เอะอะก็บิน EP.1 : รีวิว Business class – Turkish Airlines  Bangkok (BKK)-New York City (JFK)
ฟรี Wifi บนเครื่อง มีเชฟบนเครื่อง (Chef on board) ดีมาก ชอบมาก ประทับใจมาก (ก.ไก่ หมื่นล้านตัว) ชอบจนไม่อยากเปลี่ยนสายการบินอีกแล้ววววว...ไม่ได้เว่อร์ อันนี้พูดจริง ฮ่าฮ่าฮ่า แถมถ้าใครสะสม mile ก็ยังได้ mile เยอะอีก

**blog นี้เขียน และให้ความเห็นจากผู้รีวิวเท่านั้นนะคะ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสายการบินแต่อย่างใดค่ะ / หากมีการสะกดผิด หรือหลักไวยากรณ์ผิด ทั้งไทยและอังกฤษ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

 
ขอออกตัวก่อนว่าอันนี้เป็น blog แรกที่ผู้รีวิวตัดสินใจทำเพราะ Covid-19 ระบาดเว่อ ทำให้ว่างสุดๆ (จริงๆคือเพิ่งกลับมาจาก New York และต้อง Quarantine ตัวเอง 14 วันค่ะ)

การเดินทาง Route นี้ค่อนข้างยาวนานเลยค่ะ จุดหมายคือ New York City ประเทศสหรัฐอเมริกา
** ผู้รีวิวเริ่มเดินทางจากภูเก็ตค่ะ แต่ขออนุญาตข้ามการรีวิว Flight ภูเก็ตนะคะ เพราะเป็น domestic flight ธรรมดาค่ะ
 

Flight1 : TK 65
Route : Bangkok/BKK - Istanbul/IST
Departure Time : 22.35
Arrival Time : 5.45 (+1)
Duration : 10hours 25mins
Seat : 2A
Class : Business
Aircraft type : Airbus 330-300
 
Flight2 : TK 3
Route : Istanbul/IST – New York/JFK 
Departure Time : 8.35
Arrival Time : 12.30
Duration : 10.30hours
Seat : 2A
Class : Business
Aircraft type : Boeing 787-9
 
Check-in : 10/10
Ground Experience & Pre-boarding : 7/10
Food : 9.5/10
Beverage : 10/10
Service : 9.5/10
Cabin & Seat : 9/10
Aircraft : 9.5/10
Lounge : 10/10
 
Overall Impression
ถ้าถามว่าอนาคตอยากใช้บริการอีกรึเปล่า ? ตอบเลยว่าใช้อีกแน่นอนค่ะ เพราะโดยรวมค่อนข้างประทับใจมากๆ
- part ที่ขอบมากๆคือ Turkish Airlines มี Wifi on board ทำให้ long haul flight ไม่น่าเบื่ออย่างที่เคยเป็นมา (ดีกว่าหลายๆสายการบินมากๆ)
และอินเตอร์เน็ตก็เร็วพอใช้ได้เลย
- ที่ชอบมากๆ อีกก็คงเป็นเรื่องของอาหารที่อร่อยมากๆ คงเป็นเพราะมี chef on board 
- และถ้าหากใครมีระยะเวลาในการ transit มากกว่า 9 ชั่วโมง (สำหรับ Business class) สามารถขอ free hotel ได้
*** ผู้รีวิวก็ได้นะคะ แต่ว่าไม่ได้ลงในรีวิว

Check-in : วันนี้ออกจากทางจากจังหวัดภูเก็ตค่ะ สามารถ check through กระเป๋าไปถึง New York City ได้เลยค่ะ (Phuket > Bangkok > Istanbul > New York) เพราะการไทยบิน และ Turkish Airlines เป็นสายการบินพันธมิตร (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ Interline Partner ของแต่ละสายการบินอีกด้วย ซึ่งการบินไทยมี Interline partner กับสายการบินจำนวนมากมายค่ะ) Check-in counter รวดเร็วดีค่ะ เพราะการบินไทยแยกให้สำหรับผู้โดยสายชั้น Business class หรือที่การบินไทยเรียกว่า Royal Silk Class ค่ะ


ผู้รีวิวขออนุญาตแนะให้ผู้เดินทางถ่ายรูป 1.กระเป๋า 2.Baggage tag ก่อนออกเดินทางค่ะ เพราะหากมีปัญหากับกระเป๋าเดินทาง สิ่งเหล่านั้นจะมีความสำคัญขึ้นมากเลยค่ะ (ซึ่งก็เกิดปัญหาจริงๆ ล้อหลุดไปเลยจ้า)


พร้อมแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันค่ะ ไปก่อนนะภูเก็ต เจอกันอีก 10 วัน



เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ไปรับ Boarding Pass ที่เหลืออีกสองใบจาก Turkish Airlines Transfer Desk ใช้ระยะเวลาไม่นานเลยค่ะ
แต่ขอบอกว่าระยะทางจาก Domestic Arrival Hall ไป International Departure Hall ค่อนข้างไกลค่ะ หากมีระยะเวลาในการ Transfer ไม่นาน แนะนำให้ให้แจ้งลูกเรือตั้งแต่ Flight ก่อนหน้าค่ะ


ได้มาแล้ว Boarding Pass ไป New York และที่สำคัญไม่มี SSSS คือดีใจมากๆ กลัวติด ตม น้อยลง และเสียเวลาที่ immigration น้อยลง สำหรับคนที่เคยเดินทางไปอเมริกา หรือกำลังจะเดินทางไป ทุกคนคงภาวนาให้เวลา check in แล้วไม่มี SSSS บน Boarding Pass
**SSSS = Secondary Security Screening Selection


เมื่อขึ้นมาบนเครื่อง ลูกเรือก็จะนำเมนูมาแจก (มีทั้งเมนูอาหาร Appetizer, Main Course และ Dessert  รวมถึง Wine List ให้เลือก) ผู้รีวิวต้องขออภัย เนื่องจากเป็น Flight กลางคืน บวกกับความเหนื่อยเพราะตื่นเช้า เมื่อเลือกเมนูอาหารเช้าให้ chef เสร็จ ก็หลับทันที ไม่ได้ถ่ายอะไรมากมายค่ะ


Turkish Airlines เลือกใช้ Amenity Kit จาก Versace ค่ะ Packaging ดูดีมาก ที่ชอบที่สุดคือถุงเท้าค่ะ นุ่มสุดๆ (ของผู้ชาย และผู้หญิงจะแตกต่างกันนะคะ)


บนเครื่องแบบ Airbus 330-330 สามารถปรับที่นั่งเป็นที่นอนแบบ 180 องศาค่ะ สบายมากๆ มีผ้าปูเตียง และผ้าห่มให้ด้วย หลังจากหลับไปประมาณ 7 ชั่วโมง (เกือบตลอด flight) cabin ก็เริ่มเปิดไฟ เพื่อเตรียมให้บริการอาหารเช้า (สังเกตได้ว่าหนังสือที่เตรียมมา ไม่ได้อ่านเลย เพราะหลับตลอด flight ฮ่าฮ่าฮ่า)


ถุงเท้าใน Amenity Kit ใส่สบายสุดๆ ให้คะแนน 10/10


อีกหนึ่งทีเด็ดที่ Turkish Airlines มีให้คือ Wifi On Board ค่ะ ซึ่งจะ Complimentary ให้สำหรับผู้โดยสารชั้น Business class 1024MB สำหรับตัวผู้รีวิวเองคือประทับใจมาก เพราะการที่ต้องบิน long haul flight การมีอินเตอร์เน็ตใช้ถือว่าช่วยได้ค่อนข้างมากค่ะ


อาหารเช้าเริ่มเสริฟค่ะ เริ่มด้วย Banana Smoothie และ Fruit Plate ค่ะ
     

จากนั้นลูกเรือก็เสริฟ Main Breakfast ค่ะ ผู้รีวิวเลือกเป็น Tomato Omelet with Mushroom และปิดท้ายด้วยกาแฟ


เตรียมตัว Landing ค่ะ น่านฟ้าเมือง Istanbul ประเทศตุรกี เวลาประมาณตี 5กว่าๆ อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะเราเพิ่งเดินทางมาเพียงครึ่งทาง


หลังจากผ่าน International Transfer process ก็เข้ามาที่ Lounge ของ Turkish Airlines ค่ะ
Lounge ที่นี่ดีมาก มีห้องอาบน้ำให้ และถ้าหากมีเวลา Transfer มากกว่า 4 ชั่วโมงสามารถติดต่อ counter เพื่อห้องพักได้ค่ะ แต่ถ้าหากเวลา Transit มากกว่า 9 ชั่วโมงสำหรับผู้โดยสาร Business class ทางสายการบิน Turkish Airlines มีบริการ Accommondation ฟรีให้ด้วยค่ะ (ของชั้นประหยัดก็ได้นะคะ แต่รู้สึกว่าต้องมากกว่า 12 ชั่วโมงค่ะ และจะเป็นคนละโรงแรมกัน)

**Transfer counter ไกลอีกแล้ว แต่มีช่องพิเศษสำหรับผู้โดยสาร Business Class ค่ะ ช่วยประหยัดเวลา และ energy ได้ค่อนข้างเยอะค่ะ


ใน Lounge บริการเสริฟอาหาร Hot Dish ด้วยค่ะ คือสั่งจาก chef แล้วเค้าจะปรุงสดๆร้อนๆให้ตรงนั้นเลย


“Ayin tafiri” อาหาตุรกีค่ะ เป็นเนื้อวัวหุ้มด้วยแป้ง topping ด้วย yogurt และซอสเฉพาะค่ะ อร่อยดีค่ะ


ประมาณ 3 ชั่วโมงผ่านไป ได้เวลาขึ้นเครื่องต่อไปยัง New York City ค่ะ Flight นี้ผู้รีวิวนั่งคนเดียว เพราะไม่ได้จองที่นั่งล่วงหน้า และ Flight เต็มค่ะ


พร้อมออกเดินทางค่ะ flight นี้ใช้เครื่องบินแบบ Boeing 787-9 ซึ่งจะไม่มีม่านบังแสง จะมีเพียงแค่ปุ่มกด เพื่อลด-เพิ่มระดับแสง สามารถปรับที่นั่ง เป็นที่นอน นอราบได้ 180 องศาเช่นเดียวกันค่ะ แต่ที่ดีมากกว่าคือให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่ามากๆ สำหรับคนที่เดินทางคนเดียว


หน้าจอค่อนข้างใหญ่เลยค่ะ บนหน้าจอก็จะแสดงข้อมูลการเดินทาง ระยะเวลาที่ใช้เดินทางใน Flight นี้จาก Istanbul – New York City ประมาณ 10.30 ชั่วโมงค่ะ


จากนั้น Chef ก็เอาเมนูมาแจกค่ะ (รอบนี้ไม่หลับแน่นอน) Snack สามารถขอได้จากลูกเรือได้ตลอด Flight ค่ะ ผู้รีวิวชอบกิน Mix Nut มาก


พร้อมออกเดินทางค่ะ


Bye bye Istanbul (เห็นสดใสแบบนั้น หนาวมากนะคะ อากาศประมาณ 3 องศา)


หลังจากเครื่องขึ้นจน Stable แล้ว ลูกเรือนำอาหารเช้ามาเสริฟ มื้อนี้เลือกเป็น Salmon Salad with Cheese เสริฟพร้อมกับ Muesli เครื่องดื่มเลือกเป็น Carrot Juice (อร่อยแบบ 10/10)


หลังจากทางมื้อเช้าเสร็จก็.........นอนอีกแล้ว (ขอโทษอีกครั้งค่ะ ง่วงอีกแล้วอะ) พอตื่นขึ้นมาก็หิวเล็กน้อย เลยขอ Snack จากลูกเรือ เลือกเป็น  Mix Nut และ Carrot Juice ชอบมากกก


หลังจากดูหนัง อ่านหนังสือ และกิน ก็ใกล้ถึง New York City แล้วค่ะ


ประมาณ 2 ชั่วโมงก่อน Landing ลูกเรือนำอาหารมาเสริฟ จริงๆเค้าก็เสริฟตามปกติค่ะ ทั้ง Appetizer, Main Course และ Dessert แต่ไม่ค่อยหิวเลยขอแค่ Tomato Soup และ Appetizer แต่ก็ไม่พลาดของหวาน เลือกเป็น Chocolate Ball ค่ะ


หน้าตาอาหารน่าทานมากเลยใช่มั้ยค่ะ ยังกับไปทาน Fine Dining ก็เค้ามี Chef on Board อะเน่อะ หน้าตา 10/10 รสชาติก็ 10/10 ค่ะ

Salmon และกุ้ง สดมากๆ แถมอร่อยอีกด้วย


อีกประมาณ 30 นาที ก็จะ Landing แล้วค่ะ


ก่อน Landing ค่ะ ภาพจากกล้องนอกเครื่องบิน ให้ความรู้สึก อเมริก๊าาาาา...อเมริกาาาาาา


เห็นมั้ย บอกแล้วว่าให้ถ่ายรูปเอาไว้ ซึ่งถ้าเราพบว่ากระเป๋าเราเสียหาย ให้รีบติดต่อเจ้าหน้าที่เลยค่ะ ข้อมูลที่ต้องใช้ก็คือ ข้อมูลส่วนตัว และที่สำคัญคือ Baggage Tag Number ถ้าเรามีรูปภาพมันจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมากๆ จากนั้นเราก็จะได้ Reference Number ผ่าน Email เพื่อนำไป Claim กับสายการบินหรือประกัน (ขั้นตอนการ claim ประกันก็ไม่ยากค่ะ ถ้าหลักฐานครบ)


ถึง New York City เมืองในฝัน โดยวัสดิภาพค่าาา


ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
หากมีอะไรเสนอ ติ หรือ ชม สามารถ comment ได้เลยค่ะ