คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่คิดผิดชีวิตเปลี่ยน 😥😔

สวัสดีครับผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆของปัญหานี้นะคับ ปี57ผมขึ้นมัธยมต้น
ตัดสินใจไปบวชเรียน ใจตัวเมืองจังหวัดนึง ไม่ได้อยู่จังหวัดกับที่อยู่
ไปกับเพื่อนที่อยุ่บ้านเดียวกัน1คน
ไปครั้งแรกได้อยู่ด้วยกัน แล้วอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆเริ่มอยุ่ด้วยไม่ได้
เลยได้ย้ายห้องออกจากกัน
ปี58 ขึ้น ม.2 เริ่มเห่อ ความรุ้สีกแบบอยากรุ้อยากลอง ผมเลยสูบบุรี่
วันนึงผมไปเจอรุ่นพี่ต่างวัด ผมถูกใจเขามาก แบบนับถือแบบสุดๆ
วันที่เขาอยุ่ห่างจากตัวเมือง
จนเขาทำนุ้นทำนี่ เพื่อมาอยุ่กะเรา
ผมก้ไม่คิดอะไร ก้อยากให้เขามา
พอมาได้ ก้มาอยุ่กับผม พอผ่านไปสักเดือนกว่า พาน้องเข้ามาอยุ่กับผม เป็นคนไร้มารยาทมาก ผมเริ่มเบื่อละ
เริ่มเดือดร้อนกัน เริ่มยืมเงินกัน
เห็นผมมีเงินหน่อย ยืมหลักพันคับ
(ตอนนั้นเงินหลักพันหายากมากสำหรับเด็กม.2อย่างผม)โทรศัพท์พังอีก
ผมมี2เครื่อง ผมก้ให้ยืม เพราะนับถือ
นับถือขั้นแบบจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกันเลย
เข้าปี59 ขึ้นม.3 บอกให้ผมพาเขาไปเปิดบัญชีและฝากเงิน
แต่เงินอันที่ยืมยังไม่คืนน่ะ
โห่...เลยคิดเห็นหัวกันแค่นี้หรอ
พอผ่านไป8-9เดือน โทรศัพท์ยังไม่คืนเลย
คิดน่ะ คือ....ถ้ายืมขนาดนี้มันไม่ใช้ยืมล่ะ เริ่มมารุ้ทีหลังโทรศัพท์ก้พังไปล่ะ
มันพังก่อนหน้านั้นแล้วแต่พยามโกหก
ว่ายังเล่นอยุ่
เล่นจนพังอะคิดดู พึ่งซื้อมาได้เดือนกว่าเอง
ไม่รุ้อะไร ผมเริ่มไม่ชอบขี่หน้ามันละ
พอแค่นี้เลิกทุกอย่างเลิกนับถือเลิกอำนวยทุกๆอย่าง ผมจบ.ม.3คิดไม่ออกเลยว่าจะเรียนต่อที่ไหน
เลยเรียนต่อที่เดิม ปี60ผมขึ้นม.4
แต่ยังอยุ่ด้วยกัน ทนๆกันอยู่ไปวันๆ
ผมเลยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองละ
ผมไม่รุ้จะออกจากไอ้นั้นยังไง (ความเกลียดมากกว่านับถือละ)
ผมเลยไม่คุยไม่มองหน้าไม่อะไรเลย
ก้ไม่รุ้น่ะผมคิดอะไรอยุ่ แต่ผมทำไปแล้ว
มันรุ้ว่าผมไม่ชอบมัน มันเลยย้ายห้องไปห้องอื่น
ผ่านไปครึ่งเทอม ม.4ของผม
ไอ้นั้นเริ่มกร่างล่ะ กร่างแบบ ยิ้มสุดๆ
แบบไปหาเรื่องเจ้าอาวาส วันนั้นเป็นวันพระใหญ่เลยเดินไปเป็นกลุ่ม
เข้าไปในศาลาญาติโยมเต็มศาลา(ช่วงนั้นธรรมวัดเย็น)เดินไปบอกว่าเอารองเท้าตีหัวน้องกูหรอ ชี้หน้า แบบจะรุมกันเลยจังหวะนั้น
ผมไม่ค่อยรุ้เรื่องเท่าไหร่ผมอยุ่นอกเหตุการ เป็นเรื่องเลยทีนี้ เรื่องใหญ่ด้วย
เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล นักข่าวก้มา แต่ไม่รุ้ได้ทำข่าวไหม
(เรื่องนี้เรื่องจริงปี60)
คอยซวยกันทั้งหมด ผมเกลียดมันจิงๆ เณรทั้งหมดที่นั้นได้ย้ายออกจากวัดหมดเลย ผมกับเพื่อนย้ายไปอยู่ วัดนึง
เป็นวัดใช้แรงงาน ทั้งปลูกมัน ปลูกอ้อยปลูกข้าว
ไม่ต่างไรจากใช้แรงงานเลย
อยู่ไม่ได้ ผมกับเพื่อนย้ายไปอยุ่วัดป่า
ยุงเยอะ ไฟไม่[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มี เลยทนอยุ่ไป
ทุกๆวันจะมีรถรับส่งมารับไป รร.
และก้ได้เจอไอ้นั้นอีก จิตรใจที่เคยบอกตัวเองจะเปลี่ยนแปลงตัว
มันมาอีกครั้ง นั้งรถไป รร.ทุกวัน ผมไม่มองหน้า ไม่คุยด้วย จนติดเป็นนิสัย
แบบเห็นหน้าทีไร แบบหลบสายตาทันที
กลายเป็นเรากลัวไอ้นั้น ไปเลย ทนเห็นหน้ากันทุกๆวัน จนจิตรใจอ่อนแอ คั่นวิกฤต กลัว กลัวการสบตา กลัวการพูด กลัวไปหมดเลย แถมวัดที่อยุ่ เณรที่สติไม่ดีอยุ่ รุ้สึกสึมซับนิสัยมาด้วย
ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว 😥
อีกไม่กี่เดือนจะจบ ม.4 ต้องทนอยุ่แบบนี้
จนอาการกนักขึ้นเรื่อยๆ จบม.4ตัดสินใจสึก กลับมาบ้าน เข้าเรียนสายอาชีพมี อนาคตกว่า
เข้าเรียน ปวช.1 =ม.4 ตามจะขึ้น ม.5
เรียนกะรุ่นน้อง ปีนึง เพื่อนเก่าที่ รร.นี้ไม่มีเลยสักคน เข้าไปเรียนไม่มีคนรุ้จักแม้แต่คนเดียว คนอื่นมากะเพื่อนบ้าง มากะพี่บ้าง
ผมรุ้โดดเดี่ยวอีกครั้ง เพื่อนในห้องมี50กว่าคน บางคนหน้าโหดๆหน่อย ผมกลัวเลยคับไม่กล้ามองไม่กล้าคุย
เลยอยุ่แต่คนเดียวเหมือนไม่มีใครคบ
ผ่านไปสักเทอมนึงเริ่มโดนบุลลี่
เพราะผมไม่ค่อยเข้าพวก (ลืมบอกว่าผมเข้าค่ายวันแรกเขาเรียกหลวงพี่ หัวโล้นมาเลยแหละ ก้พึ่งสึกนิ )
ข้างนอกนี้มันต่างจากโลกที่เคยอยู่อย่างมาก บางทีก้ท้อ โดนคนนึงบุลลี่ พอเราเถียงกลับ. กลับโดนรุมบุลลี่อีก
จิตรตกมากๆ ท้อ ไม่อยากมาโรงเรียนต้องทนอยู่ไปอีก
(บอกตัวเองอย่างเดียวเลยเพื่ออนาคต)
ใจก้ยังคิดว่าที่เรียนด้วยก้ยึงคิดว่าเป็นรุ่นน้อง มันไม่เคยเรียนกะรุ่นน้องมาก่อน
จนปัจจุบันก้ยังคิดแบบนั้น
ปี62ขึ้นปี2ยังโดนบุลลี่อยุ่ เคยคิดอยากฆ่าตัวตายด้วย ไม่อยากอยุ่
แต่เพราะคำบางคำนี้แหละ อนาคตและคนข้างหลัง ตอนนี้ปัจุบัน ปี63อยุ่ปี3เทอม1 ตอนนี้ฝึกงานละ
ด้วยความที่เป็นกลัวๆ เลยเป็นผู้ไม่ค่อยได้
จนเพื่อนมันว่าเหมือนเด็ก ผมโดนบุลลี่บ่อยจนไม่มีแรงจูงใจพัฒนาตัวเองเลย พอจะสบตาใคร หน้าเป็นเอ๋อ
อีกเอ๋อแบบเอ๋อมากนี้แหละสิ่งที่แก้ไม่ได้สักที สิ่งที่ผมเล่ามาประมาณ6-7ปีคร่าวๆ
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้ได้ ขอบคุณมากๆคับ มันยาวนิดนึง
ผมต้องทำยังไงดีคับ แาการนี้จะหายไป
หรือต้องพบแพทย์ อย่างเดียวเลย 😞
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่