ต้องหยุดงานเพราะ COVID-19 เลยอยากจะนำเรื่องราว ประสบการณ์จริงของตัวเรามาแชร์ และให้กำลังใจกับผู้ที่ประสบเหตุเช่นกัน
ปลายปี 2018 เราได้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ อาการบาดเจ็บ ณ ตอนนั้นคือลำไส้แตก กระดูกสันหลังหัก นอนห้อง ICU 5 วัน ฟื้นขึ้นมาวันแรก เหมือนในหนังเลย ลืมตาขึ้นเห็นเพดานฟ้าสีขาว แสงไฟแยงตา พร้อมกับสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แล้วท่อแข็งๆ ก็อยู่ในปาก ยาวไปถึงในลำคอ พูดไม่ได้ กินอะไรไม่ได้ ทุกอย่างได้จากทางสายน้ำเกลือ สายยาต่างๆ ทั้งหมด
วันแรกที่เข้า ICU พยาบาลหรือหมอยังไม่มีใครรู้ว่ากระดูกหลังหัก เขาแปลกใจทำไมเวลาพลิกเช็ดตัวให้ หลังดูงอๆ เลยส่ง X-ray ดังนั้นเลย กระดูกสันหลังหัก แต่ยังทำการรักษากระดูกสันหลังได้ในทันทีตอนนั้น เพราะแผลหน้าท้องยังไม่ได้เย็บ และยังไม่หาย
เพราะต้องรอดูอาการว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรไหม จากการผ่าตัดบำไส้ โดยทุกๆ เช้าตี 4 จะมีพยาบาลมาเช็ดตัวให้ สายๆ หน่อย จะมีพยาบาลมาเจาะเลือดจากที่แขนไป หลายๆ วันหน่อยที่แขนเริ่มหาเส้นเลือดไม่เจอ ก็ไปเจาะเลือดที่ข้อเท้าแทน ตอนไอ หรือมีเสมหะ จะเจ็บหน้าท้องมาก และคงได้ยามอร์ฟีนอยู่พอสมควร
จากนั้นออกจากห้อง ICU ไปเย็บแผลหน้าท้อง โดยใช้ยาชา รู้สึกตัวทุกฝีเข็ม แล้วเข้าฟักฟื้นที่ห้อง รอวันผ่าตัดกระดูกสันหลัง นอนพักฟื้นอยู่อย่างนั้น (อ้อแล้วเราก็นอนแบบ กิน นอน ฉี่ อึ บนที่เดียว ลุกไปไหนไม่ได้ แล้วก็พลิก ขยับตัวเองไม่ได้ ต้องให้คนคอยช่วย)
ระหว่างที่ กิจวัตรประจำวันคือ
ตีสี่ ผู้ช่วยพยาบาลมาเช็ดตัว
เจ็ดโมงเช้า กินข้าวต้ม (นอนกิน)
ราวๆ เก้าโมง แพทย์จะมาเยี่ยมไข้ และเช็คปลายเท้าเสมอๆ
จนผ่านไป 10 วัน ก็ได้คิวผ่าตัดกระดูกสันหลัง
โดยงดเข้า งดน้ำ พ่อกับแม่ เป็นกังวลและกลัวมาก กลัวว่าลูกจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แล้วพยาบาลผู้ช่วยก็มารับตัวน่าจะราวๆ บ่ายโมงของวันที่ 25 ตุลา 2018 เข้าห้องผ่าตัด เนื่องจากประวัติการรักษาต่อเนื่องจึงไม่ได้มีการซักประวัติเพิ่มในระหว่างรอผ่า
คุณหมอเลือกผ่าแบบวางยาสลบ สิ่งที่ต้องรู้คือน้ำหนักตัว และส่วนสูง เพื่อคำนวณยา และเราก็สลบไป ฟื้นขึ้นก็พบตัวเองนอนบนเตียงขนถ่าย อยู่นอกห้องผ่าตัด รอให้ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ พอฟื้นสักพักก็ค่อยๆ โดนเข็นขึ้นห้องพัก
กฏเหล็กหลังออกจากห้องผ่าตัดกระดูก คือ
“คืนนั้นทั้งคืน ห้ามพลิกตัว ห้ามขยับ ต้องนอนทับแผลตัวเอง”
อาการ หรือความรู้สึกนะเหรอ อย่างเดียวเลย
“เจ็บปวด”
(เราโดนสวนท่อฉี่เรียบร้อย พร้อมท่อ drain เลือดจากการผ่าตัด จากลำไส้ก็มีท่อ drain ใครเคยผ่าตัดจะเข้าใจดี ว่าเวลาดึงท่อ drain กลับออกมานั้นมันช่าง..... เจ็บสุดๆ เพราะดึงออกจากร่างเราสดๆ)
จากนั้นก็กิจวัตรแบบเดิมค่ะ ตีสี่ เจ็ดโมง สายๆ
เพิ่มเติมคือ มอร์ฟีนทุกๆ 4 ชั่วโมง ในช่วงอาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด จากนั้นก็ห่างเป็นทุกๆ 6 ชั่วโมง
ภาพก่อนการผ่าตัด รอยแผลผ่าตัดก็ราวๆ 1 ฟุตได้
ภาพหลังผ่าตัดดามเหล็กที่หลัง
พักฟื้นไปได้ 10 วัน ก็เริ่มทำกายภาพ โดยให้ลุกขึ้นนั่งและหัดเดิน เพราะเรานอนติดเตียงไป 20 วัน จึงเป็นการยากมากกในครั้งแรก เราทำไม่ได้เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นลมและเจ็บแผลจากการใส่เสื้อเหล็กบล็อคกระดูกหลัง
จนสุดท้ายเราต้องแข็งใจทำกายภาพทั้งที่เจ็บๆ
ต้องพยายามลุก และเดินโดยใช้ walker ให้ได้ โดยมีแม่ประคองอยู่ข้างๆ เสมอ
จนได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยการพยายามลุกขึ้นนั่งกินข้าวเอง ลุกขึ้นเดินไปทีละก้าว ถ้าเรายิ่งนอนซมเราจะยิ่งไม่มีเรี่ยวแรง แรงจะหายไปเรื่อยๆ ถดถอยลงไปเรื่อย เราหัดเดิน ต้องใช้คำนี้เลย เราเตาะแตะหัดเดินโดย walker อยู่ 2 เดือนราวๆ นั้น ค่อยๆ เพิ่มระยะการเดินให้ไกลขึ้น หัดเดินขึ้นลงบันได ตามที่คุณหมอนักกายภาพแนะนำมา
กฏเหล็กตอนกลับมาพีกฟื้นที่บ้าน
1. ต้องพยายามลุกนั่ง เดิน วันละหลายๆ รอบ
2. ทุกครั้งก่อนลุกจะต้องใส่เสื้อเกราะเหล็ก (jewett brance) ทุกครั้ง ไม่งั้นห้ามลุก
3. ห้ามล้ม
4. ออกกำลังกายตามท่ากายภาพที่แนะนำมา
เราพักงานไป 5-6 เดือนได้ ก็ต้องขอขอบคุณทางบริษัทที่ยังรักษาสภาพเราไว้ให้ ไม่ให้เราออก และต้องขอบคุณพ่อแม่ พี่ชายพี่สาว เพื่อนๆ และคนรัก ที่ยังคงอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจ มาเยี่ยม ส่งข้อความมาให้เสมอๆ
กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และสำคัญมากที่เราต้องสร้างมันขึ้นมาเองด้วย
คิดดูถ้าหากเราเจ็บแล้วยอมแพ้ ไม่ยอมทำกายภาพต่อ ไม่ยอมลุกขึ้นเดิน ไม่ยอมลุกขึ้นนั่งกินข้าวเอง จะเกิดอะไรขึ้นแน่นอนแหละ หายช้า ร่างกายไม่เป็นปกติ กระดูกยึดด้วยผังผืด เดินไม่ตรงเหมือนเดิม แต่สุดท้ายมันผ่านมาได้ด้วยดี ^^
จนตอนนี้ผลการรักษาโดยการดามเหล็กที่กระดูกหลัง เป็นไปได้ด้วยดี และรอการผ่าตัดนำเหล็กที่ยึดไว้นั้นออก (อีกรอบ)
เพราะการมีเหล็กอยู่ในหลังตอนนี้ เราก้มไม่ได้ และต้องระวังตัวเองไม่ให้ล้ม นั่งทำงานก็จะตึงและปวดหลังง่ายมาก
แต่มีเหล็กในหลังแบบนี้ เรายังสามารถออกกำลังกายได้นะ
กระโดดเชือก
วิ่ง jogging
ลง fun run (5K)
ยกเวท
บอดี้เวท เบาๆ
สคว็อท
เราอยากมาให้กำลังใจกับคนที่เจอปัญหาเดียวกัน หรือกำลังเจ็บป่วย เราต้องสร้างกำลังใจนะ อย่ามองมันในแง่ลบ เรารู้ว่ามันยาก เพราะเมื่อร่างกายเราเจ็บป่วย จิตใจมันจะห่อเหี่ยว ไม่สามารถทำอะไรแบบคนปกติ แบบที่เราเคยทำ แต่เชื่อสิ สิ่งร้ายๆ จะค่อยๆ หายไป สิ่งดีดี จะเข้ามาหาเรา ^^
สู้ๆ นะ ✌🏻
ดามเหล็กกระดูกสันหลังหัก และการกายภาพ
ปลายปี 2018 เราได้ประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์ อาการบาดเจ็บ ณ ตอนนั้นคือลำไส้แตก กระดูกสันหลังหัก นอนห้อง ICU 5 วัน ฟื้นขึ้นมาวันแรก เหมือนในหนังเลย ลืมตาขึ้นเห็นเพดานฟ้าสีขาว แสงไฟแยงตา พร้อมกับสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แล้วท่อแข็งๆ ก็อยู่ในปาก ยาวไปถึงในลำคอ พูดไม่ได้ กินอะไรไม่ได้ ทุกอย่างได้จากทางสายน้ำเกลือ สายยาต่างๆ ทั้งหมด
วันแรกที่เข้า ICU พยาบาลหรือหมอยังไม่มีใครรู้ว่ากระดูกหลังหัก เขาแปลกใจทำไมเวลาพลิกเช็ดตัวให้ หลังดูงอๆ เลยส่ง X-ray ดังนั้นเลย กระดูกสันหลังหัก แต่ยังทำการรักษากระดูกสันหลังได้ในทันทีตอนนั้น เพราะแผลหน้าท้องยังไม่ได้เย็บ และยังไม่หาย
เพราะต้องรอดูอาการว่าจะมีภาวะแทรกซ้อนอะไรไหม จากการผ่าตัดบำไส้ โดยทุกๆ เช้าตี 4 จะมีพยาบาลมาเช็ดตัวให้ สายๆ หน่อย จะมีพยาบาลมาเจาะเลือดจากที่แขนไป หลายๆ วันหน่อยที่แขนเริ่มหาเส้นเลือดไม่เจอ ก็ไปเจาะเลือดที่ข้อเท้าแทน ตอนไอ หรือมีเสมหะ จะเจ็บหน้าท้องมาก และคงได้ยามอร์ฟีนอยู่พอสมควร
จากนั้นออกจากห้อง ICU ไปเย็บแผลหน้าท้อง โดยใช้ยาชา รู้สึกตัวทุกฝีเข็ม แล้วเข้าฟักฟื้นที่ห้อง รอวันผ่าตัดกระดูกสันหลัง นอนพักฟื้นอยู่อย่างนั้น (อ้อแล้วเราก็นอนแบบ กิน นอน ฉี่ อึ บนที่เดียว ลุกไปไหนไม่ได้ แล้วก็พลิก ขยับตัวเองไม่ได้ ต้องให้คนคอยช่วย)
ระหว่างที่ กิจวัตรประจำวันคือ
ตีสี่ ผู้ช่วยพยาบาลมาเช็ดตัว
เจ็ดโมงเช้า กินข้าวต้ม (นอนกิน)
ราวๆ เก้าโมง แพทย์จะมาเยี่ยมไข้ และเช็คปลายเท้าเสมอๆ
จนผ่านไป 10 วัน ก็ได้คิวผ่าตัดกระดูกสันหลัง
โดยงดเข้า งดน้ำ พ่อกับแม่ เป็นกังวลและกลัวมาก กลัวว่าลูกจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก แล้วพยาบาลผู้ช่วยก็มารับตัวน่าจะราวๆ บ่ายโมงของวันที่ 25 ตุลา 2018 เข้าห้องผ่าตัด เนื่องจากประวัติการรักษาต่อเนื่องจึงไม่ได้มีการซักประวัติเพิ่มในระหว่างรอผ่า
คุณหมอเลือกผ่าแบบวางยาสลบ สิ่งที่ต้องรู้คือน้ำหนักตัว และส่วนสูง เพื่อคำนวณยา และเราก็สลบไป ฟื้นขึ้นก็พบตัวเองนอนบนเตียงขนถ่าย อยู่นอกห้องผ่าตัด รอให้ฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ พอฟื้นสักพักก็ค่อยๆ โดนเข็นขึ้นห้องพัก
กฏเหล็กหลังออกจากห้องผ่าตัดกระดูก คือ
“คืนนั้นทั้งคืน ห้ามพลิกตัว ห้ามขยับ ต้องนอนทับแผลตัวเอง”
อาการ หรือความรู้สึกนะเหรอ อย่างเดียวเลย
“เจ็บปวด”
(เราโดนสวนท่อฉี่เรียบร้อย พร้อมท่อ drain เลือดจากการผ่าตัด จากลำไส้ก็มีท่อ drain ใครเคยผ่าตัดจะเข้าใจดี ว่าเวลาดึงท่อ drain กลับออกมานั้นมันช่าง..... เจ็บสุดๆ เพราะดึงออกจากร่างเราสดๆ)
จากนั้นก็กิจวัตรแบบเดิมค่ะ ตีสี่ เจ็ดโมง สายๆ
เพิ่มเติมคือ มอร์ฟีนทุกๆ 4 ชั่วโมง ในช่วงอาทิตย์แรกหลังการผ่าตัด จากนั้นก็ห่างเป็นทุกๆ 6 ชั่วโมง
ภาพก่อนการผ่าตัด รอยแผลผ่าตัดก็ราวๆ 1 ฟุตได้
ภาพหลังผ่าตัดดามเหล็กที่หลัง
พักฟื้นไปได้ 10 วัน ก็เริ่มทำกายภาพ โดยให้ลุกขึ้นนั่งและหัดเดิน เพราะเรานอนติดเตียงไป 20 วัน จึงเป็นการยากมากกในครั้งแรก เราทำไม่ได้เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน เป็นลมและเจ็บแผลจากการใส่เสื้อเหล็กบล็อคกระดูกหลัง
จนสุดท้ายเราต้องแข็งใจทำกายภาพทั้งที่เจ็บๆ
ต้องพยายามลุก และเดินโดยใช้ walker ให้ได้ โดยมีแม่ประคองอยู่ข้างๆ เสมอ
จนได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน โดยการพยายามลุกขึ้นนั่งกินข้าวเอง ลุกขึ้นเดินไปทีละก้าว ถ้าเรายิ่งนอนซมเราจะยิ่งไม่มีเรี่ยวแรง แรงจะหายไปเรื่อยๆ ถดถอยลงไปเรื่อย เราหัดเดิน ต้องใช้คำนี้เลย เราเตาะแตะหัดเดินโดย walker อยู่ 2 เดือนราวๆ นั้น ค่อยๆ เพิ่มระยะการเดินให้ไกลขึ้น หัดเดินขึ้นลงบันได ตามที่คุณหมอนักกายภาพแนะนำมา
กฏเหล็กตอนกลับมาพีกฟื้นที่บ้าน
1. ต้องพยายามลุกนั่ง เดิน วันละหลายๆ รอบ
2. ทุกครั้งก่อนลุกจะต้องใส่เสื้อเกราะเหล็ก (jewett brance) ทุกครั้ง ไม่งั้นห้ามลุก
3. ห้ามล้ม
4. ออกกำลังกายตามท่ากายภาพที่แนะนำมา
เราพักงานไป 5-6 เดือนได้ ก็ต้องขอขอบคุณทางบริษัทที่ยังรักษาสภาพเราไว้ให้ ไม่ให้เราออก และต้องขอบคุณพ่อแม่ พี่ชายพี่สาว เพื่อนๆ และคนรัก ที่ยังคงอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจ มาเยี่ยม ส่งข้อความมาให้เสมอๆ
กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และสำคัญมากที่เราต้องสร้างมันขึ้นมาเองด้วย
คิดดูถ้าหากเราเจ็บแล้วยอมแพ้ ไม่ยอมทำกายภาพต่อ ไม่ยอมลุกขึ้นเดิน ไม่ยอมลุกขึ้นนั่งกินข้าวเอง จะเกิดอะไรขึ้นแน่นอนแหละ หายช้า ร่างกายไม่เป็นปกติ กระดูกยึดด้วยผังผืด เดินไม่ตรงเหมือนเดิม แต่สุดท้ายมันผ่านมาได้ด้วยดี ^^
จนตอนนี้ผลการรักษาโดยการดามเหล็กที่กระดูกหลัง เป็นไปได้ด้วยดี และรอการผ่าตัดนำเหล็กที่ยึดไว้นั้นออก (อีกรอบ)
เพราะการมีเหล็กอยู่ในหลังตอนนี้ เราก้มไม่ได้ และต้องระวังตัวเองไม่ให้ล้ม นั่งทำงานก็จะตึงและปวดหลังง่ายมาก
แต่มีเหล็กในหลังแบบนี้ เรายังสามารถออกกำลังกายได้นะ
กระโดดเชือก
วิ่ง jogging
ลง fun run (5K)
ยกเวท
บอดี้เวท เบาๆ
สคว็อท
เราอยากมาให้กำลังใจกับคนที่เจอปัญหาเดียวกัน หรือกำลังเจ็บป่วย เราต้องสร้างกำลังใจนะ อย่ามองมันในแง่ลบ เรารู้ว่ามันยาก เพราะเมื่อร่างกายเราเจ็บป่วย จิตใจมันจะห่อเหี่ยว ไม่สามารถทำอะไรแบบคนปกติ แบบที่เราเคยทำ แต่เชื่อสิ สิ่งร้ายๆ จะค่อยๆ หายไป สิ่งดีดี จะเข้ามาหาเรา ^^
สู้ๆ นะ ✌🏻