ความสัมพันธ์ประหลาด เพราะคำว่าหนี้บุญคุณแฟนเก่ามันค้ำคอ?
สวัสดีครับ ผมมีปัญหาความสัมพันธ์แปลกๆในชีวิตผมมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป มันอัดอั้นตันใจผมทุกวัน เรื่องมันยาวและมีรายละเอียดยิบย่อยมาก แต่ผมจะขอสรุปเท่าที่ได้ และจำเป็นต้องบิดเบือนปกปิดข้อมูลบางประการ แต่ไม่ทำให้ใจความเสียหายไม่มีการเติมแต่งเพิ่ม เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคนในเรื่อง เข้าเรื่องเลยนะครับ
.
1. ผมกับแฟนของผมคนนี้คบกันมาประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งแฟนของผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง(ผู้ชาย) ที่รู้จักกันสนิทกันมาตั้งแต่สมัย ป.ตรี สมัยที่ผมยังคุยๆกับแฟนอยู่ เธอก็มักพูดถึงเพื่อนคนนี้บ่อยๆ ไปไหนมาไหน ก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าไปกับเพื่อนคนนี้ตลอด คือพวกเขาสนิทกันมาก ไลฟ์สไตล์ ความชอบเหมือนกันทุกอย่าง แล้วแฟนผมเป็นสาวห้าวๆ มีเพื่อนผู้ชายหลายคนด้วย จนผมไม่เคยคิดสงสัย เอะใจอะไรเลย
.
2. แฟนผมย้ายไปเรียนต่างประเทศ พร้อมกับเพื่อนคนนี้ เธอไปพักและทำงานอยู่กับป้าของเธอ ป้าเธอเปิดร้านที่นู่นส่วนเพื่อนคนนี้ก็แยกไปอยู่อีกบ้าน พวกเขามีเจอกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่เธอก็ถ่ายรูปมารายงานผมเสมอ
.
3. ผมกับแฟนคุยโทรศัพท์กันตลอดที่มีเวลา ความหวานยังมีให้กันตลอด วันพิเศษก็ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญให้กัน
.
4. จนกระทั่ง 3 เดือนกว่าๆหลังจากที่แฟนผมไปอยู่ต่างประเทศ ผมก็ได้ทำเรื่องเรียนตามเธอไปอยู่ต่างประเทศด้วยเราเช่าห้องอยู่ในตัวเมืองด้วยกัน ช่วงที่อยู่ด้วยกันแฟนผมก็คุยแชทกับเพื่อนสนิทคนนี้ตลอด แต่สังเกตว่าชอบหลบสายตาผม ตลอด แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย
.
5. แรกๆแฟนผมมาอยู่ด้วยทุกวันเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม หลังจากนั้นเธอก็ต้องเดินทางกลับบ้านป้าที่นอกเมืองแทบทุกอาทิตย์ ไปค้างคืนเดียวบ้างสองคืนบ้าง เธอบอกว่าป้าเหงา ไม่ไปเยี่ยมเลยก็ไม่ได้ จะดูไม่ดี แต่ก็ถ่ายรูปมาให้ดูทุกครั้ง จนเวลาล่วงเลยมาจะเป็นปี
.
6. **วันนึงผมบังเอิญเห็นภาพแฟนผมกับเพื่อนสนิทคนนี้จับมือกันบนเครื่องตอนเดินทางมาประเทศนี้ (อันนี้เธอพลาดให้ผมเห็นเอง) เป็นภาพมือจับประสานกันเหมือนคนเป็นแฟนกัน เธออ้างเหตุผลต่างๆนาๆ อ้างว่าจับมือเพื่อแกล้งยั่วแฟนเก่าอีกคนให้เลิกยุ่ง เพราะตอนนั้นแฟนเก่าอีกคนมาตามจอแจ
.
7. เมื่อเกิดความคลางแคลงใจ ผมจึงเริ่มตามสืบ จนรู้มาว่าเขาทั้งสองเคยเป็นแฟนกันเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ดูรักกันดีแต่เลิกกันไปนานแล้ว
.
8. แต่เรื่องพีคก็คือ ผมตามสืบจนเจอเพจร้านของป้าแฟนผม และพบว่า ป้าที่แฟนผมพร่ำบอก คือแม่ของเพื่อนสนิทคนนี้ นั่นก็หมายความว่า เขาอยู่บ้านเดียวกันมาตลอด 3 คน แม่ เพื่อนสนิท และ แฟนผม??
.
9. ผมตามขุดทุกอย่าง แม้กระทั่งแอบจำรหัสเข้ามือถือแฟนผม ผมรู้ว่ามันไม่ดีที่แอบดูมือถือคนอื่น ซึ่งเธอซีเรียสกับเรื่องนี้มาก แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ ผมอยากได้หลักฐานมากกว่านี้ ผมยังคงหลอกตัวเองว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
.
10. ผมแอบดูไลน์ไม่ได้ ดูได้เพียงแชทเฟส เจอแชทของแฟนผมกับเพื่อนสนิทเธอใน messenger ตั้งชื่อกันน่ารัก มีไอคอนหมี ทั้งแชทไอจี คุยกันแบบกุ้กกิ้ก มีฉายาให้กัน คือดูยังไงก็แฟนคุยกัน เพื่อนสนิทคนนั้น ก็มีหลุดเรียกแฟนผมว่าเมียด้วยบางครั้ง มีการพูดว่า เมียไม่เคยกลับมาหากันเลย
.
11. ผมใจสลายจริงๆ มือไม้สั่น ผมพยายามเค้นให้แฟนผมสารภาพด้วยตัวเอง แต่เธอก็ยังโกหกต่างๆนาๆ จนผมส่งหลักฐานทั้งหมดให้เธอดู
.
12. เธอตกใจมาก ร้องห่มร้องไห้ พูดไม่เป็นภาษา เอาแต่บอกว่า เพื่อนสนิทคนนี้มีบุญคุณกับเธอมาก ตั้งแต่ช่วงสมัยที่เธอเป็นโรคประจำตัวจนเกือบตาย ก็มีแต่เพื่อนคนนี้ที่คอยช่วยเหลือ อยู่เคียงข้างมาตลอด พาเธอหาหมอ ดูแลเยียวยาจิตใจเธอจนเธอหายดี เธอรักเขาแบบน้องชาย ไม่เคยรักแบบคนรักเลย แต่เธอไม่กล้าทำให้เพื่อนคนนี้เสียใจจริงๆ มันเป็นบุญคุณค้ำคอ เป็นราคาที่เธอต้องจ่าย
.
13. ผมถามเธอว่าแล้วบุญคุณมันต้องชดใช้ด้วยการทำตัวเป็นเมียมันหรอ ทำตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องปกติไม่ได้หรอจะต้องเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิต? แล้วผมล่ะ?
.
14. เธอตอบแค่ว่า มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ บุญคุณเขามีมากมาย ชดใช้ไม่หมด ทางเดียวที่ทำให้ได้ คือทำให้เขามีความสุข ไม่เสียใจ เธอบอกว่าเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาแบบนั้นแล้ว เธอสาบานว่า ทุกวันนี้เวลาเจอกันไม่เคยนอนด้วยกัน ไม่เคยได้เสียกัน แค่ติดนิสัยพูดจาเหมือนแฟนกันมาตั้งแต่สมัยก่อน และเพื่อนคนนี้ยังคงรักเธออยู่
.
15. เธอร้องไห้หนักมาก ทุบตีตัวเอง บอกให้พาเธอหนีไปจากที่นี่ เธอไม่อยากมีพันธะกับเขาคนนี้แล้ว กลับไทยไปอาจจะดีขึ้น เธอขอร้องผมแบบจริงจัง
.
16. ด้วยความที่ผมรักเธอ และใจอ่อน จะว่าผมโง่ก็ได้ ผมไม่ได้เชื่อเธอทั้งหมด ผมสับสนมากจริงๆตอนนั้น และยังไม่พร้อมจะเสียเธอไป
.
17. ประจวบเหมาะกับช่วงโควิด ผมพาเธอบินกลับไทยมา พยายามลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น พยายามไม่คิดหาคำตอบบางอย่างที่เธอเล่ามันไม่มีความเมคเซ้นท์เลย แค่คิดแค่ว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน (ในใจลึกๆก็กลัวตลอดว่าเธอหลอกลวงอะไรผมอยู่ เธอจะหนีกลับไปอยู่กับมันอีกรึเปล่าหลังจากนี้)
.
18. ทุกๆวันเรายังคงทะเลาะกันบ่อยๆ ยิ่งช่วงกักตัว 14 วัน เจอหน้ากันตลอดเวลา ผมมักจะอดไม่ได้ ขุดเรื่องนี้มาพูดยิ่งคิดว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นปีๆ ทุกอาทิตย์อ้างว่าจะกลับไปหาป้า แต่คือกลับไปค้างกับมัน ผมแอบคิดเสมอว่าเขานอนด้วยกัน นอนกอดกัน เจ็บแค้นใจทุกครั้งที่เห็นมันเรียกแฟนผมว่าเมียเต็มปาก ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมันทรมานมากจริงๆ มีแต่เรื่องนี้วนเวียนในหัวผมทั้งวัน ทั้งคืน ยันในฝัน ผมอยากทักไปด่ามัน แต่แฟนผมแทบจะกราบเท้าขอร้องผม ว่าเลิกยุ่งกับเขาเถอะ เธอไม่อยากมีปัญหา
.
19. ผมก็ยังคงแอบดูมือถือของแฟนของผม (โดยที่เธอยังไม่รู้) เธอก็ยังคงคุยกับเขาคนนั้น รายงานทุกสิ่งอย่างเหมือนแฟน ถ่ายรูปส่งให้ เรียกด้วยฉายาน่ารักๆกัน แต่คุยกันน้อยลง ผมไม่รู้ว่าคุยกันในไลน์จะขนาดไหน แต่พวกเขาไม่เคยโทรคุยกัน เพราะผมอยู่กับแฟนตลอดเวลาตั้งแต่กลับไทย ทุกวันนี้ผมเหมือนคนบ้า คนโรคจิตต้องคอยระแวง แอบดูมือถือแฟนตลอดเวลา กลัวตลอดว่าเขาจะคุยกัน แต่ผมก็พยายามไม่พูดถึง เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันคงจบ ผมคิดว่ายังไงซะแฟนก็รักผม เลือกผมมากกว่า จากที่ผ่านๆมา
.
20. ครั้งนึงผมทนไม่ไหว ผมไปโวยวายใส่เธอ จนเธอรู้ว่าผมแอบดูมือถือเธอ เธอด่าผมเรื่องแอบดูมือถือ และอ้างว่าที่ยังคุยกับเขาเพราะต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากให้เขาเสียใจ?? มีครั้งหนึ่งเธอเหมือนระเบิดตอนเราทะเลาะกัน เธอกรีดร้อง ทุบตีตัวเอง บอกว่า ยังไงเธอก็ทิ้งเขาไปไม่ได้ ถ้าต้องเลือกผมกับเขา เธอยอมตายดีกว่าเธอเลือกไม่ได้ ยังไงก็ทิ้งเขาไม่ได้
.
***ทุกวันนี้ ผมดูมือถือเธอไม่ได้แล้ว ผมอยากเลิกกับเธอวันละร้อยครั้ง แต่ผมก็ยังรักเธอ ผมรู้ว่าเธอก็รักผม และยังแอบเชื่อว่าเธอกับเขาคนนั้นไม่ได้มีอะไร แล้วมันจะจบไปเอง เธอบอกว่าเธอยอมทิ้งชีวิต ทิ้งการเรียนที่นั่นเพื่อกลับมาอยู่กับผมที่ไทย ผมทำร้ายเธอไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอก็ทำร้ายผมอยู่ทุกวันนี้ผมทุกข์มาก ยิ่งเห็นเธอเอามือถือเข้าห้องน้ำ หรือนั่งพิมแชทกับใครก็ตาม ผมจะระแวง น้ำตาตกในตลอด ไม่รู้ว่าเธอจะรู้บ้างไหม ผมไม่รู้ว่าควรจะเชื่ออะไร ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคนนั้นมันคืออะไรกันแน่หรือผมเป็นไอ้โง่คนนึงที่กำลังโดนหลอกอยู่
.
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ทนอ่านมาจนจบ สุดท้ายก็เผลอพิมไปยาวๆ ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ผมได้ระบาย ผมอึดอัดมากจริงๆ ตรงไหนที่งงๆหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยนะครับ ถ้ามีคำติคำแนะนำ ผมน้อมรับครับ แต่อย่าด่าแรงๆหรือซ้ำเติมผมเลย
ปล. ผมไม่เคยเจอเพื่อนสนิทคนนี้เป็นการส่วนตัว ไม่มีเฟสกัน และไม่เคยคุยกัน
ความสัมพันธ์ประหลาด เพราะคำว่าหนี้บุญคุณแฟนเก่ามันค้ำคอ??
สวัสดีครับ ผมมีปัญหาความสัมพันธ์แปลกๆในชีวิตผมมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งผมก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป มันอัดอั้นตันใจผมทุกวัน เรื่องมันยาวและมีรายละเอียดยิบย่อยมาก แต่ผมจะขอสรุปเท่าที่ได้ และจำเป็นต้องบิดเบือนปกปิดข้อมูลบางประการ แต่ไม่ทำให้ใจความเสียหายไม่มีการเติมแต่งเพิ่ม เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของคนในเรื่อง เข้าเรื่องเลยนะครับ
.
1. ผมกับแฟนของผมคนนี้คบกันมาประมาณเกือบ 2 ปีแล้ว ซึ่งแฟนของผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่ง(ผู้ชาย) ที่รู้จักกันสนิทกันมาตั้งแต่สมัย ป.ตรี สมัยที่ผมยังคุยๆกับแฟนอยู่ เธอก็มักพูดถึงเพื่อนคนนี้บ่อยๆ ไปไหนมาไหน ก็ถ่ายรูปส่งมาให้ดูว่าไปกับเพื่อนคนนี้ตลอด คือพวกเขาสนิทกันมาก ไลฟ์สไตล์ ความชอบเหมือนกันทุกอย่าง แล้วแฟนผมเป็นสาวห้าวๆ มีเพื่อนผู้ชายหลายคนด้วย จนผมไม่เคยคิดสงสัย เอะใจอะไรเลย
.
2. แฟนผมย้ายไปเรียนต่างประเทศ พร้อมกับเพื่อนคนนี้ เธอไปพักและทำงานอยู่กับป้าของเธอ ป้าเธอเปิดร้านที่นู่นส่วนเพื่อนคนนี้ก็แยกไปอยู่อีกบ้าน พวกเขามีเจอกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่เธอก็ถ่ายรูปมารายงานผมเสมอ
.
3. ผมกับแฟนคุยโทรศัพท์กันตลอดที่มีเวลา ความหวานยังมีให้กันตลอด วันพิเศษก็ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญให้กัน
.
4. จนกระทั่ง 3 เดือนกว่าๆหลังจากที่แฟนผมไปอยู่ต่างประเทศ ผมก็ได้ทำเรื่องเรียนตามเธอไปอยู่ต่างประเทศด้วยเราเช่าห้องอยู่ในตัวเมืองด้วยกัน ช่วงที่อยู่ด้วยกันแฟนผมก็คุยแชทกับเพื่อนสนิทคนนี้ตลอด แต่สังเกตว่าชอบหลบสายตาผม ตลอด แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลย
.
5. แรกๆแฟนผมมาอยู่ด้วยทุกวันเป็นเวลา 2 เดือนเต็ม หลังจากนั้นเธอก็ต้องเดินทางกลับบ้านป้าที่นอกเมืองแทบทุกอาทิตย์ ไปค้างคืนเดียวบ้างสองคืนบ้าง เธอบอกว่าป้าเหงา ไม่ไปเยี่ยมเลยก็ไม่ได้ จะดูไม่ดี แต่ก็ถ่ายรูปมาให้ดูทุกครั้ง จนเวลาล่วงเลยมาจะเป็นปี
.
6. **วันนึงผมบังเอิญเห็นภาพแฟนผมกับเพื่อนสนิทคนนี้จับมือกันบนเครื่องตอนเดินทางมาประเทศนี้ (อันนี้เธอพลาดให้ผมเห็นเอง) เป็นภาพมือจับประสานกันเหมือนคนเป็นแฟนกัน เธออ้างเหตุผลต่างๆนาๆ อ้างว่าจับมือเพื่อแกล้งยั่วแฟนเก่าอีกคนให้เลิกยุ่ง เพราะตอนนั้นแฟนเก่าอีกคนมาตามจอแจ
.
7. เมื่อเกิดความคลางแคลงใจ ผมจึงเริ่มตามสืบ จนรู้มาว่าเขาทั้งสองเคยเป็นแฟนกันเมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว ดูรักกันดีแต่เลิกกันไปนานแล้ว
.
8. แต่เรื่องพีคก็คือ ผมตามสืบจนเจอเพจร้านของป้าแฟนผม และพบว่า ป้าที่แฟนผมพร่ำบอก คือแม่ของเพื่อนสนิทคนนี้ นั่นก็หมายความว่า เขาอยู่บ้านเดียวกันมาตลอด 3 คน แม่ เพื่อนสนิท และ แฟนผม??
.
9. ผมตามขุดทุกอย่าง แม้กระทั่งแอบจำรหัสเข้ามือถือแฟนผม ผมรู้ว่ามันไม่ดีที่แอบดูมือถือคนอื่น ซึ่งเธอซีเรียสกับเรื่องนี้มาก แต่ผมทนไม่ได้จริงๆ ผมอยากได้หลักฐานมากกว่านี้ ผมยังคงหลอกตัวเองว่ามันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
.
10. ผมแอบดูไลน์ไม่ได้ ดูได้เพียงแชทเฟส เจอแชทของแฟนผมกับเพื่อนสนิทเธอใน messenger ตั้งชื่อกันน่ารัก มีไอคอนหมี ทั้งแชทไอจี คุยกันแบบกุ้กกิ้ก มีฉายาให้กัน คือดูยังไงก็แฟนคุยกัน เพื่อนสนิทคนนั้น ก็มีหลุดเรียกแฟนผมว่าเมียด้วยบางครั้ง มีการพูดว่า เมียไม่เคยกลับมาหากันเลย
.
11. ผมใจสลายจริงๆ มือไม้สั่น ผมพยายามเค้นให้แฟนผมสารภาพด้วยตัวเอง แต่เธอก็ยังโกหกต่างๆนาๆ จนผมส่งหลักฐานทั้งหมดให้เธอดู
.
12. เธอตกใจมาก ร้องห่มร้องไห้ พูดไม่เป็นภาษา เอาแต่บอกว่า เพื่อนสนิทคนนี้มีบุญคุณกับเธอมาก ตั้งแต่ช่วงสมัยที่เธอเป็นโรคประจำตัวจนเกือบตาย ก็มีแต่เพื่อนคนนี้ที่คอยช่วยเหลือ อยู่เคียงข้างมาตลอด พาเธอหาหมอ ดูแลเยียวยาจิตใจเธอจนเธอหายดี เธอรักเขาแบบน้องชาย ไม่เคยรักแบบคนรักเลย แต่เธอไม่กล้าทำให้เพื่อนคนนี้เสียใจจริงๆ มันเป็นบุญคุณค้ำคอ เป็นราคาที่เธอต้องจ่าย
.
13. ผมถามเธอว่าแล้วบุญคุณมันต้องชดใช้ด้วยการทำตัวเป็นเมียมันหรอ ทำตัวเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องปกติไม่ได้หรอจะต้องเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิต? แล้วผมล่ะ?
.
14. เธอตอบแค่ว่า มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ บุญคุณเขามีมากมาย ชดใช้ไม่หมด ทางเดียวที่ทำให้ได้ คือทำให้เขามีความสุข ไม่เสียใจ เธอบอกว่าเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาแบบนั้นแล้ว เธอสาบานว่า ทุกวันนี้เวลาเจอกันไม่เคยนอนด้วยกัน ไม่เคยได้เสียกัน แค่ติดนิสัยพูดจาเหมือนแฟนกันมาตั้งแต่สมัยก่อน และเพื่อนคนนี้ยังคงรักเธออยู่
.
15. เธอร้องไห้หนักมาก ทุบตีตัวเอง บอกให้พาเธอหนีไปจากที่นี่ เธอไม่อยากมีพันธะกับเขาคนนี้แล้ว กลับไทยไปอาจจะดีขึ้น เธอขอร้องผมแบบจริงจัง
.
16. ด้วยความที่ผมรักเธอ และใจอ่อน จะว่าผมโง่ก็ได้ ผมไม่ได้เชื่อเธอทั้งหมด ผมสับสนมากจริงๆตอนนั้น และยังไม่พร้อมจะเสียเธอไป
.
17. ประจวบเหมาะกับช่วงโควิด ผมพาเธอบินกลับไทยมา พยายามลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้น พยายามไม่คิดหาคำตอบบางอย่างที่เธอเล่ามันไม่มีความเมคเซ้นท์เลย แค่คิดแค่ว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน (ในใจลึกๆก็กลัวตลอดว่าเธอหลอกลวงอะไรผมอยู่ เธอจะหนีกลับไปอยู่กับมันอีกรึเปล่าหลังจากนี้)
.
18. ทุกๆวันเรายังคงทะเลาะกันบ่อยๆ ยิ่งช่วงกักตัว 14 วัน เจอหน้ากันตลอดเวลา ผมมักจะอดไม่ได้ ขุดเรื่องนี้มาพูดยิ่งคิดว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นปีๆ ทุกอาทิตย์อ้างว่าจะกลับไปหาป้า แต่คือกลับไปค้างกับมัน ผมแอบคิดเสมอว่าเขานอนด้วยกัน นอนกอดกัน เจ็บแค้นใจทุกครั้งที่เห็นมันเรียกแฟนผมว่าเมียเต็มปาก ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรกันมันทรมานมากจริงๆ มีแต่เรื่องนี้วนเวียนในหัวผมทั้งวัน ทั้งคืน ยันในฝัน ผมอยากทักไปด่ามัน แต่แฟนผมแทบจะกราบเท้าขอร้องผม ว่าเลิกยุ่งกับเขาเถอะ เธอไม่อยากมีปัญหา
.
19. ผมก็ยังคงแอบดูมือถือของแฟนของผม (โดยที่เธอยังไม่รู้) เธอก็ยังคงคุยกับเขาคนนั้น รายงานทุกสิ่งอย่างเหมือนแฟน ถ่ายรูปส่งให้ เรียกด้วยฉายาน่ารักๆกัน แต่คุยกันน้อยลง ผมไม่รู้ว่าคุยกันในไลน์จะขนาดไหน แต่พวกเขาไม่เคยโทรคุยกัน เพราะผมอยู่กับแฟนตลอดเวลาตั้งแต่กลับไทย ทุกวันนี้ผมเหมือนคนบ้า คนโรคจิตต้องคอยระแวง แอบดูมือถือแฟนตลอดเวลา กลัวตลอดว่าเขาจะคุยกัน แต่ผมก็พยายามไม่พูดถึง เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันคงจบ ผมคิดว่ายังไงซะแฟนก็รักผม เลือกผมมากกว่า จากที่ผ่านๆมา
.
20. ครั้งนึงผมทนไม่ไหว ผมไปโวยวายใส่เธอ จนเธอรู้ว่าผมแอบดูมือถือเธอ เธอด่าผมเรื่องแอบดูมือถือ และอ้างว่าที่ยังคุยกับเขาเพราะต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากให้เขาเสียใจ?? มีครั้งหนึ่งเธอเหมือนระเบิดตอนเราทะเลาะกัน เธอกรีดร้อง ทุบตีตัวเอง บอกว่า ยังไงเธอก็ทิ้งเขาไปไม่ได้ ถ้าต้องเลือกผมกับเขา เธอยอมตายดีกว่าเธอเลือกไม่ได้ ยังไงก็ทิ้งเขาไม่ได้
.
***ทุกวันนี้ ผมดูมือถือเธอไม่ได้แล้ว ผมอยากเลิกกับเธอวันละร้อยครั้ง แต่ผมก็ยังรักเธอ ผมรู้ว่าเธอก็รักผม และยังแอบเชื่อว่าเธอกับเขาคนนั้นไม่ได้มีอะไร แล้วมันจะจบไปเอง เธอบอกว่าเธอยอมทิ้งชีวิต ทิ้งการเรียนที่นั่นเพื่อกลับมาอยู่กับผมที่ไทย ผมทำร้ายเธอไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่รู้ว่าเธอก็ทำร้ายผมอยู่ทุกวันนี้ผมทุกข์มาก ยิ่งเห็นเธอเอามือถือเข้าห้องน้ำ หรือนั่งพิมแชทกับใครก็ตาม ผมจะระแวง น้ำตาตกในตลอด ไม่รู้ว่าเธอจะรู้บ้างไหม ผมไม่รู้ว่าควรจะเชื่ออะไร ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาคนนั้นมันคืออะไรกันแน่หรือผมเป็นไอ้โง่คนนึงที่กำลังโดนหลอกอยู่
.
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ทนอ่านมาจนจบ สุดท้ายก็เผลอพิมไปยาวๆ ขอบคุณพื้นที่ที่ให้ผมได้ระบาย ผมอึดอัดมากจริงๆ ตรงไหนที่งงๆหรือผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยนะครับ ถ้ามีคำติคำแนะนำ ผมน้อมรับครับ แต่อย่าด่าแรงๆหรือซ้ำเติมผมเลย
ปล. ผมไม่เคยเจอเพื่อนสนิทคนนี้เป็นการส่วนตัว ไม่มีเฟสกัน และไม่เคยคุยกัน