หากเลือกระหว่างไปเรียนต่อที่ ไต้หวัน กับ ญี่ปุ่น จะเลือกไปเรียนที่ไหนดีกว่าคะ

จขกท. อยากทราบว่าสภาพแวดล้อมระหว่างไปเรียนที่ ไต้หวัน เมืองไท่หนาน กับ ญี่ปุ่น เมืองโกเบ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ อยากทราบว่าบรรยากาศในการเรียน อาทิ อาหาร ค่าครองชีพ การคมนาคม สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงในวันหยุดเพื่อพักผ่อนจากการเรียนมีสถานที่พักผ่อนใกล้เคียงมากเพียงใด สภาพอากาศเป็นอย่างไรบ้างคะ จขกท. มีแพลนอาจเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยคู่สัญญากับไทยค่ะ มีหลายที่แต่ไม่เคยไปเมืองที่กล่าวมาเลยค่ะ ยิ้ม รบกวนชี้แนะด้วยค่ะ
ปล. จขกท. มีพื้นฐานจีนกลาง (จีนตัวย่อ) ค่ะ แต่ไต้หวันใช้ตัวเต็ม ตอนนี้ จขกท. ก็กำลังลองศึกษาภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติม (ยากเหมือนกัน) แม้ว่าการไปศึกษาต่อจะเป็นแบบใช้ภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่การดำรงชีวิตทั่วไปมันก็สำคัญมากเลย เผื่อช่วยแนะนำ จขกท. เพิ่มเติมค่ะ

เม่าดี๊ด๊า

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียนจบปริญญาจากไต้หวันใบนึง แล้วก็จากญี่ปุ่นอีกใบนะครับ พอจะตอบคำถามนี้ได้อยู่ คำถามหลักๆอันแรกเลยคือเราจะต้องการทุนการศึกษาไรงี้ไหม แล้วไปเรียนปริญญาโท หรือ เอก อะครับ มีทุนไปต่อไหม ปัจจัยพวกนี้มันเกี่ยวข้องกับสองประเทศนี้โดยตรง เท่าที่ผมสัมผัสได้ รู้สึกว่าทางไต้หวันจะเป็นการเรียนแบบอเมริกาซะมากกว่า เน้นคอสเวิก เรียนวิชาอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ข้อสอบยากๆหน่อย แบบ ม. ที่ไต้หวัน ที่ จขกท ดูอยู่ เด็กก็น่าจะเก่งอยู่พอสมควร ทีนี้มาพูดถึงการเรียนที่ไต้หวัน ข้อดีคือเค้ามีทุนให้เราแน่นอนครับ ยิ่งระดับ ป.โท ป.เอก ละ เราได้ทุนมหาลัยแล้วนอกจากนั้นถ้าเราเจอ Prof ทีซับพอร์ดเราดี เค้าก็จะให้เงินเดือนเราเพิ่มครับ อีกเรื่องนึงคือค่าครองชีพก็พอๆกับไทยครับ ค่าหอถ้าหอในก็ถูกพอๆกับหอในในประเทศไทยเลย ถ้าหอนอกก็ 3000-7000 บาท ราวๆนั้น ค่าอาหารก็พอๆกับไทยสมัยผมอยู่ข้าวผัดจานนึงราวๆ 45 บาท ประมาณนั้น เดือนนึงถ้าใช้แบบประหยัดก็ไม่ถึงหมื่นบาทก็อยู่ได้ครับ อากาศก็ไม่ค่อยหนาวมาก ถ้าที่ไถหนาน มันจะอากาศเย็นๆ ประมาณ 4-5 เดือนครับ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวไต้หวันถ้าไปเรียน ป.โท ป.เอก น่าจะเที่ยวได้หมดเกาะครับ ค่าเที่ยวถือว่าไม่แพง ส่วนเรื่องพื้นฐานภาษาจีนไม่น่าจะมีปัญหาครับ ส่วนใหญ่ ป.โท ป.เอก อ. เค้าอยากจะให้ นศ ใช้ภาษาอังกฤษซะด้วยซ้ำ พูดถึงข้อดีละ เรามาพูดถึงข้อเสียบ้าง ที่บอกไปแต่แรกครับ ว่าบางสาขาวิชา เรียนค่อนข้างจะโหดมาก แต่จบออกมา คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักมหาลัยประเทศนี้เท่าไหร่ อีกเรื่องคือ ถ้าไปเรียน ป.โท ผมว่าโอเคครับ คอสเวิกหนักดี ทำให้พื้นฐานทางวิชาการเราดี แต่ว่าถ้าไป ป.เอก ผมอาจจะไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะเรียนนานพอสมควรเลยครับ การเรียน ป.เอก ที่นี่เราจะต้องเรียนคอสเวิกก่อน 2 ปี เสร็จแล้วต้องไปสอบ Qualify ครับ ซึ่งข้อสอบค่อนข้างหินทีเดียว หลายคนสอบครั้งเดียวไม่ผ่าน มีเห็นเยอะแยะไป พอสอบผ่านละ ทีนี้หน้าที่เราก็ต้องตีพิมพ์ครับ เจอนอลระดับ ISI ประมาณ 2 ฉบับ แล้วก็ถึงจะยื่นสอบจบได้ ซึ่งปกติละที่แลปเก่าผมเรียนจบไวๆหน่อยก็ 4 ปี ช้าสุดก็ 9 ปี ครับ แต่เราไม่ต้องห่วงเรื่องเงินครับ เพราะส่วนใหญ่เด็ก ป.เอก อ. จะซับพอร์ดเรื่องเงินให้ดีพอสมควร

ทีนี้มาถึงประเทศญี่ปุ่นบ้าง ประเทศญี่ปุ่น ถ้าเรียน ป.โท หลายๆมหาลัยไม่ยอมเปิดคอสเป็นภาษาอังกฤษให้ครับ ถึงเปิดคอสเวิกในสายวิทย์ค่อนข้างจะสบาย เพราะเค้าเน้นทำวิจัยกันมากกว่า เวลาเรียนคอสเวิกส่วนใหญ่ก็เน้นอ่านเปเปอร์ แล้วรายงานหน้าชั้นอะไรทำนองนั้น ไม่ได้มีสอบบ้าเลือด เยอะแยะ ส่วนการเรียน ป.เอก ที่นี่จะไม่มีสอบอะไรทั้งนั้นครับ รวมถึงไม่มีวิชาให้บังคับเรียนด้วย ดังนั้นถ้ามาเรียน ป.เอก ที่ญี่ปุ่น โดยไม่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลย ย่อมเป็นไปได้ครับ โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยจะบังคับให้ ป.เอก ลงเรียนวิชาสัมนาเทอมละ 1 ตัวครับ ตลอด 3 ปีการศึกษา โดยส่วนใหญ่วิชานี้จะไม่มีอะไรหรอกครับ หลักๆก็คล้ายๆรายงานความคืบหน้างานวิจัยเราอะครับ ส่วนการเรียนที่นี่เราจำเป็นที่นี่ เนื่องจากเป็นการเรียนเน้นการวิจัยเป็นหลัก ดังนั้นเราเลยจะต้องหา อ. ที่ปรึกษาก่อนครับ เป็นหนึ่งสิ่งที่แตกต่างจากประเทศไต้หวัน หลังจากเราได้การตอบรับกับ อ. ที่ปรึกษาแล้วเราจึงค่อยจะสมัครเข้ามหาลัย ส่วนเรื่องทุนนี่ใช้ดวงพอสมควรหลักๆก็ขึ้นกับ อ. ที่ปรึกษาเราเนี่ยแหละครับ ว่าเค้าจะช่วยเราเรื่องนี้ได้ขนาดไหน ส่วนเรื่องการจบการศึกษานั้นจะขึ้นกับ อ. เราเลยครับ ว่าจะต้องการเจอนอลทั้งหมดกี่ฉบับ โดยส่วนใหญ่หลักสูตร ป.เอก จะเรียน 3 ปีรู้สึกว่าจะต้องเรียนจบให้ทันภายใน 6 ปีนะครับ ถ้า 6 ปีไม่จบนี่เรื่องค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ต้องเป็นเจอนอลระดับไหนบ้าง ส่วนเรื่องค่าครองชีพก็แพงนิดหน่อยครับ ของผมโชคดีหน่อยตรงที่มหาวิทยาลัยเค้าจ่ายค่าที่พักให้เลยค่อนข้างสบาย ทุนที่ได้มาก็เอาไปใช้จ่ายในส่วนอื่นๆได้ โดยค่าอาหารมื้อนึงที่โรงอาหารให้มหาวิทยาลัยก็จะอยู่ราวๆ 500 -1000 เยน นะครับ ราคาให้ตีไปประมาณนี้ ส่วนเรื่องอากาศถ้าเทียบกับไต้หวันละ ถือว่าอากาศหนาวเลยอะครับ ปีนึงมีฤดูร้อนอยู่ไม่กี่เดือนเองครับ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวที่ประเทศนี้ค่อนข้างจะแพงนิดหน่อย รวมถึงค่าเดินทางไปท่องเที่ยวที่ค่อนข้างจะแพง หลักๆเลยถ้าตัดสินใจจะไปญี่ปุ่น แนะนำให้ไปติดต่อ อ. ที่ปรึกษาก่อนเนี่ยแหละครับ แล้วก็แนะนำให้เราเลือก อ. จากหัวข้องานที่เราสนใจจริงๆ ถ้าเรียนในระดับ ป.เอก แล้วเราได้หัวข้อวิจัยที่เราไม่ชอบชีวิตมันจะทรมานพอสมควร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่