หลังจากที่รอคอยกันครบรอบ 18 เดือน ตามรอบของสินค้า iPad Pro ผมยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการออกสินค้าที่น่าผิดหวังที่สุด

ปัญหาที่มีไม่แก้ เช่น เครื่องงอง่าย แต่เพิ่มนิดๆ หน่อยๆ แล้วใช้ไม้ตาย ลดราคาสินค้าแทน เพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน

เริ่มต้นแกะกล่อง ภายในกล่องมี เครื่อง iPad สายชาร์จ 18W เหมือน iPhone 11 Pro และคู่มือ

สเปคเครื่อง CPU A12Z ที่ปลดล็อคการ์ดจอ 7core เป็น 8core จาก A12X
ทำให้เรื่องปัญหาความร้อนจนทัชสกรีนไม่ติดยังมีเหมือนรุ่น iPad Pro 2018 


เรื่องการงอ ขอไม่ทดสอบ เพราะผมแกะกล่องมาก็ร็สึกได้ว่า iPad ของผม มีการงอเล็กน้อย มาตั้งแต่โรงงาน
ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ทาง Apple เองก็ยอมรับ และบอกใช้งานได้ปกติ
https://support.apple.com/en-us/HT209403
https://www.iphonemod.net/apple-address-ipad-pro-2018-bending-document.html

แน่นอน เพื่อกันไว้ดีกว่าแก้ และป้องกันราคาตกตอนขายมือ 2
ผมจึงเตรียมเงินซื้อประกันเพิ่ม 4500 บาท ในวันที่จะครบ 60 วัน หลังจากวันที่ซื้อ
เพื่อที่ตอนขายต่อมือสอง นำมาเปลี่ยนเครื่องใหม่ในราคา 1600 บาท เท่านั้น 
มองมุมกลับ หากผ่านไป 2 ปี ราคา iPad Pro 2020 ตอนนั้น
คงไม่ต่างกับ iPad Pro 2017 ในตอนนี้ ที่ราคามือ 1 จากร้าน Banana IT เพียง 19,990 บาท
ซึ่งถ้าดูแลดี ขาย iPad Pro สภาพดี ก็กำไรกว่าซื้อประกัน แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้กับ iPad รุ่นที่งอง่ายที่สุดในโลก
มีประกันไว้อุ่นใจกว่าครับ 


ผมจ่ายเงินซื้อ iPad Pro 11 นิ้ว gen2 วันที่ 31/3/2020 เวลา 10:27 น. สินค้าส่งถึงมือวันที่ 9/4/2020 เวลา 15:24 น.
แล้วทำการรีวิว Unbox ที่ https://www.facebook.com/64TKTV/videos/150385546385529/

อุปสรรค์ตอนสั่งซื้อเกิดขึ้น เนื่องจากบัตรเดบิตกสิกรของผม สั่งซื้อสินค้าหน้าเว็บ apple.com/th หรือในแอพ Apple Store ได้เพียง 30,000 บาท
จึงตัดสินใจสั่งซื้อ Apple Pencil 2 มูลค่า 4,490 บาท กับ iPad Pro 2020 มูลค่า 27,900 บาท แยกบิล ผลคือ
ไม่สามารถซื้อประกัน iPad Pro 4,500 บาท คุ้มครองอุบัติเหตุ 2 ปี แล้วครอบคลุมถึง Apple Pencil 2 ได้ 2 ปีเช่นกัน
ซึ่งถ้าเกิดอุบัติเหตุ iPad Pro เสียหาย พร้อมกับ Apple Pencil 2 เวลาเคลม เสียค่า iPad Pro 1,600 บาท
และ Apple Pencil 1,000 บาท แต่กรณีแยกบิลไม่มีประกัน Apple Pencil 2 มีเพียง iPad Pro เท่านั้น
ราคาอิงจาก https://www.apple.com/th/support/products/ipad/

ส่วน Apple Pencil 2 หากเกิดอุบัติเหตุ 
ต้องซื้อใหม่ในราคา 4,490 บาทเต็ม
แต่ถ้าแบตเสื่อมต่ำกว่า 80% อยากเปลี่ยนแบต เสียเงิน 1,100 บาท
แต่สภาพของ Apple Pencil 2 ต้องอยู๋ในสภาพที่ดี ไม่มีรอยตก กระแทกใดใด
โดยประกันเดิมนับ 1 ปี ของทุกชิ้นเริ่มต้นนับวันที่ได้รับสินค้า
เช็คราคาค่าเคลมนอกประกันได้ที่
https://support.apple.com/th-th/ipad/repair/service

สุดท้าย ผมซื้อ ปากกาเขียนขอเหน็บคอเสื้อได้ ราคา 7 บาทจาก Shopee ก็พอ ไม่ต้องใช้แบต

ไม่ต้องกังวลเรื่องเศษฝุ่นติดแถบแม่เหล็กด้านข้าง
เพราะเคยไปเคลม Airpods Pro แล้วมีผู้ที่มาเคลมสินค้าที่ Apple Store Iconsiam
ร้องขอเปลี่ยน iPad กับ Apple Pencil 2 เนื่องจากมีฝุ่นติดจำนวนมาก
แต่ไม่ได้ซื้อสินค้าในบิลเดียวกัน จึงไม่สามารถเคลมได้ และทนใช้ในแบบนั้นต่อไป หรือขายตามสภาพ

ซึ่งทาง Apple Store แนะนำว่าให้หาพลาสติกมาแปะด้านข้าง เมื่อมีฝุ่นติดมากพอให้ลอกทิ้งแล้วแปะใหม่

ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=hUBsxCcJeUc

เรื่องฝุ่นติด Apple pencil 2 ผมดูมาจากที่
https://www.youtube.com/watch?v=UuxQ3Y9mZnc

ส่วนเรื่องสีดำลอกง่ายพบมาตั้งแต่ iPhone 7 Plus สีดำแบบใหม่
มาถึง iPad Pro 2018 ก็ยังพบ ผมจึงตัดสินใจซื้อสีขาว หรือสี เงิน
แต่ไม่ซื้อสีดำ หรือสี เทาสเปซเกรย์
เพราะเนื้อข้างในของวัสดุ iPad Pro รุ่นนี้ หากใช้สีดำ แล้วลอกจะเป็นสีเงิน
แต่ถ้าใช้สีเงินแล้วมีรอย จะมองเห็นรอยได้ยากเพราะเนื้อข้างในเป็นสีเงินครับ

https://www.reddit.com/r/iPadPro/comments/agmvnf/anyone_else_have_scratches_along_the_side_of/

ด้านสเปค CPU ตามข่าวคือเพียงแค่ปลดล็อค การ์ดจอ จาก 7 core เป็น 8 core แต่ CPU เท่าเดิม
จึงทำให้เรื่องความร้อนยังคงมีอยู่ แนะนำทำงานในห้องแอร์ที่เปิดพัดลม มีอากาศถ่ายเท
ถ้าซีเรียสเรื่องงอ แนะนำ ใช้งานเพียงแค่ในห้องทำงาน ไม่ใส่เป้ หรือพกไปไหน ดีที่สุดครับ

เรื่อง RAM ให้มา 6GB เหมือนกับรุ่น iPad Pro 2018 ความจุ 1TB ซึ่งพอใช้งานพบกว่า เหลือพื้นที่ RAM จำนวนมาก
ซึ่ง RAM ของ iPad Pro ตั้งแต่ Generation แรก ปี 2015 ก็ให้ RAM มา 4GB ตั้งแต่สมัยนั้น
ยกเว้น iPad Pro 2016 จอ 9.7 นิ้ว ที่มี RAM เพียง 2GB
ซึ่งตรง RAM ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผมตัดสินใจซื้อไม่ยาก
แต่รู้สึกเสียดาย ที่ iPad Pro รุ่นนี้ ความจุ 1TB
ไม่ได้เพิ่ม RAM เป็น 8GB ตาม Samsung Galaxy Tab S6 ที่มีจำหน่ายทั้ง RAM 6GB และ 8GB ครับ

ส่วนหน้าจอ เหมือนกับ iPad Pro 2018 ทุกอย่าง
และเป็นจอแบบ IPS LCD ไม่ใช่ OLED แบบ iPhone X, XS และ 11 Pro
พร้อมกับหน้าจอ ProMotion ที่รีเฟรชเรต 120Hz ที่มีมาตั้งแต่ iPad Pro 2017 gen2 (10.5นิ้ว กับ 12.9 นิ้วรุ่นที่ 2)
ทำให้เล่นเกม Fortnite ได้สูงสุด 120fps


คะแนน Antutu Version 8.0.8 ผมทำได้ 708,084 คะแนน


สเปคโดยละเอียดจากหน้าเว็บ Apple ดูได้ที่
iPad Pro 2020 https://www.apple.com/th/ipad-pro/specs/
iPhone 11 https://www.apple.com/th/iphone-11/specs/