สวัสดีครับ ช่วงนี้พวกเราหลายคนใช้เวลากันอยู่ในบ้านแทบ 24 ชั่วโมง เพราะนอกจากเป็นการช่วยหยุดเชื้อ เพื่อชาติแล้วยังหลีกเลี่ยงอากาศแสนร้อนอบอ้าวภายนอก และมลภาวะไปด้วยในตัว
ไอเทมที่ขาดไม่ได้เลย ในการใช้ชีวิตในบ้านให้สบายสุด ๆ ในช่วงนี้ก็คือเครื่องปรับอากาศนั่นเอง และสำหรับใครที่อยากซื้อเครื่องปรับอากาศในช่วงนี้ นอกจากจะต้องมองหาเครื่องปรับอากาศตอบโจทย์เรื่องความเย็นแล้ว สิ่งสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือคุณสมบัติในการช่วยกรองอากาศเพื่อทำให้บ้านและคนในบ้านของเราปลอดภัยอยู่บ้านได้อย่างสบายใจท่ามกลางมลภาวะในช่วงนี้ครับ
แล้วเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านในยุคนี้ต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ผมมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันครับ
1. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบ INVERTER และมาพร้อมฉลากไฟเบอร์ 5
⦁ สำหรับคนที่ต้องการเครื่องปรับอากาศที่เย็นเร็วทันใจ แถมประหยัดค่าไฟ ผมแนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบ Inverter ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศที่ไม่มี Inverter แต่ก็ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ตอบโจทย์บ้านเมืองที่ร้อนอบอ้าว แถมยังกินไฟน้อยกว่าอีกด้วย อ้อ แล้วอย่าลืมเลือกเครื่องปรับอากาศ Inverter ที่ทำงานด้วยสารทำความเย็น R32 เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยสาร CFC สาเหตุของการทำลายชั้นโอโซน ช่วยลดโลกร้อนได้ถึง 68% (เมื่อเทียบกับสารทำความเย็น R410A) ช่วยเซฟทั้งโลก แถมเซฟเงินไปได้เยอะเลยครับ
⦁ อย่าลืมสังเกตฉลากเบอร์ 5 โดยจะต้องเป็นฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ ซึ่งจะเพิ่มความชัดเจนของข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชนิดของสินค้า, อัตราค่าไฟต่อปี ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ระดับ (ยิ่งดาวมาก แสดงว่าจะช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 - 10) ได้แก่
- เบอร์ 5
- เบอร์ 5 ★ 1 ดาว
- เบอร์ 5 ★★ 2 ดาว
- เบอร์ 5 ★★★ 3 ดาว
นอกจากนั้น บนฉลากเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ ยังระบุค่า SEER เอาไว้อย่างชัดเจนอีกด้วยครับ หากเครื่องไหนมีค่า SEER สูงแปลว่าเครื่องปรับอากาศรุ่นนั้นยิ่งประหยัดไฟนั่นเอง
⦁ เลือก BTU ของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน และต้องเป็นเครื่องปรับอากาศ “ที่เต็ม BTU” เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
โดยก่อนซื้อแนะนำให้เราคำนวณ ขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะถ้าหากเราเลือก BTU ที่สูงไปจะทำให้เกิดความชื้นในห้องสูง สิ้นเปลืองไฟ แต่หากเลือก BTU ต่ำไปเครื่องปรับอากาศก็จะทำงานหนัก และเสียหายได้ง่าย
การคิดคำนวณ BTU ให้เหมาะกับห้องง่าย ๆ ให้เราคำนวณ พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าความแตกต่าง* = BTU ที่เหมาะสมครับ
(*ค่าความแตกต่างแบ่งได้ออกเป็น 2 แบบ คือ 600-700 สำหรับห้องที่ไม่ค่อยร้อน ใช้เฉพาะกลางคืน เช่น ห้องนอน , 700-800 ห้องที่มีความร้อนสูง ใช้กลางวันมาก เช่น ห้องนั่งเล่น )
2. มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีต่อสุขภาพ สามารถทำงานได้แบบ 2 in 1
เครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านในยุคนี้แค่เย็นอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะอากาศนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นพิษและสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อน อย่างน้อยการเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีเทคโนโลยีช่วยกรองอากาศ ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ หรือสิ่งสกปรกได้อย่างดี ก็จะช่วยทำให้ภายในบ้านของเราปลอดภัย เหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์ทุกครั้งที่ได้อยู่ในบ้านครับ
หากเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีระบบกำจัดแบคทีเรียขณะปิดเครื่องด้วยก็จะยิ่งดี เพราะจะช่วยให้อากาศภายในห้องของเราอากาศบริสุทธิ์ดีต่อสุขภาพทุกวัน เช่น เครื่องปรับอากาศที่มีระบบทำความสะอาดตัวเอง หรือ I Clean ช่วยขจัดแบคทีเรียตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน ลดการสะสมแบคทีเรียต่าง ๆ ช่วยทำให้เครื่องปรับอากาศของเราเหมือนใหม่อยู่เสมอครับ
3. ควบคุมง่าย
ยุคดิจิทัล ใคร ๆ ก็ชอบสะดวกสบายใช่มั้ยล่ะครับ ดังนั้นเราก็ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติพิเศษรองรับเทคโนโลยีที่สามารถควบคุมความเย็นง่าย ๆ ผ่าน Wi-Fi connectivity ในสมาร์ตโฟน สามารถสั่งงาน และตั้งค่าอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศได้จากทุกที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน, หรือมีฟังก์ชันอัจฉริยะ สามารถตรวจจับการใช้งานของเราผ่านเซ็นเซอร์ สามารถปรับความเย็นเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของบ้านก็สามารถรับลมเย็น ๆ ได้ทั่วถึงตลอดเวลา
4. ใช้งานคงทน พร้อมการรับประกันที่ครอบคลุม
เครื่องปรับอากาศที่ดี ต้องคุ้ม ! ทน ! ผมขอแนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีการใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน อย่าง “ท่อทองแดง” และมีการใช้เคลือบสารเพื่อป้องกันการสึกกร่อน เพราะจะช่วยลดเชื้อราทั้งตัวเครื่องภายในและภายนอก ยืดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศของเราได้ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินไปกับการเรียกช่างบ่อย ๆ
นอกจากนั้นเราควรมองหาการรับประกันที่ยาวนานเพื่อความอุ่นใจของรา ซึ่งปัจจุบันเงื่อนไขการรับประกันนั้นครอบคลุมมาก ๆ ทั้งการรับประกันตัวเครื่อง รวมถึงคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน 5 ปี แถมคอมเพรสเซอร์ สูงสุดถึง 10 ปีกันเลยทีเดียวนะครับ
5. ดีไซน์สวยงาม
เครื่องปรับอากาศที่มีดีไซน์สวยงามก็จะช่วยเพิ่มความน่ามองให้กับบ้าน หรือคอนโดฯ ของเราได้มากขึ้นหลายเท่า โดยส่วนตัวผมคิดว่าเครื่องปรับอากาศที่มีการออกแบบเรียบ ๆ ใช้วัสดุพรีเมียม มีหน้าจอ LED ที่ดูทันสมัยสามารถมองเห็นง่ายก็จะเสริมสไตล์ให้บ้านของเราให้น่ามองมากขึ้นได้แล้วครับ แถมยังสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับห้องได้หลากหลายสไตล์เลย
และคุณสมบัติพิเศษของเครื่องปรับอากาศยุคใหม่ที่เราได้พูดมาทั้งหมดนั้น อยู่ใน
Electrolux เครื่องปรับอากาศระบบ Inverter รุ่นใหม่ ความน่าสนใจของเค้าก็คือ เทคโนโลยีที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพของทุกคนในบ้าน เพราะตัวเครื่องปรับอากาศทุกรุ่นมีเทคโนโลยีในการช่วยกรองอากาศ ที่กรองได้มากถึง 7 ขั้นตอน ! ช่างเหมาะกับสภาวะช่วงนี้ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค และสิ่งสกปรกมากมาย
นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชันเด่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เช่น
⦁ สามารถทำงานได้แบบ
2 In 1 ทั้งความเย็น ทั้งกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องเดียว
⦁ ทนทาน เพราะใช้เทคโนโลยี
GoldTech และ
BlueTech เคลือบท่อทองแดงและฟิน ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า
⦁ ใช้งานง่าย สามารถควบคุมการทำงานผ่าน
Wi-Fi และสามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้ 1 อาทิตย์
⦁ มีระบบ
I Clean ล้างทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติได้ ทำให้เราหมดห่วงเรื่องเชื้อราและสิ่งปรกตกค้าง
⦁ มีฟีเจอร์
X-Fan ขจัดความชื้นอัตโนมัติ ช่วยป้องกันการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย
⦁
I-Feel เซนเซอร์ความเย็นที่รีโมทเพียงวางใกล้ตัวขณะที่เราอยู่ในห้อง ไม่ว่าจะนั่งทำงาน หรืออยู่มุมไหนก็เย็นสบายได้อย่างทั่วถึง
⦁
I Favor บันทึกฟังก์ชันของเครื่องปรับอากาศที่ใช้บ่อย ๆ 3 ฟังก์ชัน ปรับบานสวิง, ปรับอุณหภูมิ และปรับความแรงพัดลม
ที่สำคัญเครื่องปรับอากาศ Electrolux ยังใช้งานได้เต็ม BTU ทุกรุ่น และรับประกันอะไหล่พร้อมฟรีค่าแรง 2 ปี คอยล์เย็นและคอยล์ร้อน 5 ปี คอมเพรสเซอร์ 10 ปี เลย สำหรับเครื่องปรับอากาศ Electrolux มีทั้งหมด 5 รุ่นให้เลือกนะครับ เราลองมาดูกันว่าแต่ละรุ่นนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร
[BR] แค่เย็น คงไม่พอ..ต้องกรองได้ด้วย เคล็ดลับเลือกเครื่องปรับอากาศในภาวะช่วงนี้
ไอเทมที่ขาดไม่ได้เลย ในการใช้ชีวิตในบ้านให้สบายสุด ๆ ในช่วงนี้ก็คือเครื่องปรับอากาศนั่นเอง และสำหรับใครที่อยากซื้อเครื่องปรับอากาศในช่วงนี้ นอกจากจะต้องมองหาเครื่องปรับอากาศตอบโจทย์เรื่องความเย็นแล้ว สิ่งสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้ก็คือคุณสมบัติในการช่วยกรองอากาศเพื่อทำให้บ้านและคนในบ้านของเราปลอดภัยอยู่บ้านได้อย่างสบายใจท่ามกลางมลภาวะในช่วงนี้ครับ
แล้วเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านในยุคนี้ต้องดูจากอะไรบ้าง วันนี้ผมมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันครับ
1. เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบ INVERTER และมาพร้อมฉลากไฟเบอร์ 5
⦁ สำหรับคนที่ต้องการเครื่องปรับอากาศที่เย็นเร็วทันใจ แถมประหยัดค่าไฟ ผมแนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีระบบ Inverter ถึงแม้ว่าจะมีราคาสูงกว่าเครื่องปรับอากาศที่ไม่มี Inverter แต่ก็ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว ตอบโจทย์บ้านเมืองที่ร้อนอบอ้าว แถมยังกินไฟน้อยกว่าอีกด้วย อ้อ แล้วอย่าลืมเลือกเครื่องปรับอากาศ Inverter ที่ทำงานด้วยสารทำความเย็น R32 เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยสาร CFC สาเหตุของการทำลายชั้นโอโซน ช่วยลดโลกร้อนได้ถึง 68% (เมื่อเทียบกับสารทำความเย็น R410A) ช่วยเซฟทั้งโลก แถมเซฟเงินไปได้เยอะเลยครับ
⦁ อย่าลืมสังเกตฉลากเบอร์ 5 โดยจะต้องเป็นฉลากเบอร์ 5 แบบใหม่ ซึ่งจะเพิ่มความชัดเจนของข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชนิดของสินค้า, อัตราค่าไฟต่อปี ซึ่งได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ระดับ (ยิ่งดาวมาก แสดงว่าจะช่วยประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 - 10) ได้แก่
- เบอร์ 5
- เบอร์ 5 ★ 1 ดาว
- เบอร์ 5 ★★ 2 ดาว
- เบอร์ 5 ★★★ 3 ดาว
นอกจากนั้น บนฉลากเบอร์ 5 รูปแบบใหม่ ยังระบุค่า SEER เอาไว้อย่างชัดเจนอีกด้วยครับ หากเครื่องไหนมีค่า SEER สูงแปลว่าเครื่องปรับอากาศรุ่นนั้นยิ่งประหยัดไฟนั่นเอง
⦁ เลือก BTU ของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน และต้องเป็นเครื่องปรับอากาศ “ที่เต็ม BTU” เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศนั้นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
โดยก่อนซื้อแนะนำให้เราคำนวณ ขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง เพราะถ้าหากเราเลือก BTU ที่สูงไปจะทำให้เกิดความชื้นในห้องสูง สิ้นเปลืองไฟ แต่หากเลือก BTU ต่ำไปเครื่องปรับอากาศก็จะทำงานหนัก และเสียหายได้ง่าย
การคิดคำนวณ BTU ให้เหมาะกับห้องง่าย ๆ ให้เราคำนวณ พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าความแตกต่าง* = BTU ที่เหมาะสมครับ
(*ค่าความแตกต่างแบ่งได้ออกเป็น 2 แบบ คือ 600-700 สำหรับห้องที่ไม่ค่อยร้อน ใช้เฉพาะกลางคืน เช่น ห้องนอน , 700-800 ห้องที่มีความร้อนสูง ใช้กลางวันมาก เช่น ห้องนั่งเล่น )
2. มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ดีต่อสุขภาพ สามารถทำงานได้แบบ 2 in 1
เครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับบ้านในยุคนี้แค่เย็นอย่างเดียวอาจจะไม่ตอบโจทย์ เพราะอากาศนอกบ้านนั้นเต็มไปด้วยฝุ่นพิษและสิ่งสกปรกที่ปนเปื้อน อย่างน้อยการเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีเทคโนโลยีช่วยกรองอากาศ ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ หรือสิ่งสกปรกได้อย่างดี ก็จะช่วยทำให้ภายในบ้านของเราปลอดภัย เหมือนได้สูดอากาศบริสุทธิ์ทุกครั้งที่ได้อยู่ในบ้านครับ
หากเป็นเครื่องปรับอากาศที่มีระบบกำจัดแบคทีเรียขณะปิดเครื่องด้วยก็จะยิ่งดี เพราะจะช่วยให้อากาศภายในห้องของเราอากาศบริสุทธิ์ดีต่อสุขภาพทุกวัน เช่น เครื่องปรับอากาศที่มีระบบทำความสะอาดตัวเอง หรือ I Clean ช่วยขจัดแบคทีเรียตอนที่เราไม่ได้ใช้งาน ลดการสะสมแบคทีเรียต่าง ๆ ช่วยทำให้เครื่องปรับอากาศของเราเหมือนใหม่อยู่เสมอครับ
3. ควบคุมง่าย
ยุคดิจิทัล ใคร ๆ ก็ชอบสะดวกสบายใช่มั้ยล่ะครับ ดังนั้นเราก็ควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีคุณสมบัติพิเศษรองรับเทคโนโลยีที่สามารถควบคุมความเย็นง่าย ๆ ผ่าน Wi-Fi connectivity ในสมาร์ตโฟน สามารถสั่งงาน และตั้งค่าอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศได้จากทุกที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน, หรือมีฟังก์ชันอัจฉริยะ สามารถตรวจจับการใช้งานของเราผ่านเซ็นเซอร์ สามารถปรับความเย็นเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของบ้านก็สามารถรับลมเย็น ๆ ได้ทั่วถึงตลอดเวลา
4. ใช้งานคงทน พร้อมการรับประกันที่ครอบคลุม
เครื่องปรับอากาศที่ดี ต้องคุ้ม ! ทน ! ผมขอแนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีการใช้วัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน อย่าง “ท่อทองแดง” และมีการใช้เคลือบสารเพื่อป้องกันการสึกกร่อน เพราะจะช่วยลดเชื้อราทั้งตัวเครื่องภายในและภายนอก ยืดอายุการใช้งานเครื่องปรับอากาศของเราได้ยาวนาน ไม่ต้องเสียเงินไปกับการเรียกช่างบ่อย ๆ
นอกจากนั้นเราควรมองหาการรับประกันที่ยาวนานเพื่อความอุ่นใจของรา ซึ่งปัจจุบันเงื่อนไขการรับประกันนั้นครอบคลุมมาก ๆ ทั้งการรับประกันตัวเครื่อง รวมถึงคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน 5 ปี แถมคอมเพรสเซอร์ สูงสุดถึง 10 ปีกันเลยทีเดียวนะครับ
5. ดีไซน์สวยงาม
เครื่องปรับอากาศที่มีดีไซน์สวยงามก็จะช่วยเพิ่มความน่ามองให้กับบ้าน หรือคอนโดฯ ของเราได้มากขึ้นหลายเท่า โดยส่วนตัวผมคิดว่าเครื่องปรับอากาศที่มีการออกแบบเรียบ ๆ ใช้วัสดุพรีเมียม มีหน้าจอ LED ที่ดูทันสมัยสามารถมองเห็นง่ายก็จะเสริมสไตล์ให้บ้านของเราให้น่ามองมากขึ้นได้แล้วครับ แถมยังสามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับห้องได้หลากหลายสไตล์เลย
และคุณสมบัติพิเศษของเครื่องปรับอากาศยุคใหม่ที่เราได้พูดมาทั้งหมดนั้น อยู่ใน Electrolux เครื่องปรับอากาศระบบ Inverter รุ่นใหม่ ความน่าสนใจของเค้าก็คือ เทคโนโลยีที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพของทุกคนในบ้าน เพราะตัวเครื่องปรับอากาศทุกรุ่นมีเทคโนโลยีในการช่วยกรองอากาศ ที่กรองได้มากถึง 7 ขั้นตอน ! ช่างเหมาะกับสภาวะช่วงนี้ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค และสิ่งสกปรกมากมาย
นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชันเด่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เช่น
⦁ สามารถทำงานได้แบบ 2 In 1 ทั้งความเย็น ทั้งกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพในเครื่องเดียว
⦁ ทนทาน เพราะใช้เทคโนโลยี GoldTech และ BlueTech เคลือบท่อทองแดงและฟิน ใช้งานได้ยาวนาน คุ้มค่า
⦁ ใช้งานง่าย สามารถควบคุมการทำงานผ่าน Wi-Fi และสามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้ 1 อาทิตย์
⦁ มีระบบ I Clean ล้างทำความสะอาดตัวเองอัตโนมัติได้ ทำให้เราหมดห่วงเรื่องเชื้อราและสิ่งปรกตกค้าง
⦁ มีฟีเจอร์ X-Fan ขจัดความชื้นอัตโนมัติ ช่วยป้องกันการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย
⦁ I-Feel เซนเซอร์ความเย็นที่รีโมทเพียงวางใกล้ตัวขณะที่เราอยู่ในห้อง ไม่ว่าจะนั่งทำงาน หรืออยู่มุมไหนก็เย็นสบายได้อย่างทั่วถึง
⦁ I Favor บันทึกฟังก์ชันของเครื่องปรับอากาศที่ใช้บ่อย ๆ 3 ฟังก์ชัน ปรับบานสวิง, ปรับอุณหภูมิ และปรับความแรงพัดลม
ที่สำคัญเครื่องปรับอากาศ Electrolux ยังใช้งานได้เต็ม BTU ทุกรุ่น และรับประกันอะไหล่พร้อมฟรีค่าแรง 2 ปี คอยล์เย็นและคอยล์ร้อน 5 ปี คอมเพรสเซอร์ 10 ปี เลย สำหรับเครื่องปรับอากาศ Electrolux มีทั้งหมด 5 รุ่นให้เลือกนะครับ เราลองมาดูกันว่าแต่ละรุ่นนั้นมีความน่าสนใจอย่างไร
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน