คนเราถึงจะโตกันไปขนาดไหนเราก็ยังเป็นเด็กอยู่คำๆนี้ใช้ได้จริงนะครับ เพราะทุกคนผ่านความเป็นเด็กกันมาหมด เราอาจจะมีตัวละครที่ชอบและทำตาม อยากเท่ห์อยากมีพลังอย่างที่ตัวการ์ตูนเรามี ฉะนั้น การที่เด็กช่วงนึงที่จะมีอาการ "จูนิเบียว" แบบนี้มันคือเรื่องไปแปลก
เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ผมไม่เคยจะสนใจดูเลยซักครั้ง แต่ผลจากรอบตัวรอบข้างของผมได้พาเด็กที่มีอาการคล้ายๆกันเข้ามาให้ได้พอเจอ เลยเข้าอินเตอร์เน็ตเข้ามาเจอตัวละครหัวม่วงปิดตาข้างเดียวผมเลยลองดูหน่อย (จริงๆเคยเห็นผ่านตาตัวละครตัวนี้บ่อยมากแต่ไม่เคยสนใจ)
เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เติมโตขึ้นเข้ามัธยมที่เคยมีความเป็นจูนิเบียวมาก่อนพยายามจะเลิกพฤกติกรรมจูนิเบียวของตัวเองเพราะอาย เนื่องจากตัวเองโตแล้วไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กเลยพยายามทิ้งข้าวของที่เป็นเกี่ยวกับตัวละครที่ตัวเองชอบแม้ว่ามันจะสำคัญแค่ไหนก็ตาม แต่กับไปเจอนางเอกซึ่งยังเป็นจูนิเบียวแบบเข้าขั้นหนัก พูดทุกอย่างเป็นเกมแฟนตาซีไปหมดแม้กระทั้งมุมมองของตัวเอง แบบขนาดทะเลาะกับพี่สาวยังมองว่าเป็นเกมอะ อันนี้ชอบมาก
ด้วยความที่ว่านางเอกห้องมันอยุ่เหนือห้องของพระเอกไปชั้นนึง นางเอกมันเลยมันเลยตามติดพระเอกหนักมากเพราะพระเอกมันเคยเป็น ดาร์กเฟรมมาสเตอร์ตัวละครที่อยู่ในอุดมคติของตัวเอง ทำให้พระเอกกับนางเอกมันอยู่ด้วยกันมากขึ้น
พอหนังมันดำเนินเรื่องไปซักพักเราจะรู้ว่าเจตนาจริงๆของอะนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้สื่อออกมาถึงความน่ารักหรือความเอาแต่ใจของพวกจูนิเบียว เพราะลึกๆในความเป็นจูนิเบียว มันมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากๆ
การ์ตูนเรื่องเนี้นตอนแรกๆจะมีความรู้สึกว่าไร้สาระเอามากๆ พระเอกได้แต่บ่นพึมพำไปมาแลดูไม่คืบหน้าอะไรซักอย่างยอมรับว่าครึ่งเรื่องแรกน่าเบื่อสุดๆ (ผู้สร้างพยายามจะขยี้ความเป็นจูนิเบียวออกมาให้เราได้เห็นถึงนิสัยใจคอของตัวละครให้เราได้จำภาพนั้นไว้)
แต่หลังๆเรื่องนี้มันไม่ใช่ มันเริ่มเล่นกับอารมณ์ของคนดู เมื่อเรารู้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆของความเป็นจูนิเบียว จนเรามีความรู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรแบบมีความสุขในทางของตัวเอง มันเป็นความสุขจริงๆที่เราใฝ่หา ถึงแม้ว่าเราโตขึ้นเราก็ยัง"อยาก" จะมีความสุขเหมือนเด็กอีกครั้ง หนังมันปูให้เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
สำหรับผมเข้าใจผู้สร้างกับสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อกับคนดูว่าต่อให้เราโตมากขนาดไหน ความรู้สึกที่มีความสุขในวัยเด็กนั้นเป็นความสุขที่จริงที่สุดและเราก็ยังอยากเป็นอย่างงั้นอยู่จนถึงทุกวันนี้
เนื้อเรื่อง 7
ความตลก 6
ความโรแมนติก 8
ต่อสู้ 7
ความสนุก 6
ความเครียด 7
ความเศร้า 8
โดยรวม 7 / 10 👌☺️
รีวิว อะนิเมะ จูนิเบียว รักสุดเพี้ยนกับนายเกรียนหลุดโลก แบบไม่สปอย
คนเราถึงจะโตกันไปขนาดไหนเราก็ยังเป็นเด็กอยู่คำๆนี้ใช้ได้จริงนะครับ เพราะทุกคนผ่านความเป็นเด็กกันมาหมด เราอาจจะมีตัวละครที่ชอบและทำตาม อยากเท่ห์อยากมีพลังอย่างที่ตัวการ์ตูนเรามี ฉะนั้น การที่เด็กช่วงนึงที่จะมีอาการ "จูนิเบียว" แบบนี้มันคือเรื่องไปแปลก
เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่ผมไม่เคยจะสนใจดูเลยซักครั้ง แต่ผลจากรอบตัวรอบข้างของผมได้พาเด็กที่มีอาการคล้ายๆกันเข้ามาให้ได้พอเจอ เลยเข้าอินเตอร์เน็ตเข้ามาเจอตัวละครหัวม่วงปิดตาข้างเดียวผมเลยลองดูหน่อย (จริงๆเคยเห็นผ่านตาตัวละครตัวนี้บ่อยมากแต่ไม่เคยสนใจ)
เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่เติมโตขึ้นเข้ามัธยมที่เคยมีความเป็นจูนิเบียวมาก่อนพยายามจะเลิกพฤกติกรรมจูนิเบียวของตัวเองเพราะอาย เนื่องจากตัวเองโตแล้วไม่อยากทำตัวเหมือนเด็กเลยพยายามทิ้งข้าวของที่เป็นเกี่ยวกับตัวละครที่ตัวเองชอบแม้ว่ามันจะสำคัญแค่ไหนก็ตาม แต่กับไปเจอนางเอกซึ่งยังเป็นจูนิเบียวแบบเข้าขั้นหนัก พูดทุกอย่างเป็นเกมแฟนตาซีไปหมดแม้กระทั้งมุมมองของตัวเอง แบบขนาดทะเลาะกับพี่สาวยังมองว่าเป็นเกมอะ อันนี้ชอบมาก
ด้วยความที่ว่านางเอกห้องมันอยุ่เหนือห้องของพระเอกไปชั้นนึง นางเอกมันเลยมันเลยตามติดพระเอกหนักมากเพราะพระเอกมันเคยเป็น ดาร์กเฟรมมาสเตอร์ตัวละครที่อยู่ในอุดมคติของตัวเอง ทำให้พระเอกกับนางเอกมันอยู่ด้วยกันมากขึ้น
พอหนังมันดำเนินเรื่องไปซักพักเราจะรู้ว่าเจตนาจริงๆของอะนิเมะเรื่องนี้ไม่ได้สื่อออกมาถึงความน่ารักหรือความเอาแต่ใจของพวกจูนิเบียว เพราะลึกๆในความเป็นจูนิเบียว มันมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเศร้ามากๆ
การ์ตูนเรื่องเนี้นตอนแรกๆจะมีความรู้สึกว่าไร้สาระเอามากๆ พระเอกได้แต่บ่นพึมพำไปมาแลดูไม่คืบหน้าอะไรซักอย่างยอมรับว่าครึ่งเรื่องแรกน่าเบื่อสุดๆ (ผู้สร้างพยายามจะขยี้ความเป็นจูนิเบียวออกมาให้เราได้เห็นถึงนิสัยใจคอของตัวละครให้เราได้จำภาพนั้นไว้)
แต่หลังๆเรื่องนี้มันไม่ใช่ มันเริ่มเล่นกับอารมณ์ของคนดู เมื่อเรารู้เหตุผลมากขึ้นเรื่อยๆของความเป็นจูนิเบียว จนเรามีความรู้สึกว่าการที่เราได้ทำอะไรแบบมีความสุขในทางของตัวเอง มันเป็นความสุขจริงๆที่เราใฝ่หา ถึงแม้ว่าเราโตขึ้นเราก็ยัง"อยาก" จะมีความสุขเหมือนเด็กอีกครั้ง หนังมันปูให้เรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
สำหรับผมเข้าใจผู้สร้างกับสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อกับคนดูว่าต่อให้เราโตมากขนาดไหน ความรู้สึกที่มีความสุขในวัยเด็กนั้นเป็นความสุขที่จริงที่สุดและเราก็ยังอยากเป็นอย่างงั้นอยู่จนถึงทุกวันนี้
เนื้อเรื่อง 7
ความตลก 6
ความโรแมนติก 8
ต่อสู้ 7
ความสนุก 6
ความเครียด 7
ความเศร้า 8
โดยรวม 7 / 10 👌☺️