สัตว์ที่มีลักษณะโดดเด่นที่สวยงาม

ตั๊กแตนไม้ขีดไฟ หนึ่งในแมลงที่สวยงามที่สุดในโลก



ตั๊กแตนสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Eumastacidae ( ตั๊กแตนไม้ขีดไฟ หรือตั๊กแตนลิง)  เป็นตั๊กแตนที่มีอยู่ด้วยกันหลายสายพันธุ์  สามารถพบได้มากในแถบอเมริกาใต้ ตั๊กแตนพวกนี้จะกินสาหร่าย เฟิร์น ที่อยู่ใกล้กับแหล่งน้ำเป็นอาหาร ตั๊กแตนวงศ์นี้จัดว่ามีสีสันสวยงามอีกสายพันธุ์หนึ่ง  โดยสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกค้นพบนี้ อยู่ในป่าบริเวณประเทศโคลอมเบีย

ที่มา: https://www.ที่สุดในโลก.com/ตั๊กแตนไม้ขีดไฟ.htm
Cr.https://board.postjung.com/1114521 / โพสท์โดย red dot

Onagadori สายพันธุ์ไก่หางยาวจากญี่ปุ่น


Onagadori หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “Long-tailed Chicken” เป็นสายพันธุ์ของไก่ที่มีต้นกำเนิดจากจังหวัดโคจิ ของประเทศญี่ปุ่น ทางญี่ปุ่นได้อนุรักษ์ไก่พันธุ์นี้ไว้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปตัวโตเต็มที่มีน้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม
ตัวผู้จะมีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ลักษณะที่โดดเด่นของไก่สายพันธุ์นี้คือมีหางที่ยาวมากเฉลี่ยอยู่ที่ 80 – 100 เซนติเมตร ในอดีตมีการบันทึกความยาวหางไก่ได้ถึง 13 เมตร และในปี 2013 วัดได้สูงสุดเพียง 3.6 เมตร โดยขนาดของหางที่สั้นลงเรื่อย ๆ นี้อาจเป็นผลมาจากปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม

Cr.http://www.nextsteptv.com/ /onagadori-สายพันธุ์ไก่หางยาวจาก/  by admin

Desert rain frog กบที่มีเสียงร้องเหมือนนกหวีด


นี่คือกบแปลกสายพันธุ์หนึ่งที่มีชื่อสายพันธุ์ว่า Breviceps macropsพวกมันเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Desert rain frog  หรือกบทะเลทราย กบชนิดนี้เป็นกบขนาดเล็กพบได้ในทะเลทรายนามิเบีย รวมถึงแอฟริกาใต้  ตัวของมันอ้วนกลม จมูกสั้น ขาสั้น ลำตัวสีน้ำตาลคล้ายๆ กับสีทรายที่มันอาศัยอยู่ ตลอดทั้งปีชีวิตของพวกมันส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในการจำศีลใต้ผืนทราย ห่อหุ้มตัวเองด้วยเมือกที่ทำจากของเหลวในร่างกาย มันจะขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีฝนตกหรือเช้าสู่ฤดูฝนเท่านั้น 

ความพิเศษของกบทะเลทรายนั้น นอกจากหน้าตาที่ดูบ้องแบ้วน่ารักแล้ว พวกมันยังมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนกบทั่วไป แต่เสียงของกบทะเลทรายนั้นจะคล้ายกับเสียงนกหวีดมาก   มันจะร้องเมื่อมีภัยคุกคามพร้อมกับพองตัวเองใหญ่ขึ้น  กบชนิดนี้ถือเป็นกบที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
 

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ที่มา: https://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/desert-rain-frog.html
ที่มา : Dean Boshoff
Cr.https://board.postjung.com/1059875 / โพสท์โดย red dot

ปลาบาร์เรลอาย (Barreleye Fish)


ปลาบาร์เรลอาย (Barreleye Fish) หรือเรียกกันง่าย ๆ ว่า ปลาหัวใส เป็นปลาน้ำลึกที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลลึก 400-2,500 เมตร ในมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย มีขนาดลำตัวเล็กที่ประมาณ 6 นิ้วเท่านั้น

ส่วนลักษณะเด่นของปลาชนิดนี้ ก็เป็นเหมือนที่เรียกกัน นั่นคือส่วนหัวของมันจะใส มองเห็นอวัยวะภายในใต้อย่างชัดเจน ส่วนลำตัวของมันนั้น จะเป็นสีดำทึบ และลักษณะเด่นที่แปลกอีกอย่างหนึ่ง ก็คือมันจะมีดวงตาที่ใหญ่อยู่ภายในหัวของมัน ซึ่งดวงตานี้ จะมีแนววิสัยมองขึ้นไปด้านบนตามธรรมชาติ เพื่อใช้สำรวจเหยื่อที่อยู่ด้านบน

โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่า มันเป็นปลาที่มีสายตาดีมาก มันสามารถโฟกัสภาพเพื่อจับเหยื่อได้จากในระยะไกล แต่ถึงแม้จะมีวิสัยการมองเห็นตรงขึ้นไปด้านบนอย่างนั้น ดวงตาของมันก็ยังสามารถกลอกมามองข้างหน้าได้เช่นกัน นอกจากนี้ มันยังมีจมูกรับกลิ่น 2 จุดอยู่เหนือปาก ซึ่งมองแวบแรกอาจทำให้เข้าใจผิดว่านั่นคือดวงตาของมันได้ นับว่าเป็นความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติจริง ๆ



ทั้งนี้ ปลาหัวใส เป็นที่รู้จักในปี 1939 หลังจากที่ชาวประมงได้ลากอวนติดมันขึ้นมาในสภาพที่มันตายแล้ว และมาถูกค้นพบอีกครั้ง โดยนักวิจัยทางทะเลชาวอเมริกัน เมื่อปี 2004 ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ บริเวณชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก thegulfblog.com
Cr.https://hilight.kapook.com/view/84010

โลว์แลนด์ เทนเรคะ  ส่วนผสมของสัตว์หลายชนิด 


ชื่อวิทยาศาสตร์:Hemicentetes semispinosus
ถิ่นกำเนิด:ฝั่งตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะมาดากัสการ์เท่านั้น

เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ความยาวเฉลี่ยจากปลายจมูกจรดหาง10-12 cm ลักษณะหน้าตาแปลกตาและเป็นลักษณะเฉพาะ มีลักษณะผสมกันของ เม่น/ตัวกินมด/ลูกเป็ด หรือกระทั่งลูกไก่ ปะปนกันอย่างลงตัว กลายเป็นสัตว์โลกที่หน้าตาน่ารัก มีหนามเพื่อป้องกันตัวได้บ้าง เคลื่อนที่ได้ช้า หากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
แต่ด้วยเหตุผลของความปลอดภัยจึงออกหากินในเวลากลางคืนมากกว่า อาหารหลักคือไส้เดือน หนอนและแมลง ในธรรมชาติเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง เพศเมียตกลูกครั้งละ5-8ตัว โดยฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม

ที่มา Thailand Exotic Pet keepers Association
Cr.https://fr-fr.facebook.com/437653973041064/posts/545487095591084/

 "เจ้านกเผ่าอินคา" ผู้มีหนวดยาวเป็นเอกลักษณ์


Inca Tern หรือ นกมีหนวดสุดเท่ เพราะมันมีหนาวสีขาวยาวสลวยสวยเก๋ ที่กลายเป็นจุดโดดเด่นของมัน   นกมีหนวดตัวนี้เป็นนกพื้นเมืองในเปรู มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยทีเดียว มันเป็นสัตว์ยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวโปรดปรานที่สุด

Inca Tern หรือ Larosterna Inca อาศัยอยู่ทางชายฝั่งของประเทศเปรู บริเวณที่ชนเผ่าอินคาเคยอยู่ มันจึงได้ชื่อตามชนเผ่านั้น มันมีลักษณะนิสัยชอบเข้าสังคม อยู่เป็นฝูง และชอบกินปลาแอนโชวี่ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนให้ความสนใจกับมันก็คือหนวดสีขาวอันเรียวยาวของมัน  ด้วยหนวดที่ขาวล้ำสมัยนี้ มันจึงกลายเป็นนกที่นักดูนกต่างตั้งตารอเจอและก็ไม่ยากที่พวกเขาจะเจอมันด้วย
 
 ลำตัวของเจ้านก Inca Tern จะมีสีเทาเข้ม มีความยาว 40-43 เซนติเมตร จะงอยปากและเท้ามีสีแดง ปีกและหางจะยาว ส่วนหัวมีสีดำและใต้ตาจะมีหนวดสีขาวที่ยาวไปจนถึงด้านหลังของหัวและใต้หนวดที่เป็นเอกลักษณ์ของมันนั้นจะมีปากสีเหลืองเล็กๆ แต่ถ้าเป็นนกที่อายุน้อย ตัวของจะเป็นสีเทาอ่อน เท้าและจะงอยจะเป็นสีดำแทน

 พวกมันสามารถทำรังด้วยอะไรก็ได้ ทั้งจากวัสดุธรรมชาติและไม่ธรรมชาติ และที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในตึกร้าง กระท่อมตามเกาะต่างๆ หรือตามกองเหล็กกองไม้ แต่ถ้าที่ไหนมีหนูหรือแมว มันจะไม่ทำรังที่นั้นทันที   แต่ด้วยความที่มันอาศัยปลาแอนโชวี่ในการดำรงชีวิต เมื่อไหร่ที่ปลานี้ขาดแคลน หรือมีการทำประมงเกินกว่าปกติ เมื่อนั้นนกเหล่านี้อาจตกอยู่ในอันตรายและเสี่ยงสูญพันธุ์ได้

ข้อมูลและภาพ จาก justbirding , perutravelbirdwatching , Environman
Cr.http://www.honghongworld.com/post05116061016884?utm_source=honghongworld&utm_medium=recommend / By August

KING VULTURE  นกแร้งที่สวยที่สุดในโลก


King Vulture หรือ พญาแร้ง เป็นนกแร้งขนาดใหญ่ เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ในอเมริกากลางและเอมริกาใต้ ทุกที่ในเม็กซิโกจนถึงอาร์เจนตินา พวกมันมีความโดดเด่นด้วยสันอันหลากหลายบนหัว ด้วยสีส้ม สีฟ้าสีม่วงและสีแดง  มีหงอนสีเหลืองย้อยลงมาที่จงอยปากคล้ายไก่งวงแต่สั้นกว่า สีขนนั้นมีสีเทาและดำ น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่ราว 3.4 กิโลกรัม และมีอายุยืนยาวถึง 30 ปี วัดจากตัวที่ถูกเลี้ยงไว้ในสถานเพาะเลี้ยง

ตามตำนานนั้น พญาแร้ง ได้รับชื่อมาจาก  ชนเผ่ามายา เนื่องจากเชื่อว่ามันเป็นคนกลางที่คอยรับส่งข้อความระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า

ขอบคุณที่มา: https://www.xn--12c1bij4d1a0fza6gi5c.com/king-vulture.html
ที่มา : Brightside,wikipedia
Cr.https://board.postjung.com/1108410 / โพสท์โดย red dot

แมวป่าคาราคัลแมวที่มีความโดดเด่นในแอฟริกา


แมวป่าคาราคัลเป็น แมวที่ลักษณะโดดเด่นที่ใบหู ซึ่งใบหูทั้ง 2 ข้างแหลมและมีขนบริเวณหู ซึ่งมีความแตกต่างจากแมวป่าทั่วไป และบนลำตัวมีสีสันที่สวยงาม กินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์เล็กเป็นอาหาร เช่น นก หนูและกระต่าย เป็นต้น 

แมวป่าคาราคัลจะอาศัยในแถบแอฟริกา และมีมากในแถวทุ่งหญ้าหรือที่มีโขดหินในบริเวณนั้น ซึ่งจะอยู่ร่วมกันกับสัตว์ใหญ่ อย่างม้าลาย ลาและยีราฟ แมวชนิดนี้จะชอบล่าอาหารในแถบใกล้เคียงกับพื้นที่อยู่อาศัยของตัวเองแมวป่าคาราคัลในแอฟริกานั้นจะวิ่งเร็วมากเมื่อเวลาต่อสู้กับศัตรู  โดยจะชอบวิ่งขึ้นต้นไม้
ลำตัวของแมวคาราคัลทั้งเพศผู้และเพศเมียจะมีลักษณะที่คล้ายกันมากๆ แต่จะแตกต่างของขนาดลำตัวเล็กน้อย ซึ่งเพศเมียจะมีขนาดที่ค่อยข้างจะเล็กกว่าเพศผู้ ช่วงลำตัวของแมวป่าคาราคัลจะมีความยาวประมาณ 50-90 เซนติเมตร และจะมีหางยาวกว่าแมวชนิดอื่นประมาณ 20-40 ซม.เลยทีเดียว 

ในแทบแอฟริกาจะพบกันมากในประเทศนามิเบียและมีประเทศอื่นๆเพียงเล็กน้อย  แมวป่าชนิดนี้เป็นแมวที่มีความโดดเด่นมาก ทางด้าน สีและใบหูซึ่งมีทั้งสีน้ำตาล เทาเข้ม เทาอ่อน หรือบางตัวก็มีสีเหลือง  ในช่วงอายุ 2-3 ปี เป็นที่โตเต็มไวและมีอายุยาวนานเฉลี่ย 9-10 ปีโดยประมาณ 

นิสัยส่วนตัวของแมวป่าคาราคัลนั้นจะเป็นนักผจญภัยหรือนักล่า แม้ว่าตัวจะดูเล็กกว่าสัตว์ป่าชนิดอื่นในแอฟริกา แต่ก็ไม่กลัวเลยสักนิด บางคนก็กล่าวถึงแมวป่าคาราคัลชนิดนี้ว่ามีลักษณะคล้ายๆกับเสือ เพราะว่าลายของแมวชนิดนี้บางตัวก็มีสีเป็นลายตัดผ่านหลังเหมือนกับเสือ  แต่ลักษณะนิสัยลึกๆของแมวคาราคัลเป็นแมวที่น่ารักชนิดหนึ่งในแอฟริกาเช่นเดียวกับสัตว์ชนิดอื่นๆ
Cr.https://www.safariforless.com/wildcat.html

Saiga antelope หรือ ไซกา สิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลก



Saiga antelope ไซกา หรือ กุย ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Saiga tatarica เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีความใกล้ชิดกับสายพันธุ์บแอนทีโลป  กินหญ้าเป็นอาหาร มีลักษณะเด่นที่จมูกขนาดใหญ่และยืดหยุ่นได้ รูปร่างของมันเหมือนกับจมูกสมเสร็จ ความแปลกนี้มีไว้เพื่ออุ่นอากาศหายใจในฤดูหนาวพร้อมกับกรองฝุ่นออกในฤดูร้อน 

พวกมันจะมีขนสีเหลืองเหมือนกับอบเชยในฤดูร้อน โดยขนจะยายเฉลี่ยประมาณ 18–30 มิลลิเมตร ขณะที่ในฤดูหนาวขนของพวกมันจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและยาวขึ้นเป็น 40–70 มิลลิเมตร 
สัตว์หน้าตาสุดแปลกนี้พบได้ในแถบนเอเชียกลาง  ไม่ว่าจะเป็น มองโกเลียตะวันตก  ไซบีเรียตอนใต้ หรือจะเป็นะจีนตะวันตกเฉียงเหนือ มีอยู่ 2 ชนิดย่อยคือ กุยมองโกเลีย S. borealis  และ กุยธรรมดา S. t. tatarica

พวกมันมีความเร็ววิ่งได้ ไวสุด80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินทางวันหนึ่งได้ระยะทางกว่า 80–100 กิโลเมตร  พวกมันน่าเป็นห่วงเพราะปัจจุบันเหลืออยู่ในธรรมชาติเพียง 250,000 ตัวเท่านั้น สาเหตุมาจากการล่าของคนที่คิดว่ามันเป็นยาจีนชั้นดี แบะมีราคาแพง และยังมีโรคระบาดในปี 2015 ที่คร่าชีวิตพวกมันไปกว่า 40 เปอร์เซนต์ของประชากรทั้งหมดอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://www.ที่สุดในโลก.com/saiga-antelope.html/amp
Cr.https://board.postjung.com/1165615 / โพสท์โดย nyan nyan

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่