PRM ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ สะท้อนจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลา 1 เดือน จนราคาแซงหน้าระดับที่ทำไว้ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว แม้จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงอยู่มาก แต่ราคาหุ้นขณะนี้สูงไปหรือยัง และมีอะไรจะมาขยายอัพไซด์ได้อีกบ้าง?
*** น้ำมันดิบยิ่งล้นกำไรยิ่งพุ่ง ส่วนราคาหุ้นก็แรงไม่แพ้กัน
ราคาหุ้น บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ ตั้งแต่ลงไปทำจุดต่ำสุดของวิกฤตรอบนี้(19 มี.ค. 63) ที่ 2.98 บาท ราคาพุ่งขึ้นมาต่อเนื่องกว่า 1 เดือน มาทำจุดสูงสุดรอบเช้าวันนี้ไปที่ 6.10 บาท คิดเป็นปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 104.7% แซงหน้าระดับราคาก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว
สาเหตุหลักๆก็คือ โควิด-19 ที่ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) ลดกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย ทำให้ปริมาณน้ำมันในสต็อกล้นตลาด ส่งผลดีต่อธุรกิจเรือเก็บน้ำมันของ PRM เข้าอย่างจัง
โดยราคาหุ้น PRM ปิดตลาดเช้านี้ไปที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.63% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 121.23% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า
*** ไตรมาสแรกกำไรพุ่ง! น้ำมันดิบล้นปัจจัยบวกที่ไม่ต้องรอ
หุ้นที่อิงกับราคาน้ำมันดิบส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับผลบวกทันทีจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงหรือเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะมีวัตถุดิบที่ต้นทุนเดิมในสต็อกอยู่ แต่กับ PRM ต่างออกไป เพราะเป็นเพียงผู้ให้บริการจัดเก็บน้ำมันดิบจึงมีผลบวกกับรายได้ทันที
ซึ่งจากการสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์พบว่ากำไรปกติไตรมาส 1/63 จะออกมาดีมากราว 286 - 320 ล้านบาท สาเหตุหลักก็คือ 1.เรือเก็บน้ำมันดิบมีอัตราการใช้เรือ 8 ลำเต็มตลอดทั้งไตรมาส นอกจากนี้จำนวน 3 ลำ เพิ่งปรับขึ้นค่าเช่าอีก 20% ในเดือนมี.ค.63 แม้ธุรกิจขนส่งน้ำมันเครื่องบินจะได้รับผลกระทบจากธุรกิจการบินที่ซบเซาก็ตาม
นักวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติไตรมาส 1/63 ไว้ดังนี้
แต่ข้อควรระวังก็คือ PRM อาจมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX Loss)เข้ามาในไตรมาสนี้ราว 80 - 116 ล้านบาท จากเงินกู้ราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
*** เรือใช้เต็มหมดแล้ว... ยังมีการเติบโตเหลืออยู่อีกหรือเปล่า?
ปัจจุบัน PRM ใช้เรือเก็บน้ำมันดิบเต็มกำลัง 100% หมดแล้วทั้ง 8 ลำ ดังนั้นการเติบโตก็อาจทำได้อีกไม่มากนัก แม้อุตสาหกรรมจะเป็นขาขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนบริษัทยังมีช่องทางในการขยายธุรกิจอยู่เหมือนกัน
1.ปรับราคาค่าเช่าอีก 5 ลำที่เหลืออีก 20% : บล.ฟิลลิป ระบุว่า PRM ได้ปรับขึ้นราคาค่าเช่าเรือเก็บน้ำมันไปแล้ว 3 ลำ ราว 20% จากทั้งหมด 8 ลำ และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาใหม่อีก 1 - 2 ลำเร็วๆนี้ ส่วนที่เหลือจะหมดสัญญาภายในช่วงครึ่งปีหลัง และจะต่อสัญญาด้วยค่าเช่าใหม่ทันที
2.ซื้อเรือเพิ่ม : บริษัทยังคงแผนการขยายกองเรือ โดยเรือขนส่งน้ำมันในประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจขาลง จะขายออก 5 ลำ และซื้อทดแทน 4 ลำ ทำให้สิ้นปีจำนวนเรือจะลดไป 1 ลำ และหันไปขยายธุรกิจที่ค่าบริการเป็นขาขึ้นในธุรกิจขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ โดยมีแผนซื้อ 3 ลำ และ เรือเก็บน้ำมัน อีก 1 ลำ ซึ่งหากได้ตามแผนสิ้นปีจะมีเรือ 46 ลำ จาก 43 ลำ
3.ธุรกิจเรืออื่นเตรียมปรับค่าเช่าขึ้นเช่นกัน : ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมีเรือ 1 ลำ มีสัญญา Time Charter ถึงต้นไตรมาส 4/63 หลังหมดสัญญาคาดว่าจะได้ปรับขึ้นค่าบริการ เพราะดีมานด์ด้านขนส่งยังสูง ส่วนธุรกิจเรือขนส่งสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) ได้แก่ เรือพักอาศัย (AWB) เริ่มงานสัญญาใหม่กลาง ก.พ. 63 ได้ค่าเช่าเพิ่มแต่วันทำงานลดลง
*** ราคาหุ้นขึ้นมา 1 เด้งแล้ว ตอนนี้ยังซื้อได้หรือเปล่า?
จากการสำรวจราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์พบว่าให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยไว้ถึง 8.14 บาท ถือว่ายังมีอัพไซด์จากราคาสูงสุดเช้านี้อยู่ถึง 2.04 บาท หรือ 33.44% ดังนี้
ส่วนในด้าน P/E และ P/BV จากการสำรวจข้อมูลฟังก์ชั่น P/E & P/BV Zone Analysis ในโปรแกรม efin Stock Pick Up พบว่า PRM ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซื้อขายอยู่ที่ P/E 19-31 เท่า ขณะที่ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E 14.29 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ซื้อขายในอดีตอยู่มากขณะที่ P/BV ย้อนหลังซื้อขายอยู่ที่ 2 - 3 เท่า ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 2.11 เท่า
จากแนวโน้มผลประกอบการและราคาหุ้นในตอนนี้ เรียกได้ว่า PRM เป็นหุ้นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมาก แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีก็คือ "ตอนนี้อาจเป็นจุดสูงสุดของธุรกิจแล้ว" และ PRM ก็เลือกลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่เป็นขาขึ้น และเลือกที่จะขายเรือของธุรกิจที่เป็นขาลงออกไปอีกด้วย ดังนั้นเมื่อวัฏจักรธุรกิจกลับมาเป็นขาลงจุดยืดของ PRM จะอยู่ที่ไหนกันแน่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเก็บไปคิดให้ดี..
.
**อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่==>>
http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=TmljV0FoSnQ2Q1E9
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website :
https://www.efinancethai.com
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook :
https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin
PRM หุ้นที่รับอานิสงส์น้ำมันดิบล้นตลาดมากที่สุด!
PRM ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากเป็นพิเศษในช่วงนี้ สะท้อนจากราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาเป็นเวลา 1 เดือน จนราคาแซงหน้าระดับที่ทำไว้ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว แม้จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลงอยู่มาก แต่ราคาหุ้นขณะนี้สูงไปหรือยัง และมีอะไรจะมาขยายอัพไซด์ได้อีกบ้าง?
*** น้ำมันดิบยิ่งล้นกำไรยิ่งพุ่ง ส่วนราคาหุ้นก็แรงไม่แพ้กัน
ราคาหุ้น บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจ ตั้งแต่ลงไปทำจุดต่ำสุดของวิกฤตรอบนี้(19 มี.ค. 63) ที่ 2.98 บาท ราคาพุ่งขึ้นมาต่อเนื่องกว่า 1 เดือน มาทำจุดสูงสุดรอบเช้าวันนี้ไปที่ 6.10 บาท คิดเป็นปรับตัวขึ้นมาแล้วถึง 104.7% แซงหน้าระดับราคาก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ไปแล้ว
สาเหตุหลักๆก็คือ โควิด-19 ที่ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) ลดกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อย ทำให้ปริมาณน้ำมันในสต็อกล้นตลาด ส่งผลดีต่อธุรกิจเรือเก็บน้ำมันของ PRM เข้าอย่างจัง
โดยราคาหุ้น PRM ปิดตลาดเช้านี้ไปที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท หรือ 2.63% ปริมาณหุ้นที่ซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ 121.23% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 5 วันทำการก่อนหน้า
*** ไตรมาสแรกกำไรพุ่ง! น้ำมันดิบล้นปัจจัยบวกที่ไม่ต้องรอ
หุ้นที่อิงกับราคาน้ำมันดิบส่วนใหญ่มักจะไม่ได้รับผลบวกทันทีจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงหรือเพิ่มขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะมีวัตถุดิบที่ต้นทุนเดิมในสต็อกอยู่ แต่กับ PRM ต่างออกไป เพราะเป็นเพียงผู้ให้บริการจัดเก็บน้ำมันดิบจึงมีผลบวกกับรายได้ทันที
ซึ่งจากการสำรวจมุมมองของนักวิเคราะห์พบว่ากำไรปกติไตรมาส 1/63 จะออกมาดีมากราว 286 - 320 ล้านบาท สาเหตุหลักก็คือ 1.เรือเก็บน้ำมันดิบมีอัตราการใช้เรือ 8 ลำเต็มตลอดทั้งไตรมาส นอกจากนี้จำนวน 3 ลำ เพิ่งปรับขึ้นค่าเช่าอีก 20% ในเดือนมี.ค.63 แม้ธุรกิจขนส่งน้ำมันเครื่องบินจะได้รับผลกระทบจากธุรกิจการบินที่ซบเซาก็ตาม
นักวิเคราะห์ประเมินกำไรปกติไตรมาส 1/63 ไว้ดังนี้
แต่ข้อควรระวังก็คือ PRM อาจมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน(FX Loss)เข้ามาในไตรมาสนี้ราว 80 - 116 ล้านบาท จากเงินกู้ราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
*** เรือใช้เต็มหมดแล้ว... ยังมีการเติบโตเหลืออยู่อีกหรือเปล่า?
ปัจจุบัน PRM ใช้เรือเก็บน้ำมันดิบเต็มกำลัง 100% หมดแล้วทั้ง 8 ลำ ดังนั้นการเติบโตก็อาจทำได้อีกไม่มากนัก แม้อุตสาหกรรมจะเป็นขาขึ้นอยู่ก็ตาม แต่ดูเหมือนบริษัทยังมีช่องทางในการขยายธุรกิจอยู่เหมือนกัน
1.ปรับราคาค่าเช่าอีก 5 ลำที่เหลืออีก 20% : บล.ฟิลลิป ระบุว่า PRM ได้ปรับขึ้นราคาค่าเช่าเรือเก็บน้ำมันไปแล้ว 3 ลำ ราว 20% จากทั้งหมด 8 ลำ และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาใหม่อีก 1 - 2 ลำเร็วๆนี้ ส่วนที่เหลือจะหมดสัญญาภายในช่วงครึ่งปีหลัง และจะต่อสัญญาด้วยค่าเช่าใหม่ทันที
2.ซื้อเรือเพิ่ม : บริษัทยังคงแผนการขยายกองเรือ โดยเรือขนส่งน้ำมันในประเทศ ซึ่งเป็นธุรกิจขาลง จะขายออก 5 ลำ และซื้อทดแทน 4 ลำ ทำให้สิ้นปีจำนวนเรือจะลดไป 1 ลำ และหันไปขยายธุรกิจที่ค่าบริการเป็นขาขึ้นในธุรกิจขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ โดยมีแผนซื้อ 3 ลำ และ เรือเก็บน้ำมัน อีก 1 ลำ ซึ่งหากได้ตามแผนสิ้นปีจะมีเรือ 46 ลำ จาก 43 ลำ
3.ธุรกิจเรืออื่นเตรียมปรับค่าเช่าขึ้นเช่นกัน : ธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศมีเรือ 1 ลำ มีสัญญา Time Charter ถึงต้นไตรมาส 4/63 หลังหมดสัญญาคาดว่าจะได้ปรับขึ้นค่าบริการ เพราะดีมานด์ด้านขนส่งยังสูง ส่วนธุรกิจเรือขนส่งสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) ได้แก่ เรือพักอาศัย (AWB) เริ่มงานสัญญาใหม่กลาง ก.พ. 63 ได้ค่าเช่าเพิ่มแต่วันทำงานลดลง
*** ราคาหุ้นขึ้นมา 1 เด้งแล้ว ตอนนี้ยังซื้อได้หรือเปล่า?
จากการสำรวจราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์พบว่าให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ยไว้ถึง 8.14 บาท ถือว่ายังมีอัพไซด์จากราคาสูงสุดเช้านี้อยู่ถึง 2.04 บาท หรือ 33.44% ดังนี้
ส่วนในด้าน P/E และ P/BV จากการสำรวจข้อมูลฟังก์ชั่น P/E & P/BV Zone Analysis ในโปรแกรม efin Stock Pick Up พบว่า PRM ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซื้อขายอยู่ที่ P/E 19-31 เท่า ขณะที่ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ P/E 14.29 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ซื้อขายในอดีตอยู่มากขณะที่ P/BV ย้อนหลังซื้อขายอยู่ที่ 2 - 3 เท่า ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 2.11 เท่า
จากแนวโน้มผลประกอบการและราคาหุ้นในตอนนี้ เรียกได้ว่า PRM เป็นหุ้นที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมาก แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดีก็คือ "ตอนนี้อาจเป็นจุดสูงสุดของธุรกิจแล้ว" และ PRM ก็เลือกลงทุนเฉพาะในธุรกิจที่เป็นขาขึ้น และเลือกที่จะขายเรือของธุรกิจที่เป็นขาลงออกไปอีกด้วย ดังนั้นเมื่อวัฏจักรธุรกิจกลับมาเป็นขาลงจุดยืดของ PRM จะอยู่ที่ไหนกันแน่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องเก็บไปคิดให้ดี..
.
**อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่==>> http://www.efinancethai.com/HotStocks/HotStockMain.aspx?release=y&id=TmljV0FoSnQ2Q1E9
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่
Website : https://www.efinancethai.com
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/
lTwitter : @eFinanceThai
IG : @efinancethai_official
line : @efin