ฮัลโหลวว เมื่อหลายวันก่อนตั้งกระทู้รีวิว
สิ่งอบายมุขในญี่ปุ่นแก้เหงาช่วงโควิดไป
แต่กระทู้ดันปลิวหายไปซะแล้ว…
เลยเซ็งๆอยากลองมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ที่มีสาระดูบ้าง
ซึ่งมันมีเหตุมาจากที่โดนถามบ่อยมากๆๆๆๆ เวลาแนะนำตัวกับใครๆว่าทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น
หรือเพื่อนๆหลายคนมักจะแชทมาถามแย๊บๆ ว่าไปได้ยังไงตอนแรกไปเริ่มเรียนภาษาแบบไหน?
พกเงินไปเท่าไหร่? ค่าเทอมแพงไหม? เรียนเป็นยังไง ไปแบบไม่รู้ภาษาอะไรเลยได้หรือเปล่า?
อ่ะเล่าเท้าความนิดหนึ่งนะ
จขกท.เรียนจบมหาลัย ( ปริญญาตรี)ได้ 1 อาทิตย์ก็บินมาเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาในประเทศญี่ปุ่นปั๊ป!!
ซึ่งเป็นหลักสูตร 1 ปี หลังจากนั้นก็ดันได้งานในบริษัทญี่ปุ่นแบบฟลุ๊กๆและทำงานที่นี่มาเป็นปีที่ 4 แล้ว เอ๊ะหรือปีที่ 5 ไม่แน่ใจ5555
ไอ้ตรงจุดเริ่มต้นที่หอบหิ้วกระเป๋ามาเรียนที่ญี่ปุ่นเนี่ย มันขรุกขรักซะยิ่งกว่าทางลูกรังยังไม่ราดถนนยางมะตอยซะอีกเพราะที่บ้านของจขกท.เองก็ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินเหลือเฟือพอที่จะส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศแต่อย่างใด ….
ขอเล่าย้อนเหตุการณ์นั่งไทม์แมทชีนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ณ ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้เรียนจบมหาลัยเอกชนย่านบางบ่อ
จขกทตัดสินใจอยากไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นเลยเพราะไปได้ยินรุ่นน้องที่เรียนเอกภาษาญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า นางเคยไปเรียนคอร์สสั้นๆที่นู่นมา บอกว่าถ้าไปเรียนคอสยาวเนี่ยทำงานพาร์ทไทม์ได้ด้วยนะพี่!
นั่นแหละจ้า กลิ่นเงินจุดประกายความเป็นดาว!!!
รายได้พนง.พาร์ทไทม์ที่ญี่ปุ่นเยอะกว่าเงินเดือนเด็กจบใหม่บ้านเราอีก!
--------------------------------------------------------------------------------
พอรู้ว่าทำงานได้เท่านั้นแหละ ค้นหาข้อมูลเรื่องการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยในญี่ปุ่นแบบจริงจัง
ตอนนั้นก็ได้ข้อมูลมาว่า วีซ่านักเรียนในญี่ปุ่นสามารถทำงานได้จริงอย่างถูกกฎหมาย
โดยมีกฎว่า สามารถทำงานได้อาทิตย์ละไม่เกิน 28 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเป็นช่วงปิดเทอมจะสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้อาทิตย์ละ 40 ชั่วโมง
ค่าแรง 1 ชั่วโมงอยู่ที่ 1,000 เยน
ประมาณ 300 บาท
โอ้โหห คือนั่งเอาเครื่องคิดเลขคำนวนเลยจ้าตอนนั้นว่าถ้าเดือนนึงทำเต็มแม็กซ์
28x4= 112 ชั่วโมง
112 x 1,000เยน = 112,000 เยน
หรือประมาณ 33,600 บาท
ป๊าดดดเด็กจบใหม่ที่นี่ทำไงก็ยังไม่ได้เงินเดือนเท่านี้เลย ตอนนั้นคิดในใจฉันจะไปให้ได้!!!
ตอนนั้นคือขอชื่อโรงเรียนที่น้องเค้าเคยไปเรียนมาอย่างด่วนเลย เพราะคิดไว้ว่าเรียนจบปุ๊ปอยากจะรีบไปเลย
น้องคนนี้เค้าก็แนะนำสถาบันสอนภาษาที่เค้าเคยไปมาให้ โรงเรียนดันอยู่ในเมืองหลวงแสงสีเสียงอย่างโตเกียวอีกต่างหาก โอ้โหยิ่งเพิ่มความอยากไปเข้าไปอีก
อีกวันนึงเลยรีบติดต่อศูนย์ประสานงานของโรงเรียนสอนภาษาในไทยเลย แต่โรงเรียนในไทยก็ดันไม่ได้อยู่กรุงเทพอีก อยู่เชียงใหม่นู่นนน
แต่ด้วยเจ้าหน้าที่ประสานงานดูแลค่อนข้างดีและไม่มีค่านายหน้านู่นนี่เพราะเราติดต่อโรงเรียนโดยตรงเลยเบ็ดเสร็จทางโรงเรียนแจ้งมาว่าสามารถไปได้เลยหลังเราเรียนจบ ซึ่งก็ต้องรีบทำเรื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน ตอนนั้นคือตื่นเต้นมากๆๆ และทางโรงเรียนก็บอกว่าสามารถไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเลยก็ได้ เพราะโรงเรียนที่นู่นมีสอนต้งแต่ระดับต้นเหมือน ก - ฮ
พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นของจขกท.
-----------------------------------
ตัวจขกท.เองพอมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นงูๆปลาๆ เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยปีหนึ่งก็ไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสุขุมวิทแทบทุกวัน พนักงานรุ่นพี่ในร้านคือเป็นเด็กเอกญี่ปุ่นกันหมดพูดญี่ปุ่นกันได้แบบน้ำไหลไฟดับ ลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นคนญี่ปุ่นอีกต่างหาก ไอ้เราก็เน้นครูพักลักจำมาตั้งแต่เริ่มทำงาน พอขึ้นมหาลัยปี 2 ก็เริ่มเห็นทางสว่างว่าถ้าตรูพูดภาษาญี่ปุ่นได้แบบน้ำไหลไฟดับแบบพวกรุ่นพี่อะไรๆมันก็คงจะดี เลยตัดสินใจเลือกเรียนวิชา Minor เป็นภาษาญี่ปุ่น (ตอนนั้นเรียน Major เป็นภาษาอังกฤษ) เอาจริงๆตำราเรียนในมหาลัยก็คือคำศัพท์ที่ใช้ไม่ได้จริง เป็นคำสุภาพคือพอเอาเข้าจริงเวลามาใช้พูดกับคนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ฟังไม่ค่อยออก แต่เราเน้นเนียนเน้นแถทำเหมือนรู้เรื่องตลอดเวลา 555
และช่วงที่ทำงานร้านนี้ก็ทำให้เราพอมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง(ที่คิดเอาไว้ว่าจะเอาไปจ่ายค่าเทอมสำหรับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นนี่แหละ)
ขั้นตอนการทำเรื่องไปเรียนต่อโรงเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น
------------------------------------------------------------
อันนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายตอนที่โรงเรียนส่ง Invocie มาคือ
885,500 เยน บร๊ะจ้าวววววว
270,000 บาท !!!!!
ราคานี้คือค่าเทอม 1 ปี และรวมค่าหอพัก 3 เดือน
ซึ่งหอพักนี่โหดมากกก ห้องเล็กๆแคบๆประมาณไม่ถึง 20 ตรมได้
เป็นเตียงสองชั้น นอนกันห้องละ 3 คน( เดี๋ยวจะมาเล่าความทรหด)
เห็นค่าใช้จ่ายตอนแรกคือซีดมากกก นี่คือสิ่งที่ต้องจ่ายก่อนไป!!!
แล้วพอจ่ายเสร็จยังต้องหาเงินมาใส่ไว้ในบัญชีประมาณ 900,000 บาทเพื่อเป็น statement ในการขอยื่นวีซ่านักเรียน บอกเลยว่าเครียดมากกกก ปรึกษากับแม่ว่าจะเอาไงกันดี..
หนทางสู่การรวบรวมเงินไปจ่ายค่าเทอม
------------------------------------------------
ตอนนั้นจขกท.มีเงินเก็บประมาณ100,000กว่าบาท
จากการทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นเวลาร่วมหลายปี
(คือไปทำงานหลังเลิกเรียนแทบทุกวัน อาทิตย์นึงหยุดแค่วันเดียว)
ส่วนแม่จขกท.ตอนนั้นเพิ่งขายบ้านได้ก็พอมีเงินอยู่นิดหน่อย
แต่รวมยังไงมันก็ไม่พอเป็น statement ถึง 900,000 บาท
เราตัดสินใจปรึกษาเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ซึ่งเค้าก็เป็นคนญี่ปุ่นและสนับสนุนอยากให้เราไปเรียนต่อ เลยให้เงินมายืมเพื่อเอาไปทำ statement ให้ถึง 900,000 บาท
และแล้วเราก็จ่ายค่าเทอมทำวีซ่าผ่านในที่สุด….
การเดินทางผจญภัยในแดนปลาดิบจึงเริ่มขึ้น!!!!
อย่างที่บอกว่าจริงๆอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นเพราะอยากได้ภาษาญี่ปุ่นแล้วก็อยากได้เงินจากการทำพาร์ทไทม์ด้วย แล้วคิดดูแล้วว่า1ปีผ่านไปภาษาเราต้องดีขึ้นแน่ๆถ้าเราทำแต่งานในสภาพแวดล้อมที่มันเป็นญี่ปุ่นล้วนๆ
และจากการคำนวนอะไรหลายๆอย่างเราจะมีที่อยู่ในญี่ปุ่นโดยไม่ต้องจ่ายค่าหอเป็นเวลาถึง 3 เดือน
(เพราะมันรวมไปในค่าเทอมที่จ่ายไปแล้ว) และเงินในบัญชีของแม่และจขกท. ก็ร่อยหรอไปทุกทีคงต้องไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า !! และสุดท้ายจขกท.ตัดสินใจที่จะพกเงินติดตัวไปญี่ปุ่นแค่ 30,000 เยน หรือประมาณ 10,000 บาท ที่เหลือไปหาเอาข้างหน้า!!!!!!
ซึ่งแน่นอนว่าก่อนไปเราวางแผนหาหนทางที่จะได้งานทำตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ไปถึงเลยจ้า!ไม่งั้นอดตายแน่ๆ เงินเท่านี้อยู่ในกรุงเทพยังลำบากเลย แล้วญี่ปุ่นน้ะจ้ะ ค่าครองชีพใช่เล่นๆซะที่ไหน!
สมัยตอนเราทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นคือลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้าประจำมักชอบแจกนามบัตรกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว เราก็เก็บๆๆนามบัตรพวกนั้นไว้หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า(เดี๋ยวจะมาบอกว่ามันมีประโยชน์ยังไง)
และเหมือนสวรรค์เข้าข้าง เจ้าของร้านอาหารที่จขกท.ทำพาร์ทไทม์เค้าเห็นเราเป็นคนอดทน ขยันสู้งานเค้าเลยบอกว่าเค้าจะแนะนำร้านอาหารที่ญี่ปุ่นฝากให้เราไปทำตอนไปที่นู่นให้ซึ่งมันอยู่ในโตเกียวแล้วใกล้กับหอพักพอดี ! เค้าส่งคอนแท็กมาให้พร้อม! และทางนู้นเชื่อใจเจ้าของร้านคนนี้มากเลยนัดวันสัมภาษณ์เมื่อเราไปถึงญี่ปุ่นได้ 3 วัน !!
เดี๋ยวมาเล่าต่อตั้งแต่ตอนขึ้นเครื่องจากไทยจนเท้าเยียบผืนแผ่นดินแดนอุทัยทิพย์ เดินทางไปหอพักยังไง สภาพหอพักโหดแค่ไหน รูมเมทเป็นคนชาติอะไร อละสัมภาษณ์งานได้ไหม จะอดตายหรือกินอะไรตอนไปถึงที่นู่น...เดี๋ยวมาต่อค่า
แชร์ปสก.เรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วยเงินติดตัวแค่30,000 เยน!
สิ่งอบายมุขในญี่ปุ่นแก้เหงาช่วงโควิดไป
แต่กระทู้ดันปลิวหายไปซะแล้ว…
เลยเซ็งๆอยากลองมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ที่มีสาระดูบ้าง
ซึ่งมันมีเหตุมาจากที่โดนถามบ่อยมากๆๆๆๆ เวลาแนะนำตัวกับใครๆว่าทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น
หรือเพื่อนๆหลายคนมักจะแชทมาถามแย๊บๆ ว่าไปได้ยังไงตอนแรกไปเริ่มเรียนภาษาแบบไหน?
พกเงินไปเท่าไหร่? ค่าเทอมแพงไหม? เรียนเป็นยังไง ไปแบบไม่รู้ภาษาอะไรเลยได้หรือเปล่า?
อ่ะเล่าเท้าความนิดหนึ่งนะ
จขกท.เรียนจบมหาลัย ( ปริญญาตรี)ได้ 1 อาทิตย์ก็บินมาเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาในประเทศญี่ปุ่นปั๊ป!!
ซึ่งเป็นหลักสูตร 1 ปี หลังจากนั้นก็ดันได้งานในบริษัทญี่ปุ่นแบบฟลุ๊กๆและทำงานที่นี่มาเป็นปีที่ 4 แล้ว เอ๊ะหรือปีที่ 5 ไม่แน่ใจ5555
ไอ้ตรงจุดเริ่มต้นที่หอบหิ้วกระเป๋ามาเรียนที่ญี่ปุ่นเนี่ย มันขรุกขรักซะยิ่งกว่าทางลูกรังยังไม่ราดถนนยางมะตอยซะอีกเพราะที่บ้านของจขกท.เองก็ไม่ได้ร่ำรวยมีเงินเหลือเฟือพอที่จะส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศแต่อย่างใด ….
ขอเล่าย้อนเหตุการณ์นั่งไทม์แมทชีนไปเมื่อ 4 ปีก่อน ณ ตอนนั้นเป็นช่วงใกล้เรียนจบมหาลัยเอกชนย่านบางบ่อ
จขกทตัดสินใจอยากไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่ประเทศญี่ปุ่นเลยเพราะไปได้ยินรุ่นน้องที่เรียนเอกภาษาญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า นางเคยไปเรียนคอร์สสั้นๆที่นู่นมา บอกว่าถ้าไปเรียนคอสยาวเนี่ยทำงานพาร์ทไทม์ได้ด้วยนะพี่!
นั่นแหละจ้า กลิ่นเงินจุดประกายความเป็นดาว!!!
รายได้พนง.พาร์ทไทม์ที่ญี่ปุ่นเยอะกว่าเงินเดือนเด็กจบใหม่บ้านเราอีก!
--------------------------------------------------------------------------------
พอรู้ว่าทำงานได้เท่านั้นแหละ ค้นหาข้อมูลเรื่องการทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยในญี่ปุ่นแบบจริงจัง
ตอนนั้นก็ได้ข้อมูลมาว่า วีซ่านักเรียนในญี่ปุ่นสามารถทำงานได้จริงอย่างถูกกฎหมาย
โดยมีกฎว่า สามารถทำงานได้อาทิตย์ละไม่เกิน 28 ชั่วโมง แต่ถ้าหากเป็นช่วงปิดเทอมจะสามารถทำงานพาร์ทไทม์ได้อาทิตย์ละ 40 ชั่วโมง
ค่าแรง 1 ชั่วโมงอยู่ที่ 1,000 เยน
ประมาณ 300 บาท
โอ้โหห คือนั่งเอาเครื่องคิดเลขคำนวนเลยจ้าตอนนั้นว่าถ้าเดือนนึงทำเต็มแม็กซ์
28x4= 112 ชั่วโมง
112 x 1,000เยน = 112,000 เยน
หรือประมาณ 33,600 บาท
ป๊าดดดเด็กจบใหม่ที่นี่ทำไงก็ยังไม่ได้เงินเดือนเท่านี้เลย ตอนนั้นคิดในใจฉันจะไปให้ได้!!!
ตอนนั้นคือขอชื่อโรงเรียนที่น้องเค้าเคยไปเรียนมาอย่างด่วนเลย เพราะคิดไว้ว่าเรียนจบปุ๊ปอยากจะรีบไปเลย
น้องคนนี้เค้าก็แนะนำสถาบันสอนภาษาที่เค้าเคยไปมาให้ โรงเรียนดันอยู่ในเมืองหลวงแสงสีเสียงอย่างโตเกียวอีกต่างหาก โอ้โหยิ่งเพิ่มความอยากไปเข้าไปอีก
อีกวันนึงเลยรีบติดต่อศูนย์ประสานงานของโรงเรียนสอนภาษาในไทยเลย แต่โรงเรียนในไทยก็ดันไม่ได้อยู่กรุงเทพอีก อยู่เชียงใหม่นู่นนน
แต่ด้วยเจ้าหน้าที่ประสานงานดูแลค่อนข้างดีและไม่มีค่านายหน้านู่นนี่เพราะเราติดต่อโรงเรียนโดยตรงเลยเบ็ดเสร็จทางโรงเรียนแจ้งมาว่าสามารถไปได้เลยหลังเราเรียนจบ ซึ่งก็ต้องรีบทำเรื่องภายในเวลาไม่กี่เดือน ตอนนั้นคือตื่นเต้นมากๆๆ และทางโรงเรียนก็บอกว่าสามารถไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเลยก็ได้ เพราะโรงเรียนที่นู่นมีสอนต้งแต่ระดับต้นเหมือน ก - ฮ
พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นของจขกท.
-----------------------------------
ตัวจขกท.เองพอมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นงูๆปลาๆ เพราะตั้งแต่เรียนมหาลัยปีหนึ่งก็ไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแถวสุขุมวิทแทบทุกวัน พนักงานรุ่นพี่ในร้านคือเป็นเด็กเอกญี่ปุ่นกันหมดพูดญี่ปุ่นกันได้แบบน้ำไหลไฟดับ ลูกค้าส่วนใหญ่ 90% เป็นคนญี่ปุ่นอีกต่างหาก ไอ้เราก็เน้นครูพักลักจำมาตั้งแต่เริ่มทำงาน พอขึ้นมหาลัยปี 2 ก็เริ่มเห็นทางสว่างว่าถ้าตรูพูดภาษาญี่ปุ่นได้แบบน้ำไหลไฟดับแบบพวกรุ่นพี่อะไรๆมันก็คงจะดี เลยตัดสินใจเลือกเรียนวิชา Minor เป็นภาษาญี่ปุ่น (ตอนนั้นเรียน Major เป็นภาษาอังกฤษ) เอาจริงๆตำราเรียนในมหาลัยก็คือคำศัพท์ที่ใช้ไม่ได้จริง เป็นคำสุภาพคือพอเอาเข้าจริงเวลามาใช้พูดกับคนญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ ฟังไม่ค่อยออก แต่เราเน้นเนียนเน้นแถทำเหมือนรู้เรื่องตลอดเวลา 555
และช่วงที่ทำงานร้านนี้ก็ทำให้เราพอมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง(ที่คิดเอาไว้ว่าจะเอาไปจ่ายค่าเทอมสำหรับไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่นนี่แหละ)
ขั้นตอนการทำเรื่องไปเรียนต่อโรงเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น
------------------------------------------------------------
อันนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายตอนที่โรงเรียนส่ง Invocie มาคือ
885,500 เยน บร๊ะจ้าวววววว
270,000 บาท !!!!!
ราคานี้คือค่าเทอม 1 ปี และรวมค่าหอพัก 3 เดือน
ซึ่งหอพักนี่โหดมากกก ห้องเล็กๆแคบๆประมาณไม่ถึง 20 ตรมได้
เป็นเตียงสองชั้น นอนกันห้องละ 3 คน( เดี๋ยวจะมาเล่าความทรหด)
เห็นค่าใช้จ่ายตอนแรกคือซีดมากกก นี่คือสิ่งที่ต้องจ่ายก่อนไป!!!
แล้วพอจ่ายเสร็จยังต้องหาเงินมาใส่ไว้ในบัญชีประมาณ 900,000 บาทเพื่อเป็น statement ในการขอยื่นวีซ่านักเรียน บอกเลยว่าเครียดมากกกก ปรึกษากับแม่ว่าจะเอาไงกันดี..
หนทางสู่การรวบรวมเงินไปจ่ายค่าเทอม
------------------------------------------------
ตอนนั้นจขกท.มีเงินเก็บประมาณ100,000กว่าบาท
จากการทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นเวลาร่วมหลายปี
(คือไปทำงานหลังเลิกเรียนแทบทุกวัน อาทิตย์นึงหยุดแค่วันเดียว)
ส่วนแม่จขกท.ตอนนั้นเพิ่งขายบ้านได้ก็พอมีเงินอยู่นิดหน่อย
แต่รวมยังไงมันก็ไม่พอเป็น statement ถึง 900,000 บาท
เราตัดสินใจปรึกษาเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ทำงานพาร์ทไทม์อยู่ซึ่งเค้าก็เป็นคนญี่ปุ่นและสนับสนุนอยากให้เราไปเรียนต่อ เลยให้เงินมายืมเพื่อเอาไปทำ statement ให้ถึง 900,000 บาท
และแล้วเราก็จ่ายค่าเทอมทำวีซ่าผ่านในที่สุด….
การเดินทางผจญภัยในแดนปลาดิบจึงเริ่มขึ้น!!!!
อย่างที่บอกว่าจริงๆอยากไปเรียนที่ญี่ปุ่นเพราะอยากได้ภาษาญี่ปุ่นแล้วก็อยากได้เงินจากการทำพาร์ทไทม์ด้วย แล้วคิดดูแล้วว่า1ปีผ่านไปภาษาเราต้องดีขึ้นแน่ๆถ้าเราทำแต่งานในสภาพแวดล้อมที่มันเป็นญี่ปุ่นล้วนๆ
และจากการคำนวนอะไรหลายๆอย่างเราจะมีที่อยู่ในญี่ปุ่นโดยไม่ต้องจ่ายค่าหอเป็นเวลาถึง 3 เดือน
(เพราะมันรวมไปในค่าเทอมที่จ่ายไปแล้ว) และเงินในบัญชีของแม่และจขกท. ก็ร่อยหรอไปทุกทีคงต้องไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า !! และสุดท้ายจขกท.ตัดสินใจที่จะพกเงินติดตัวไปญี่ปุ่นแค่ 30,000 เยน หรือประมาณ 10,000 บาท ที่เหลือไปหาเอาข้างหน้า!!!!!!
ซึ่งแน่นอนว่าก่อนไปเราวางแผนหาหนทางที่จะได้งานทำตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ไปถึงเลยจ้า!ไม่งั้นอดตายแน่ๆ เงินเท่านี้อยู่ในกรุงเทพยังลำบากเลย แล้วญี่ปุ่นน้ะจ้ะ ค่าครองชีพใช่เล่นๆซะที่ไหน!
สมัยตอนเราทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นคือลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้าประจำมักชอบแจกนามบัตรกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว เราก็เก็บๆๆนามบัตรพวกนั้นไว้หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ในภายภาคหน้า(เดี๋ยวจะมาบอกว่ามันมีประโยชน์ยังไง)
และเหมือนสวรรค์เข้าข้าง เจ้าของร้านอาหารที่จขกท.ทำพาร์ทไทม์เค้าเห็นเราเป็นคนอดทน ขยันสู้งานเค้าเลยบอกว่าเค้าจะแนะนำร้านอาหารที่ญี่ปุ่นฝากให้เราไปทำตอนไปที่นู่นให้ซึ่งมันอยู่ในโตเกียวแล้วใกล้กับหอพักพอดี ! เค้าส่งคอนแท็กมาให้พร้อม! และทางนู้นเชื่อใจเจ้าของร้านคนนี้มากเลยนัดวันสัมภาษณ์เมื่อเราไปถึงญี่ปุ่นได้ 3 วัน !!
เดี๋ยวมาเล่าต่อตั้งแต่ตอนขึ้นเครื่องจากไทยจนเท้าเยียบผืนแผ่นดินแดนอุทัยทิพย์ เดินทางไปหอพักยังไง สภาพหอพักโหดแค่ไหน รูมเมทเป็นคนชาติอะไร อละสัมภาษณ์งานได้ไหม จะอดตายหรือกินอะไรตอนไปถึงที่นู่น...เดี๋ยวมาต่อค่า