สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคนที่หลงเข้ามาในกระทู้นี้ 555
เราชื่อ หญิง ค่ะ อายุ 28 แล้ว เรื่องราวนี้เราได้เคยลงแล้วในเว็บไซด์ mabrisbane.com
ยังงัยก็ติดตามข่าวสารและเรื่องราวที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในบริสเบนได้จากเว็บไซด์นี้นะ ครั้งนี้เราจะบอกเล่าถึงการใช้ชีวิตที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เมืองไม่เล็กไม่ใหญ่ รองลงมาจาก Sydney และ Melbourne ผ่านมุมมองของผู้หญิงอายุ 25-26 (ในตอนนั้น) มาดูกันว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง
“ทำไมหญิงถึงไปเรียนออสเตรเลียอ่ะ?” “กลับมาเมื่อไหร่?” “แพงมั้ยแก?” และคำถามอีกมากมาย ที่พบเจอในช่วงที่เราได้พบปะเพื่อนฝูง (ที่นานทีจะเจอ ตามวาระโอกาสเช่นนี้) ก่อนออกเดินทางในอีกไม่กี่อาทิตย์ รวมถึงสะสางงานที่คั่งค้าง, เคลียร์ธุระส่วนตัว จนกระทั่งถึงวันเดินทาง พ่อ แม่ และเพื่อน ๆ ได้มาส่งเราที่สนามบิน เราสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้าวสองเท้าของเราเข้า ตม.ไปผจญภัยกับทริปที่ยาวนานที่สุด ... ประเทศออสเตรเลีย
เพราะการเตรียมตัวและการเดินทาง คือสิ่งเดียวกัน
“ทำไมถึงเริ่มมาเรียนภาษาเอาตอนอายุเท่านี้ล่ะ?”...เหตุผลหลัก แน่นอนคือเรื่องการพัฒนาภาษา สังเกตมั้ยว่าในชีวิตเราจำเป็นต้องคลุกคลีกับภาษาอังกฤษ เดินไปไหนมาไหนก็พบเห็นป้ายภาษาที่สองอยู่ตามท้องถนน หรือจะต้องวิ่งเข้าสถาบันกวดวิชาเพื่อสอบเข้า จนมาถึงคราวที่ต้องเข้าสู่ชีวิตการทำงานจริง ชีวิตที่ต้องเจอผู้คน และสถานการณ์ต่าง ๆ เข้ามามากมาย จนเราพบจุดอ่อนที่ชัดเจน นั่นคือเรื่องการสื่อสารภาษาที่สองและความมั่นใจในตัวเอง
เหตุผลต่อมา คือการเติบโต...หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่การได้พูดคุยกับเพื่อน ๆ หลายคนที่เคยมีประสบการณ์ในต่างแดนในช่วงเวลาหนึ่ง เราสังเกตว่าทัศนคติและมุมมองการใช้ชีวิตของเค้าน่าสนใจ เค้าได้มาจากไหนกัน? “แกต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แกจะโตขึ้นอย่างรวดเร็วและคาดไม่ถึง โดยเฉพาะในบ้านเมืองที่แกไม่คุ้นเคย” นี่คือคำตอบของเพื่อนเหล่านั้น ประกอบกับการเงินของตัวเองพร้อม ชีวิตเริ่มคงที่ การงานมาถึงจุดที่พร้อมเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ จึงสละที่นั่ง Comfort Zone ของตัวเอง ไปผจญภัยพื้นที่ใหม่...ด้วยตัวเราเพียงลำพัง
“แล้วทำไมต้องบริสเบน?” เหตุผลสั้น ๆ “เมืองนี้คนไทยน้อยกว่าเมืองอื่น ๆ ” จุดประสงค์เราไปเพื่อพัฒนาภาษาและหาเพื่อนใหม่ ๆ หลากหลายชาติ แต่ก็ไม่ใช่เมืองที่เล็กจนเกินไป พอเอาตัวรอดได้หากเกิดปัญหา อีกทั้ง แน่นอน สภาพอากาศที่เป็นมิตรและคล้ายคลึงกับบ้านเรา ดีเลย ไม่ต้องซื้อเสื้อผ้า ประหยัดยิ่งขึ้นไปอีก ยิ่งชอบใหญ่
เมืองแรกที่เราลงบนผืนดินออสเตรเลีย กลับไม่ใช่บริสเบน แต่ที่นั่นคือ เมลเบิร์น เมืองแห่งศิลปะ สถาปัตยกรรม ผู้คนและกาแฟ เราใช้ชีวิตกับเพื่อนสมัยมัธยมที่เรียนจบและทำงานอยู่ที่โน้นมากว่า 7 ปี เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม เพียงพอสำหรับการปรับตัวในบ้านเมืองให่ เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ได้เห็นของแปลกหูแปลกตาในตลาด ได้ลิ้มรสชาติอาหารอีกสัญชาติที่ไม่เคยได้ทานบ่อย หรือพัฒนาสกิลในการประหยัดและเอาตัวรอด (ถ้ามีโอกาส เราจะมาเล่าเรื่องราวการท่องเที่ยวเมืองนี้ให้ฟังกันนะ) เมื่อสิ้นสุดเวลาพักผ่อน และแล้วก็ถึงเวลาของจริง เวลาที่เราต้องเดินออกทางไปสู่บทเรียนชีวิตใหม่ ในเมืองใหม่...ที่บริสเบน
เมื่อประตูสนามบินเปิดออก แสงแดดในฤดูร้อนเดือนพฤศจิกายนก็สาดส่องเข้ามาทำให้เราต้องถอดเสื้อแจ๊กเก็ตที่ใส่มาจากอีกชั้นทันที เราเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟ ไปยังที่พักที่เราค้นหาด้วยตัวเองจาก Gumtree.com.au แหล่งที่เปรียบเสมือน Google ในประเทศ Down Under แห่งนี้ เราเข้าไปพักเจ้าของบ้านชาวออสซี่ขี้เมา (แต่ใจดี) ใจกลางเมืองย่าน Sping hill ในห้องครัวที่แบ่งพื้นที่ออกมาขนาดเล็ก ๆ ไม่ถึง 10 ตร.ม. คึกคักในเวลากลางวัน แต่เป็นส่วนตัวในยามค่ำคืน (แม้ว่าจะต้องทนกับกลิ่นการทำอาหารของเพื่อนร่วมบ้านอีก 5 คนก็ตาม แต่เพื่อความประหยัด ฉันทำด้ายยย) และต่อไปนี้ คือชีวิตจริง คือชีวิตที่ต้องเอาตัวรอดเอง ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามตังค์หมด!
ชีวิตไม่ได้มีแค่เส้นตรงเส้นเดียว แต่มีหลายเส้นต่างหาก
เราสมัครเรียนคอร์สภาษาอังกฤษในโรงเรียนแห่งหนึ่งบนถนน Ann St. ในคลาสเรียนประกอบไปด้วยเพื่อนร่วมสัญชาติหลากหลาย โดยเฉพาะเพื่อนชาวญี่ปุ่น และบราซิลจะมีเยอะหน่อย ส่วนเพื่อน ๆ คนไทยเพียงแค่ 4-5 คนเท่านั้น เหมาะมากสำหรับคนที่อยากฝึกภาษาจริง ๆ บรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ทุกคนมาที่นี่เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ เราต่างทำความรู้จักกัน นัด Hang out หรือ Barbie (BBQ) ด้วยกัน โดยเฉพาะเย็นวันศุกร์ หรือตอนบ่ายวันเสาร์ เราต่างพูดคุยเรื่องราวตัวเองในบ้านเกิด บางคนเป็นหมอฟัน ผู้พิพากษา หรือเป็นนักศึกษามหาลัย ฯ ที่ออกมาค้นหาตัวเอง รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนมุมมองต่าง ๆ ในแต่ละเรื่อง ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์ยิ่งขึ้น มากกว่าการไปเรียนภาษาเพียง คือการที่เราได้เรียนรู้ตัวตนอีกคนหนึ่ง ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าหนังสือเล่มไหนจะบรรยายได้ จนทำให้ทุกวันนี้มีเพื่อนต่างชาติที่เรายังได้ทักทายกันบ้างบนโลกออนไลน์ หรือได้ปรึกษาปัญหาชีวิตซึ่งกันและกัน
และแน่นอน อยู่นานแบบนี้ จะถลุงตังค์เก็บตัวเองทั้งหมดคงจะกระไร ต้องหาอะไรทำก่อนที่จะหมดตัวซะก่อน เราเริ่มต้นหางานตามสเต็ปเหมือนคนไทยทุกอย่าง เริ่มต้นจากเขียน Resume และยื่นทุกร้านอาหารที่เดินผ่านตอนเลิกเรียน หรือเข้าเว็บไซด์ ตามหาร้านที่ประกาศรับสมัครพนักงาน หรืออย่างในเว็บไซด์ MaBrisbane แห่งนี้ ที่พี่ ๆ ได้เปิดโอกาสให้เรานำเสนอตัวตนผ่านสิ่งที่เราถนัด นั่นคือการท่องเที่ยวและการเล่าเรื่อง
ระหว่างทางการใช้ชีวิต ตื่นไปเรียน-ทำงาน-เข้านอน เป็น Routine แบบนี้ก็คงน่าเบื่อ เราเอาตัวเองออกมาไกลบ้านขนาดนี้ มันต้องหาอะไรใหม่ ๆ ทำ แต่เอ๊ะ..มีแค่ตัวเราคนเดียว จะหาได้ยังงัยล่ะ.. ทางโรงเรียนจึงแนะนำให้เราเข้าร่วม English Conversation Group ที่ Brisbane Square Library คลาสที่เปิดโอกาสให้นักเรียน หรือบุคคลทั่วไปเข้ามาจับกลุ่มพูดคุย ตั้งคำถามในประเด็นต่าง ๆ ที่จะยกขึ้นมาในแต่ละอาทิตย์ หรือถ้าใครชอบออกไปเที่ยวนอกเมือง (เหมือนเรา) แต่ไม่มีรถยนต์ แนะนำให้ไปหา Event ที่ประกาศหาเพื่อนร่วมทริปได้ใน meetup.com แหล่งรวมกิจกรรมและ Community ต่าง ๆ ที่ให้เราเข้าไปเข้าร่วมได้อย่างอิสระ ซึ่งทั้งสองแหล่งนี้เป็นส่วนสำคัญหลัก ๆ ที่ช่วยให้เราพัฒนาภาษาได้มากยิ่งกว่าอยู่ในห้องเรียนซะอีก เพราะเราจะเจอเพื่อนใหม่ที่เป็นชาวออสซี่เอง หรือเพื่อนที่แตกต่างทางอายุและสัญชาติ (ส่วนใหญ่ที่เจอ จะเป็นคนทำงานที่บริสเบนซะส่วนใหญ่)
...เรื่องราวอื่นๆจะเป็นยังงัย เดี๋ยวมาต่อข้างล่างนะ...
Once in a lifetime…in Brisbane Australia ครั้งหนึ่งกับความทรงจำในบริสเบน