สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิว Router ใส่ซิม ที่รองรับ 5G นั่นก็คือเจ้า Huawei 5G PCE Pro
จริงๆ ผมใช้มาสักพัก (ใช้มาประมาณ 15 วัน เต็ม) จึงจะมาสรุปภาพรวมให้ครับ
Remark : การ Test Speeds 5G ผมมีแต่ของทรูนะครับ
ตัวเครื่องซื้อจาก AIS Store แต่เนื่องจากผมไม่มีเบอร์รายเดือน จึงไม่สามารถซื้อพร้อมแพ็กเก็จ 5G ได้
จึงลองซื้อซิมเติมเงินมา เพื่อจะทดสอบ 5G แจ้งผ่าน Pantipให้ช่วยเปิดสัญญาณให้ ทดสอบ ปรากฏว่าทาง AIS ไม่เปิดให้ใช้ครับ ใช้ได้เฉพาะมือถือเท่านั้น หรือต้องใช้แพ็กเก็จที่มากับ Huawei 5G PCE Pro ราคา 599 บาทสัญญา 12 เดือนเท่านั้น (แอบห่วงคลื่น)
ส่วนซิม True แบบเติมเงิน ผมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เปิดใช้งานให้ เนื่องจากตัว Router ไม่สามารถกด USSD ได้ ปรากฏว่า จนท.Call Center เปิดให้ภายใน 5 นาทีครับ บริการค่อนข้างดีมาก แม้จะไม่ได้ซื้อ อุปกรณ์จากทรู ตรงนี้ปราบปลื้มทรูมาก +10 คะแนนครับ ตอนแรก กลัวจะเทสของทรูไม่ได้ซะแล้ว
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เจ้า อุปกรณ์กระจายสัญญาณที่รองรับ 5G นั้นมีออกมาหลายแบรนด์หลายรุ่น และของ Huawei เองก็มีออกมาตอนนี้ 5 รุ่น
นั่นก็คือ
1.Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-372) ซึ่งก็คือตัวที่เราจะมารีวิวในวันนี้ครับ
2.Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-370) ตัวที่ทำออกมาเฉพาะ สำหรับ 5G Broadband ยังไม่มีขายในไทย
3.Huawei 5G CPE Pro 2 (Model : H122-373) ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ที่เตรียมวางจำหน่าย ราคาสูงกว่า ตัวแรกเกือบเท่าตัว
4.Huawei 5G Mobile WiFi (Model : E6878-870) ตัวนี้เป็น Pocket Wifi แบบพกพาที่รองรับ 5G
5.Huawei 5G CPE Win (Model : H312-371) ตัวที่ทำออกมาเฉพาะ สำหรับ 5G Broadband แบบติดนอกบ้านและเดินสายเข้าในบ้านครับ
วันนี้เราจะมีวิวตัวแรก นั่นก็คือ Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-372)
specification ที่ระบุในเว็บ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขนาดตัวเครื่อง : 99x107x215มม. (กว้างxยาวxสูง)
ชิพเซ็ตที่ใช้: Balong 5000 (เคลมว่าเป็นชิพเซ็ตรุ่นแรก ที่รองรับ5Gที่ใช้ในโมเด็ม
ระบบเครือข่ายที่รองรับ: 5G / LTE(4G)
Network Mode: NSA / SA
ความเร็วสูงสุดที่รองรับ สำหรับ 5G : 2.33 Gbps / 1.25 Gbps
ความเร็วสูงสุดที่รองรับ สำหรับ LTE : 1.6 Gbps / 150 Mbps
คลื่นความถี่ ที่รองรับ : 5G (n41 / n77 / n78 / n79), LTE (B1 / 3 / 5 / 7 / 8 / 18 / 19 / 20 / 28 / 32 / 34 / 38 / 39 / 40 / 41 / 42 / 43)
(โดยตอนนี้ในบ้านเรากำลังทดลองใช้ n41 หรือ 2600 MHz TDD นั่นเอง)
การปล่อยสัญญาณ Wifi
รูปแบบสัญญาณที่รองรับ: 802.11ac/a/n 2 x 2 & 802.11b/g/n 2 x 2, MIMO
ความเร็วสูงสุด : H112-372: DBDC, 1167 Mbps
คลื่นความถี่ ที่รองรับ : 2.4 GHz & 5 GHz แบบ dual-band
รูปแบบเสาสัญญาณ : Dual-band Wi-Fi แบบ 4 เสาภายในตัวเครื่อง
อาร์ดแวร์
CPU: Balong 5000 multi-mode chip, GigaHome dual-band Wi-Fi chip
พอตในตัวเครื่อง: 1ช่องสำหรับ Lan/Wan / 1 ช่องสำหรับ Lan / 1 ช่องสำหรับ ใส่ nano SIM
ปุ่มที่ตัวเครื่อง : ปุ่ม Reset / ปุ่ม Power / ปุ่ม Hรองรับ HiLink และการเชื่อมต่อผ่าน WPS
ช่องสำหรับต่อเสาอากาศภายนอก : 2 ช่องสำหรับต่อเสาสัญญาณ 5G
ต่อไปมาดูในส่วนของตัวเครื่องกันบ้างครับ
แกะกล่อง อุปกรณ์และตัวเครื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้านบนคือรูปตัวกล่องนะครับ ก่อนที่เราจะเปิดดูข้างใน
กล่องทำออกมาได้ค่อนข้างหนา หนาพอๆ กล่องโทรศัพท์เลย แต่ว่า ใหญ่และหนากว่า พอเปิดออกมาจะมีตัวเครื่องใส่ถุงพลาสติดบางๆ ไว้ และฝั่งซ้ายจะเป็นพวกอุปกรณ์ต่างๆ และคู่มือครับ
ช่องด้านซ้ายพอหยิบออกมาดู จะมีกล่องกระดาษย่อยประมาณ 3 กล่อง เรามาเปิดดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง เรียงเป็นจิ๊กซอว์เลย
2 กล่อง เล็กๆ ที่อยู่ใต้ กล่องยาว กล่องนึงใส่สายชาร์จ (จริงๆเค้าพันมาดี ไม่ได้ถ่ายก่อนแกะออกมา เลยยุ่งอย่างที่เห็นครับ =w=
ส่วนอีกกล่องจะเป็นสาย Lan แบบ แบน ค่อยข้างสวยทีเดียว แต่คงยังไม่ได้ใช้จึงเก็บไว้ก่อน
ทีนี้เรามาเปิด กล่องยาวกันบ้าง มันมีแค่คู่มือครับ แต่ทำกล่องให้ยาวน่าจะเพราะจะได้ใส่กล่องพอดี ซึ่งเจ้าเราเตอร์ตัวนี้ไม่ได้มีที่จิ้มซิมแถมมาด้วยเนื่องจาก ช่องใส่ซิมปิดด้วย จุกยางนะครับ
เอาตัวเครื่อง ออกมาให้ดูกันครับ สูงใหญ่ พอๆ กับต้นขาผมเลย
อันนี้เป็นด้านหลังตัวอุปกรณ์ครับ ทำออกมาได้เรียบหรูดูดีเลยทีเดียวครับ
ด้านหลังจะมี Port สำหรับเสียบเสาอาการภายนอก สำหรับใครที่ต้องการสัญญาณที่แรงขึ้นนะครับ ตรงนี้จะมีจุกยางปิดไว้ แต่ผมเปิดให้ดู
ถัดลงมาจะเป็นปุ่มปิดเปิดครับ ตรงนี้ตอนปิด หรือเปิด อาจจะต้องกดค้างประมาณ 3 วินาทีครับ
และถัดลงมาจะเป็น Port Lan แบบ 1000 Mbps ต่อด้วย Port Wan/Lan แบบ 1000 Mbps อีกช่องครับ โดยช่องนี้จะเอาเน็ตบ้านมาต่อก็ได้
และปิดท้ายด้วย Port DC สำหรับชาร์จไฟ ครับ โดยเจ้ารุ่นนี้ ใช้ไฟ DC 12V 2A
ด้านใต้ตัวเครื่องจะมีช่องใส่ซิม มีที่ปิดแบบซิลิโคลนหรือยาง ผมไม่แน่ใจวัสดุ และมีปุ่ม Reset ครับ โดยถัดมาจะเป็นรูปคำเตือนว่ารองรับเฉพาะ nano SIM เท่านั้น
เมื่อเสียบไฟและเปิดเครื่อง จะมีไฟฟ้าขึ้นที่ใต้เครื่องครับ เอาไว้ในห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนก็ดูเข้ากันไปหมด แบบ Smart Home และไฟสีเขียว ที่สัญลักษณ์ WiFi 4G 5G ตามแต่อุปกรณ์จะรับสัญญาณได้ครับ
ขออนุญาต รีวิวต่อหลังจากถึงบ้านนะครับ (เดี๊ยวติด Curfew)
ตอนต่อไปจะเป็น รีวิวการใช้งานครับ ในแง่ของ 4G 5G ประสิทธิภาพ Ping Time และความเร็วสัญญาณ ยังไงรบกวนติดตามด้วยครับ
[CR] Review : Huawei 5G PCE Pro
จริงๆ ผมใช้มาสักพัก (ใช้มาประมาณ 15 วัน เต็ม) จึงจะมาสรุปภาพรวมให้ครับ
Remark : การ Test Speeds 5G ผมมีแต่ของทรูนะครับ
ตัวเครื่องซื้อจาก AIS Store แต่เนื่องจากผมไม่มีเบอร์รายเดือน จึงไม่สามารถซื้อพร้อมแพ็กเก็จ 5G ได้
จึงลองซื้อซิมเติมเงินมา เพื่อจะทดสอบ 5G แจ้งผ่าน Pantipให้ช่วยเปิดสัญญาณให้ ทดสอบ ปรากฏว่าทาง AIS ไม่เปิดให้ใช้ครับ ใช้ได้เฉพาะมือถือเท่านั้น หรือต้องใช้แพ็กเก็จที่มากับ Huawei 5G PCE Pro ราคา 599 บาทสัญญา 12 เดือนเท่านั้น (แอบห่วงคลื่น)
ส่วนซิม True แบบเติมเงิน ผมโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เปิดใช้งานให้ เนื่องจากตัว Router ไม่สามารถกด USSD ได้ ปรากฏว่า จนท.Call Center เปิดให้ภายใน 5 นาทีครับ บริการค่อนข้างดีมาก แม้จะไม่ได้ซื้อ อุปกรณ์จากทรู ตรงนี้ปราบปลื้มทรูมาก +10 คะแนนครับ ตอนแรก กลัวจะเทสของทรูไม่ได้ซะแล้ว
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เจ้า อุปกรณ์กระจายสัญญาณที่รองรับ 5G นั้นมีออกมาหลายแบรนด์หลายรุ่น และของ Huawei เองก็มีออกมาตอนนี้ 5 รุ่น
นั่นก็คือ
1.Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-372) ซึ่งก็คือตัวที่เราจะมารีวิวในวันนี้ครับ
2.Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-370) ตัวที่ทำออกมาเฉพาะ สำหรับ 5G Broadband ยังไม่มีขายในไทย
3.Huawei 5G CPE Pro 2 (Model : H122-373) ตัวนี้เป็นรุ่นใหม่ที่เตรียมวางจำหน่าย ราคาสูงกว่า ตัวแรกเกือบเท่าตัว
4.Huawei 5G Mobile WiFi (Model : E6878-870) ตัวนี้เป็น Pocket Wifi แบบพกพาที่รองรับ 5G
5.Huawei 5G CPE Win (Model : H312-371) ตัวที่ทำออกมาเฉพาะ สำหรับ 5G Broadband แบบติดนอกบ้านและเดินสายเข้าในบ้านครับ
วันนี้เราจะมีวิวตัวแรก นั่นก็คือ Huawei 5G CPE Pro (Model : H112-372)
specification ที่ระบุในเว็บ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต่อไปมาดูในส่วนของตัวเครื่องกันบ้างครับ
แกะกล่อง อุปกรณ์และตัวเครื่อง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขออนุญาต รีวิวต่อหลังจากถึงบ้านนะครับ (เดี๊ยวติด Curfew)
ตอนต่อไปจะเป็น รีวิวการใช้งานครับ ในแง่ของ 4G 5G ประสิทธิภาพ Ping Time และความเร็วสัญญาณ ยังไงรบกวนติดตามด้วยครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้