สวัสดีค่ะ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เลยพอมีเวลาเขียนบันทึกประสบการณ์ ได้โอกาสขอแชร์เรื่องราวการเดิน Trekking ที่ Rinjani ราชินีแห่งเกาะ Lombok จริงๆ ทริปนี้ตั้งแต่ปี 2017 แล้ว (ก่อนแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 2018) ยังไงจะพยายามนึกความลำบากและความทรมานบนความทรงจำสีจางๆ ออกมาแชร์เพื่อนๆ กันเผื่อไว้เป็นประโยชน์ใครที่กำลังจะจัดทริปไปเที่ยวหลังหมดการระบาดของไวรัสนะคะ ทริปนี้ประทับใจตรงที่เป็นครั้งแรกของการเดิน Trekking ในชีวิต ปกติเป็นคนชอบเดินอยู่แล้ว แต่ไม่เคยรู้ซึ้งเลยว่าการเดิน Trekking ที่เดินขึ้นเขาความชันเกือบ 90 องศา และไม่มีร้านให้ชอปปิ้งอยู่ 2 ข้างทาง มันช่างต่างเหลือเกิน ทำให้คิดว่าการออกกำลังกายที่เตรียมตัวมาด้วยการว่ายน้ำก็พอแล้ววะ นี่ไงเราก็ออกกำลังกายเตรียมพร้อมร่างกายแล้วนะเฟร้ย ซึ่งเราคิดผิดอย่างมหันต์ มันคือการเดินที่อำมหิตสำหรับพวกมนุษย์กลายพันธ์ และมนุษย์อัลตร้าแมน ที่ร่างกายต้องฝึกฝนและเตรียมพร้อมมาอย่างดี ใครจะมาขึ้น RINJANI แนะนำให้ออกกำลังกายโดยการวิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ15-20 กิโลเมตร เพื่อให้ขาแข็งแรงเป็นเหล็กไหลได้ยิ่งดี
ครั้งนี้เราหลอกสมาชิกเพื่อนไปได้รวมตัวกันได้ 5 คน โดนหว่านล้อมให้มาด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็คาถา แถมเงินให้อีกต่างหาก เพื่อให้ได้ออกเดินทาง แต่ว่าคิดดอกเบี้ยทีหลัง 555+
การเดินทางเข้าประเทศอินโดนีเซีย ก็ชิว ๆ ไม่ต้องทำวีซ่า เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย รักคุณเท่าฟ้า แฮร่!!! คนละสโลแกนละ
ทริปนี้เราแบกเป้ขึ้นบ่าออกเดินทางตั้งแต่ 19 – 26 ตุลาคม แผนการเดินทางของเราตั้งใจพิชิต Rinjani’s summit ก่อนจากนั้นก็ไปพักผ่อนที่เกาะ Gili Island ต่อแช่น้ำสบายๆ ทานอาหารทะเลจิบเบียร์ชิวๆ ลืมเรื่องงานและมองทะเลเงียบๆ อยู่กับตัวเองในช่วงเวลาไม่กี่วัน มาดูแผนการเดินทางของเราดีกว่าเริ่มเพ้อเจ้อไปละ
19 Oct (Day1) : สายการบินแอร์เอเชีย AK895 ออกเดินทาง 23.10 – 2.30 น. (ดอนเมือง – กัวลาลัมเปอร์)
20 Oct (Day2) : ต่อเครื่องที่สนามบินKUL สายการบินแอร์เอเชีย AK308 ออกเดินทาง 8.35 – 11.45 น. (KUL – LOP)
21 Oct (Day3) : Sembalun Village trek to Crater Rim Plawangan Sembalun (2,639 m)
22 Oct (Day4) : Trek to Rinjani’s summit (3,726 m) – Senaru Crater Rim camp2 (2,641 m)
23 Oct (Day5) : Trek to Senaru Village – Gili Island by Private boat
24 Oct (Day6) : Relax day on Gili Island
25 Oct (Day7) : Gili Island – Lombok airport (AK307 LOP – KUL)
26 Oct (Day8) : Kuala Lumpur – DMK สายการบิน AK894 เวลา 21.25 – 22.40 น.
เราติดต่อไกด์โดยตรงด้วยตัวเอง เราเลือกใช้ Herman Trekker บริการดูแลดีมาก มีให้เลือกหลายแบบ ราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและแบบที่เราเลือก และอาหาร เครื่องนอนดีหน่อย
แบบที่ 1 : 2 วัน 1 คืน (อันนี้ขึ้นและลงทางเดิม) ตั้งใจเพื่อขึ้นพิชิตยอด Summit
แบบที่ 2 : 3 วัน 2 คืน (จขกท.เลือกแบบที่2)
แบบที่ 3 : 4 วัน 3 คืน (แนะนำคนถ้ามีเวลาและร่างกายไม่ถึกพอให้เลือกแบบที่ 3 กำลังดีเหมาะสม)
ทริปนี้ด้วยความชะล่าใจเราเลือกแบบที่ 2 ประกอบกับเวลาเรามีจำกัด จึงตัดสินใจเลือกแบบ 2 และเลือกเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดคือเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Sembalan ที่ระดับความสูง 1,100 เมตร
ราคาทริปอยู่ที่ 225 USD/คน เป็น Deluxe Package รวมที่พักทุกคืน (ไม่รวมที่พักที่เกาะ Gili Island) อาหารทุกมื้อระหว่าง Trek (เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้) รถรับส่งสนามบิน และรวม Speed Boat ไปรับและส่งยังGili Island
21 Oct : กินข้าวเช้ากันเสร็จก็นั่งรถคล้ายๆ รถขนของประมาณชั่วโมงก็ถึงจุดปล่อยตัวเดิน เราเดินเลาะหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ก็มาถึงทุ่งโล่ง เห็นภูเขาก้อนใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้า วันนี้ฟ้าดีไม่มีเมฆปกคลุมเลยเห็นยอดรินจานี บนนั้นเหรอที่เราต้องเดินขึ้นไป ไหวแหละวะ (คิดในใจ) เริ่มเดินนี่ร้อนเอาเรื่อง ร้อนมาก
ร้อนสุดๆ ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย
ภาพจากโรงแรมที่เราพักมองไปจะเห็นยอดรินจานีอยู่ไกลๆ (ยอดทางซ้ายมือ)
ระหว่างทางจะเห็นยอดรินจานีตั้งตระหง่านท้าทายเรา
ระหว่างนั่งรถ เห้อ! มาทำอะไรเนี้ย...... ดูเครียดไปนะ
ถ่ายเก็บไว้หน้าตาก่อนเริ่มเดินดูสดใส
ช่วงแรกจะยังไม่ชันมาก เดินไปเรื่อยๆ และจะมีพี่วินมอเตอร์ไซด์มาขับยั่วๆ เรียบๆ เคียงๆ เผื่อมีใครจะเรียกใช้ จำราคาไม่ได้แล้ว แต่แพงอยู่เหมือนกัน ไม่ขึ้นหรอกเสียหน้าแย่เลยเชอะ!!
ตอนยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง
ทางเริ่มต้นยังไม่ชัน เดินได้เป็นจังหวะไป แต่ค่อนข้างร้อนมาก
ลูกหาบพวกนี้ขาเตะพวกเราน็อคได้เลยภายในครั้งเดียว
แวะกินข้าวเที่ยงโดยมี Porter เป็นพ่อครัวให้พวกเราด้วย ฝีมือดีมากขอบอก หรือไม่ก็เหนื่อย + หิว 555+ ช่วงบ่ายแรงหมด ทางเริ่มชันขึ้น เดินๆ อยู่ มีป้าชาวยุโรปวิ่งแซงกลุ่มพวกเราไปเฉยเลย แข็งแรงมาก ซึ่งเราต้องไปให้ถึง Crater rim1 ที่พักกางเต๊นท์ของเราก่อนค่ำเพื่อถ่ายรูปช่วง Magical time มีเพื่อนเราบางคนเดินจนรองเท้าขาด (อาจเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาพร้อม) อันนี้ฝากเพื่อนๆ ตรวจสอบรองเท้าให้ดีๆ ก่อนมา เพื่อนบางคนเป็นตะคิว ส่วนจขกท.เดินได้เรื่อยๆ แต่เหนื่อยมากขายังไม่มีอาการของการเจ็บ เวลา 17.30 น.ก็ถึง Crater rim จุดพักกางเต๊นท์ พาขา 2 ข้างปีนตะเกียดตะกายขึ้นไปโดยมีไกด์คอยตะโกนให้กำลังใจอีกนิดนึง อีกนิดนึง พอขาแตะปุ๊บร้องไห้น้ำตาแตกเลย คือมันเหนื่อยมากจริงๆ ไกด์เดินมาตบไหล่แล้วบอกเราว่า “Don’t cry keep your tear, you will cry tomorrow.” ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพรุ่งนี้จะอำมหิตกว่านี้อีกเหรอวะ ตอนมาถึงลูกหาบกางเต๊นรอไว้ให้เรียบร้อย ส้วมของเราก็ขุดหลุมไว้ให้เรียบร้อย เป็นส้วมธรรมชาติ มีผ้าใบขึงสีด้านล้อมรอบ บริเวณรอบๆ ค่อนข้างสกปรกขยะเยอะมาก ต้องช่วยกันดูแลหน่อยนะคะ ตอนนอนในเต๊นท์ดึกๆ จะได้ยินเสียงหนูวิ่งอยู่ด้านนอก กลัวมันเข้ามามากๆ T_T แต่ความมืดและความเหนื่อยล้าทำให้หลับปุ๋ยทำลายความกลัวไปหมดสิ้น ปล.คืนนี้ได้ออกมาถ่ายดาวบนฟ้าด้วย
ระหว่างทางจะไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา
เพื่อนคนนี้ที่รองเท้าขาด
เราแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่
ตอนถึง Crater rim1 Plawangan Sembalun สูงประมาณ 2,639 m จะได้แสงสวยๆ แบบนี้
ความสูงนี้ที่แรกมากับหยาดเหงื่อและน้ำตา
เหมือนอยู่ในอวกาศ
ขอไปต่อใน Comment นะคะ
Rinjani ชีวิตนี้มีโอกาสต้องกลับไปอีกครั้ง ..........................
สวัสดีค่ะ สืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19 เลยพอมีเวลาเขียนบันทึกประสบการณ์ ได้โอกาสขอแชร์เรื่องราวการเดิน Trekking ที่ Rinjani ราชินีแห่งเกาะ Lombok จริงๆ ทริปนี้ตั้งแต่ปี 2017 แล้ว (ก่อนแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อปี 2018) ยังไงจะพยายามนึกความลำบากและความทรมานบนความทรงจำสีจางๆ ออกมาแชร์เพื่อนๆ กันเผื่อไว้เป็นประโยชน์ใครที่กำลังจะจัดทริปไปเที่ยวหลังหมดการระบาดของไวรัสนะคะ ทริปนี้ประทับใจตรงที่เป็นครั้งแรกของการเดิน Trekking ในชีวิต ปกติเป็นคนชอบเดินอยู่แล้ว แต่ไม่เคยรู้ซึ้งเลยว่าการเดิน Trekking ที่เดินขึ้นเขาความชันเกือบ 90 องศา และไม่มีร้านให้ชอปปิ้งอยู่ 2 ข้างทาง มันช่างต่างเหลือเกิน ทำให้คิดว่าการออกกำลังกายที่เตรียมตัวมาด้วยการว่ายน้ำก็พอแล้ววะ นี่ไงเราก็ออกกำลังกายเตรียมพร้อมร่างกายแล้วนะเฟร้ย ซึ่งเราคิดผิดอย่างมหันต์ มันคือการเดินที่อำมหิตสำหรับพวกมนุษย์กลายพันธ์ และมนุษย์อัลตร้าแมน ที่ร่างกายต้องฝึกฝนและเตรียมพร้อมมาอย่างดี ใครจะมาขึ้น RINJANI แนะนำให้ออกกำลังกายโดยการวิ่งอย่างน้อยสัปดาห์ละ15-20 กิโลเมตร เพื่อให้ขาแข็งแรงเป็นเหล็กไหลได้ยิ่งดี
ครั้งนี้เราหลอกสมาชิกเพื่อนไปได้รวมตัวกันได้ 5 คน โดนหว่านล้อมให้มาด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็คาถา แถมเงินให้อีกต่างหาก เพื่อให้ได้ออกเดินทาง แต่ว่าคิดดอกเบี้ยทีหลัง 555+
การเดินทางเข้าประเทศอินโดนีเซีย ก็ชิว ๆ ไม่ต้องทำวีซ่า เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชีย รักคุณเท่าฟ้า แฮร่!!! คนละสโลแกนละ ทริปนี้เราแบกเป้ขึ้นบ่าออกเดินทางตั้งแต่ 19 – 26 ตุลาคม แผนการเดินทางของเราตั้งใจพิชิต Rinjani’s summit ก่อนจากนั้นก็ไปพักผ่อนที่เกาะ Gili Island ต่อแช่น้ำสบายๆ ทานอาหารทะเลจิบเบียร์ชิวๆ ลืมเรื่องงานและมองทะเลเงียบๆ อยู่กับตัวเองในช่วงเวลาไม่กี่วัน มาดูแผนการเดินทางของเราดีกว่าเริ่มเพ้อเจ้อไปละ
19 Oct (Day1) : สายการบินแอร์เอเชีย AK895 ออกเดินทาง 23.10 – 2.30 น. (ดอนเมือง – กัวลาลัมเปอร์)
20 Oct (Day2) : ต่อเครื่องที่สนามบินKUL สายการบินแอร์เอเชีย AK308 ออกเดินทาง 8.35 – 11.45 น. (KUL – LOP)
21 Oct (Day3) : Sembalun Village trek to Crater Rim Plawangan Sembalun (2,639 m)
22 Oct (Day4) : Trek to Rinjani’s summit (3,726 m) – Senaru Crater Rim camp2 (2,641 m)
23 Oct (Day5) : Trek to Senaru Village – Gili Island by Private boat
24 Oct (Day6) : Relax day on Gili Island
25 Oct (Day7) : Gili Island – Lombok airport (AK307 LOP – KUL)
26 Oct (Day8) : Kuala Lumpur – DMK สายการบิน AK894 เวลา 21.25 – 22.40 น.
เราติดต่อไกด์โดยตรงด้วยตัวเอง เราเลือกใช้ Herman Trekker บริการดูแลดีมาก มีให้เลือกหลายแบบ ราคาก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและแบบที่เราเลือก และอาหาร เครื่องนอนดีหน่อย
แบบที่ 1 : 2 วัน 1 คืน (อันนี้ขึ้นและลงทางเดิม) ตั้งใจเพื่อขึ้นพิชิตยอด Summit
แบบที่ 2 : 3 วัน 2 คืน (จขกท.เลือกแบบที่2)
แบบที่ 3 : 4 วัน 3 คืน (แนะนำคนถ้ามีเวลาและร่างกายไม่ถึกพอให้เลือกแบบที่ 3 กำลังดีเหมาะสม)
ทริปนี้ด้วยความชะล่าใจเราเลือกแบบที่ 2 ประกอบกับเวลาเรามีจำกัด จึงตัดสินใจเลือกแบบ 2 และเลือกเส้นทางที่ได้รับความนิยมที่สุดคือเริ่มต้นจากหมู่บ้าน Sembalan ที่ระดับความสูง 1,100 เมตร
ราคาทริปอยู่ที่ 225 USD/คน เป็น Deluxe Package รวมที่พักทุกคืน (ไม่รวมที่พักที่เกาะ Gili Island) อาหารทุกมื้อระหว่าง Trek (เครื่องดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้) รถรับส่งสนามบิน และรวม Speed Boat ไปรับและส่งยังGili Island
21 Oct : กินข้าวเช้ากันเสร็จก็นั่งรถคล้ายๆ รถขนของประมาณชั่วโมงก็ถึงจุดปล่อยตัวเดิน เราเดินเลาะหมู่บ้านไปเรื่อยๆ ก็มาถึงทุ่งโล่ง เห็นภูเขาก้อนใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่ตรงหน้า วันนี้ฟ้าดีไม่มีเมฆปกคลุมเลยเห็นยอดรินจานี บนนั้นเหรอที่เราต้องเดินขึ้นไป ไหวแหละวะ (คิดในใจ) เริ่มเดินนี่ร้อนเอาเรื่อง ร้อนมาก
ร้อนสุดๆ ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย
ภาพจากโรงแรมที่เราพักมองไปจะเห็นยอดรินจานีอยู่ไกลๆ (ยอดทางซ้ายมือ)
ระหว่างทางจะเห็นยอดรินจานีตั้งตระหง่านท้าทายเรา
ระหว่างนั่งรถ เห้อ! มาทำอะไรเนี้ย...... ดูเครียดไปนะ
ถ่ายเก็บไว้หน้าตาก่อนเริ่มเดินดูสดใส
ช่วงแรกจะยังไม่ชันมาก เดินไปเรื่อยๆ และจะมีพี่วินมอเตอร์ไซด์มาขับยั่วๆ เรียบๆ เคียงๆ เผื่อมีใครจะเรียกใช้ จำราคาไม่ได้แล้ว แต่แพงอยู่เหมือนกัน ไม่ขึ้นหรอกเสียหน้าแย่เลยเชอะ!!
ตอนยังไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเจออะไรบ้าง
ทางเริ่มต้นยังไม่ชัน เดินได้เป็นจังหวะไป แต่ค่อนข้างร้อนมาก
ลูกหาบพวกนี้ขาเตะพวกเราน็อคได้เลยภายในครั้งเดียว
แวะกินข้าวเที่ยงโดยมี Porter เป็นพ่อครัวให้พวกเราด้วย ฝีมือดีมากขอบอก หรือไม่ก็เหนื่อย + หิว 555+ ช่วงบ่ายแรงหมด ทางเริ่มชันขึ้น เดินๆ อยู่ มีป้าชาวยุโรปวิ่งแซงกลุ่มพวกเราไปเฉยเลย แข็งแรงมาก ซึ่งเราต้องไปให้ถึง Crater rim1 ที่พักกางเต๊นท์ของเราก่อนค่ำเพื่อถ่ายรูปช่วง Magical time มีเพื่อนเราบางคนเดินจนรองเท้าขาด (อาจเพราะไม่ได้เตรียมตัวมาพร้อม) อันนี้ฝากเพื่อนๆ ตรวจสอบรองเท้าให้ดีๆ ก่อนมา เพื่อนบางคนเป็นตะคิว ส่วนจขกท.เดินได้เรื่อยๆ แต่เหนื่อยมากขายังไม่มีอาการของการเจ็บ เวลา 17.30 น.ก็ถึง Crater rim จุดพักกางเต๊นท์ พาขา 2 ข้างปีนตะเกียดตะกายขึ้นไปโดยมีไกด์คอยตะโกนให้กำลังใจอีกนิดนึง อีกนิดนึง พอขาแตะปุ๊บร้องไห้น้ำตาแตกเลย คือมันเหนื่อยมากจริงๆ ไกด์เดินมาตบไหล่แล้วบอกเราว่า “Don’t cry keep your tear, you will cry tomorrow.” ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพรุ่งนี้จะอำมหิตกว่านี้อีกเหรอวะ ตอนมาถึงลูกหาบกางเต๊นรอไว้ให้เรียบร้อย ส้วมของเราก็ขุดหลุมไว้ให้เรียบร้อย เป็นส้วมธรรมชาติ มีผ้าใบขึงสีด้านล้อมรอบ บริเวณรอบๆ ค่อนข้างสกปรกขยะเยอะมาก ต้องช่วยกันดูแลหน่อยนะคะ ตอนนอนในเต๊นท์ดึกๆ จะได้ยินเสียงหนูวิ่งอยู่ด้านนอก กลัวมันเข้ามามากๆ T_T แต่ความมืดและความเหนื่อยล้าทำให้หลับปุ๋ยทำลายความกลัวไปหมดสิ้น ปล.คืนนี้ได้ออกมาถ่ายดาวบนฟ้าด้วย
ระหว่างทางจะไม่มีต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา
เพื่อนคนนี้ที่รองเท้าขาด
เราแวะกินข้าวเที่ยงที่นี่
ตอนถึง Crater rim1 Plawangan Sembalun สูงประมาณ 2,639 m จะได้แสงสวยๆ แบบนี้
ความสูงนี้ที่แรกมากับหยาดเหงื่อและน้ำตา
เหมือนอยู่ในอวกาศ
ขอไปต่อใน Comment นะคะ