนำเตยทุกอย่าง​ วันนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ขึ้นเครื่องบิน​และได้ไปต่างประเทศ​ ใจหนึ่งก็กลัว​ ใจหนึ่งก็กล้า​ ไหนๆก็ไหนแล้วๆ​ มาถึงขนาดนี้แล้วก็ไปให้สุด​ ลองให้รู้ด้วยตัวเองว่าจริงไหม​ จนมาถึงสนามบิน​ ชางงีที่ประเทศ​สิงคโปร์​ ผ่านตม.มาได้ก็มีเอเจ้นคนสิงคโปร์​มารอรับ​ ตอนนั้นก็คิดในใจมันจะพาตูไปขายตัวป่าววะ​ เพราะเราไม่รู้อะไรเลยไม่รู้จักใครเลย​ ไปกันสองคนพี่น้อง​ สรุปวันแรกเอเจ้นพาไปทานข้าวและพาไปส่งบ้านพักที่ทำงาน​ โล่งใจไปอีกเปาะหนึ่ง​ อย่างน้อยตูก็ไม่ได้โดนหลอกมาขายตัวแล้ว​ เพราะมาถึงบ้านพักก็มีเพื่อนๆคนไทยเต็มไปหมด​ ตรงนี้เตยจะขอข้ามไปเลยนะคะ​ เพื่อความรวบรัด​ ถ้าเพื่อนๆคนไหนอยากรู้ว่างานโมเดล​/พีอาร์ต่างประเทศ​คืออะไร​ เตยจะใส่ลิ้งค์​ไว้ให้​ ให้เพื่อนๆเข้าไปดูในช่องเตยได้เลยค่ะ​ ในคลิปเตยอธิบายไว้แบบละเอียด​คลิกที่ลิงค์​นี้ได้เลยค่ะ​ ➡️ https://youtu.be/quk4glpcqsg

เดี๋ยว​เตยมาต่อEp.2นะคะ​ ขอตัวไปหาอะไรทานก่อนค่ะ​ เริ่มหิวแล้ว​ คงไม่พ้นทำส้มตำกินอีกเช่นเคยค่ะเพื่อนๆ​ ปลาร้ามันอยู่ในสายเลือด​ อิอิ😁 เดี๋ยว​มานะคะแป๊ปเดียว​ค่ะ😊 รับรองEp.2​ จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆค่ะ...
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ชีวิตในต่างแดน ประสบการณ์ชีวิตคู่ คนรักต่างชาติ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่