เข้าสู่ซัมเมอร์แบบนี้...
ร่างกายมันก็จะโหยหาน้ำทะเล เสียงคลื่น หาดทราย และที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเดินทางสายถ่ายภาพอย่างเรา คือมุมถ่ายรูปสวยๆ
แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ทุกคนต้องช่วยชาติ ด้วยการอยู่บ้าน ต้าน COVID-19 เราเลยภาพสวยๆ ที่เราเดินทางไปเที่ยวเมื่อเดือนที่แล้วมาให้ดูแก้เบื่อ เผื่อว่าหลังจากสถานการณ์คลี่คลายก็จะได้พร้อมเตรียมตัวไปเที่ยวกัน
ด้วยความเวลาน้อย ทริปนี้เราเลยเลือกจุดหมายแบบเน้นถ่ายรูป เที่ยววันเดียวได้ ง่ายๆ และใกล้ๆ ทะเลสวย บรรยากาศดี มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะๆ นั่นก็คือ...เกาะสีชัง จ.ชลบุรี นั่นเองงงงงงง!!!!!!
ก่อนจะเริ่มทริป บอกเลยว่าเราตื่นเต้นสุดๆ เพราะทริปนี้เราได้กล้องใหม่มาลองใช้ กับกล้อง Canon EOS RP
กล้อง Mirrorless Full Frame ตัวล่าสุดจาก Canon ที่หน้าจอ Flip ได้ นี่แค่เห็นหน้าตาของเจ้ากล้องตัวนี้ ก็ช๊อบบบบ ชอบแล้วล่ะ
แล้วพอเช็คราคาดูนะ เจ้ากล้อง Canon EOS RP ตัวนี้ ถึงจะเป็น Mirrorless Full Frame แต่ราคาเค้ามาแบบเอื้อมถึงได้ด้วยล่ะเว้ยเฮ้ยยย
แถมเลนส์ที่เค้าให้ติดมาด้วยอย่าง Lens RF 24-105 mm นี่นะ ระยะนี้ก็ได้ใจตากล้องสายเที่ยวผู้ขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ แบบเราสุดๆ มีตัวเดียวก็เที่ยวได้ทั้งทริปแล้วจ้า...
One Day Trip เกาะสีชังของเรา เริ่มต้นในเช้าวันอาทิตย์ ที่รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่
ขับรถจาก กทม. ออกมอเตอร์เวย์ แค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึง ท่าเรือเกาะลอย อ.ศรีราชา จุดขึ้นเรือเพื่อที่จะข้ามไปเกาะสีชัง
ก่อนอื่นไปซื้อตั๋วขึ้นเรือก่อนจ้า ค่าโดยสารคนละ 50 บาท ส่วนรอบเวลาเดินเรือ ขาไปมีตั้งแต่ 7.00น. – 20.00น. ส่วนขากลับ มีตั้งแต่ 06.00น. – 19.00น. เรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นไปรอบนเรือได้เลย
เรือที่เราโดยสารข้ามไปก็จะเป็นลักษณะเรือประมงดัดแปลงให้เป็นเรือโดยสาร มีที่นั่งให้ทั้งชั้นบนชั้นล่าง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ระหว่างที่รอเรือพาไป เกาะสีชัง ก็หยิบกล้อง Canon EOS RP ออกมาถ่ายรูปเล่นเพลินๆ ถ้าใครที่อยากได้กล้องที่ขนาดกำลังดี น้ำหนักไม่มาก มาลองถือกล้องตัวนี้นะ จะรู้สึกโอเคเลย ด้วยความที่ดีไซน์ของกล้องถูกออกแบบมาให้เล็ก จับกระชับมือ แถมยังเป็นกล้อง Full Frame น้ำหนักเบา เพียง 485g อีกต่างหาก
แถมการจัดวางปุ่มใช้งานต่างๆก็ยังเฟรนด์ลี่ คนที่เคยใช้ DSLR ของ Canon จะคุ้นเคยกันดีทีเดียว
ภาพถ่ายตอนอยู่บนเรือ จากกล้อง Canon EOS RP + Lens RF 24 – 105 mm
Body ของกล้อง Canon EOS RP ถูกดีไซน์ให้มี Grip สูง เพื่อการจับที่กระชับมือ แบบว่าถือมือเดียวได้สบายๆเลย
ต่อให้อยู่บนเรือที่โยกไป โยกมา ตามแรงคลื่นแบบนี้ก็ยังถ่ายภาพได้ แถมยังโฟกัสแม่นด้วยนะ ถ่ายบนเรือแบบนี้ยังสบายๆเลย
ระหว่างที่อยู่บนเรือก็ไม่มีอะไรให้ทำมาก นอกจากถ่ายรูปนู่น นี่ นั่น ไปเรื่อย และด้วยความยืดหยุ่น
ของเลนส์ RF 24-105 m ก็ทำให้การถ่ายรูปบนเรือ ที่เดินไปไหนไม่ค่อยได้ สะดวกและสนุกขึ้น
นั่งเรือกันเพลินๆ แป๊ปเดียวเราก็มาถึงแล้ว ท่าเรือเกาะสีชัง
วันหยุดแบบนี้ ความคึกคักของนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ นี่พอๆ กับพี่คนขับรถสกายแลปส์ และรถสองแถว ที่รอเรียกลูกค้ากันตั้งแต่ท่าเรือเลย
การเดินทางบนเกาะ ก็เลือกได้เลยว่าจะเป็นเช่ามอเตอร์ไซค์แบบเรา ราคา 250 บาท/คัน ขับเที่ยวได้ทั้งวัน
หรือจะเป็นสกายแลปส์ แบบมีคนขับให้ นั่งสบายๆ ราคาก็เริ่มที่ 350 บาท ขึ้นอยู่กับจุดที่จะไปและการตกลงกับพี่ๆ คนขับ
ส่วนใครที่มากับเพื่อนๆ หลายคน แนะนำเป็นรถสองแถวนะ อันนี้น่าจะสบายสุดละ
มีแผนที่ให้ดูก่อนว่าเราควรจะไปที่ไหนบนเกาะบ้าง
หลังจากติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์เสร็จแล้ว เพื่อความเป็นศิริมงคล เราเลยขอเริ่มทริปด้วยการไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะสีชัง
ที่ชาวเกาะสีชังเคารพนับถือกันมายาวนาน
ตรงนี้ ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนะ แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ก็สามารถใช้บริการรถรางให้พาขึ้นไปได้
ระหว่างเดินขึ้นไปศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไปเรื่อย ซึ่งฟังก์ชั่น และการตั้งค่าต่างๆ บนหน้าจอ ก็คุ้นตาและใช้ง่าย ตามสไตล์ Canon เลยล่ะ
ก่อนจะเข้าไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน บนนี้คือจุดถ่ายภาพมุมสูงฝั่งท่าเรือของเกาะสีชัง ที่เห็นได้กว้างสุดๆ ซึ่งการถ่ายภาพมุมนี้ การถ่ายกดแล้วใช้จอที่ Flip ได้บวกกับฟังก์ชั่นทัชสกรีน สามารถเลือกจิ้มที่จุดที่ต้องการโฟกัสได้เลยของกล้อง Canon EOS RP ก็ช่วยได้เยอะเลย
ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่กันเลยดีกว่า ที่นี่จะมี จนท. คอยแนะนำตลอดว่าต้องไหว้ยังไง ไปทางไหน ทั้งด้านนอกและด้านในถ้ำ
เข้ามาด้านในถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่ บรรยากาศดูขลังมากเลย
ในนี้แสงค่อนข้างน้อย ทำให้ถ่ายรูปได้ยาก แต่กล้อง Canon EOS RP ก็ทำได้ดีสำหรับการถ่ายภาพภาพในที่ที่แสงน้อยแบบนี้ ทั้งเรื่องของการโฟกัส และการจัดการ Noise
ถัดขึ้นมาจากถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่อีกนิด จะเป็น ถ้ำเจ้าพ่อเห้งเจีย ตรงนี้นอกจากรูปปั้นเจ้าพ่อเห้งเจียแล้ว ยังมีกระดาษแดง หรือ หู้ ที่คนมาเขียนเพื่อเป็นการแก้ชง แปะไว้เต็มถ้ำเลย
แดงเด่นขนาดนี้ ถ่ายรูปไว้สิครับ รออะไร...
ระหว่างถ่ายรูปตรงนี้ เราลองใช้จอ Touch Screen ของกล้อง Canon EOS RP ที่สามารถจิ้มที่จอเพื่อโฟกัสได้เลย ในจุดที่รายละเอียดเยอะและโฟกัสยากแบบนี้ การโฟกัสง่ายๆแค่ใช้นิ้วจิ้มที่จอ ก็โฟกัสแม่นใช้ได้เลยล่ะ
หลังจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ก็เตรียมตัวไปถ่ายรูปกันต่อ แต่ด้วยความแรงของแดด และอุณหภูมิระดับขนตาละลายได้เลย
เราเลยขอแวะมานั่งชิลๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันที่ร้าน Flower Blue Coffee & Bistro ที่มีเจ้ากระรอกขาว สัตว์ประจำเกาะสีชัง เป็นสัญลักษณ์ของร้าน
บรรยากาศของร้าน Flower Blue Coffee & Bistro
เข้ามาปุ๊บ ก็สั่งเครื่องดื่มปั๊บ ที่นี่เค้ามีเมนูขนมและเครื่องดื่ม รวมทั้งอาหารให้เลือกหลากหลายเลยนะ ที่เราสั่งมาจะเป็น Cheeze Cake กับเครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดา เอามาเติมความสดชื่นกันหน่อย
เมนูที่สั่งไปมาเสริฟแล้ว ก่อนทานต้องถ่ายรูปก่อนตามธรรมเนียมจ้า
จอที่ Flip ได้ของกล้อง Canon EOS RP ช่วยให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะถ้าใครชอบถ่ายรูปอาหารมุมท๊อปแบบนี้ ก็ไม่ต้อง
ปีนโต๊ะหรือเก้าอี้อีกต่อไปแล้ว แถมยังสะดวกแค่จิ้มที่หน้าจอ ก็สามารถสั่งกล้องให้ถ่ายรูปได้เลย โดยไม่ต้องเกร็งนิ้วด้านที่ถือกล้องเพื่อกดชัตเตอร์ให้กล้องขยับเสียองค์ประกอบที่อุตสาห์เล็งไว้
ด้วยเซ็นเซอร์ Full Frame ของกล้องตัวนี้ ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีเลย เรื่องความคมนี่สบายหายห่วง
[SR] เกาะสีชัง 1 Day Trip กับกล้อง Canon EOS RP
ร่างกายมันก็จะโหยหาน้ำทะเล เสียงคลื่น หาดทราย และที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเดินทางสายถ่ายภาพอย่างเรา คือมุมถ่ายรูปสวยๆ
แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ที่ทุกคนต้องช่วยชาติ ด้วยการอยู่บ้าน ต้าน COVID-19 เราเลยภาพสวยๆ ที่เราเดินทางไปเที่ยวเมื่อเดือนที่แล้วมาให้ดูแก้เบื่อ เผื่อว่าหลังจากสถานการณ์คลี่คลายก็จะได้พร้อมเตรียมตัวไปเที่ยวกัน
ด้วยความเวลาน้อย ทริปนี้เราเลยเลือกจุดหมายแบบเน้นถ่ายรูป เที่ยววันเดียวได้ ง่ายๆ และใกล้ๆ ทะเลสวย บรรยากาศดี มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะๆ นั่นก็คือ...เกาะสีชัง จ.ชลบุรี นั่นเองงงงงงง!!!!!!
ก่อนจะเริ่มทริป บอกเลยว่าเราตื่นเต้นสุดๆ เพราะทริปนี้เราได้กล้องใหม่มาลองใช้ กับกล้อง Canon EOS RP
กล้อง Mirrorless Full Frame ตัวล่าสุดจาก Canon ที่หน้าจอ Flip ได้ นี่แค่เห็นหน้าตาของเจ้ากล้องตัวนี้ ก็ช๊อบบบบ ชอบแล้วล่ะ
แล้วพอเช็คราคาดูนะ เจ้ากล้อง Canon EOS RP ตัวนี้ ถึงจะเป็น Mirrorless Full Frame แต่ราคาเค้ามาแบบเอื้อมถึงได้ด้วยล่ะเว้ยเฮ้ยยย
แถมเลนส์ที่เค้าให้ติดมาด้วยอย่าง Lens RF 24-105 mm นี่นะ ระยะนี้ก็ได้ใจตากล้องสายเที่ยวผู้ขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ แบบเราสุดๆ มีตัวเดียวก็เที่ยวได้ทั้งทริปแล้วจ้า...
One Day Trip เกาะสีชังของเรา เริ่มต้นในเช้าวันอาทิตย์ ที่รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่
ขับรถจาก กทม. ออกมอเตอร์เวย์ แค่ 2 ชั่วโมงนิดๆ เราก็มาถึง ท่าเรือเกาะลอย อ.ศรีราชา จุดขึ้นเรือเพื่อที่จะข้ามไปเกาะสีชัง
ก่อนอื่นไปซื้อตั๋วขึ้นเรือก่อนจ้า ค่าโดยสารคนละ 50 บาท ส่วนรอบเวลาเดินเรือ ขาไปมีตั้งแต่ 7.00น. – 20.00น. ส่วนขากลับ มีตั้งแต่ 06.00น. – 19.00น. เรือออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นไปรอบนเรือได้เลย
เรือที่เราโดยสารข้ามไปก็จะเป็นลักษณะเรือประมงดัดแปลงให้เป็นเรือโดยสาร มีที่นั่งให้ทั้งชั้นบนชั้นล่าง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ระหว่างที่รอเรือพาไป เกาะสีชัง ก็หยิบกล้อง Canon EOS RP ออกมาถ่ายรูปเล่นเพลินๆ ถ้าใครที่อยากได้กล้องที่ขนาดกำลังดี น้ำหนักไม่มาก มาลองถือกล้องตัวนี้นะ จะรู้สึกโอเคเลย ด้วยความที่ดีไซน์ของกล้องถูกออกแบบมาให้เล็ก จับกระชับมือ แถมยังเป็นกล้อง Full Frame น้ำหนักเบา เพียง 485g อีกต่างหาก
แถมการจัดวางปุ่มใช้งานต่างๆก็ยังเฟรนด์ลี่ คนที่เคยใช้ DSLR ของ Canon จะคุ้นเคยกันดีทีเดียว
ภาพถ่ายตอนอยู่บนเรือ จากกล้อง Canon EOS RP + Lens RF 24 – 105 mm
Body ของกล้อง Canon EOS RP ถูกดีไซน์ให้มี Grip สูง เพื่อการจับที่กระชับมือ แบบว่าถือมือเดียวได้สบายๆเลย
ต่อให้อยู่บนเรือที่โยกไป โยกมา ตามแรงคลื่นแบบนี้ก็ยังถ่ายภาพได้ แถมยังโฟกัสแม่นด้วยนะ ถ่ายบนเรือแบบนี้ยังสบายๆเลย
ระหว่างที่อยู่บนเรือก็ไม่มีอะไรให้ทำมาก นอกจากถ่ายรูปนู่น นี่ นั่น ไปเรื่อย และด้วยความยืดหยุ่น
ของเลนส์ RF 24-105 m ก็ทำให้การถ่ายรูปบนเรือ ที่เดินไปไหนไม่ค่อยได้ สะดวกและสนุกขึ้น
นั่งเรือกันเพลินๆ แป๊ปเดียวเราก็มาถึงแล้ว ท่าเรือเกาะสีชัง
วันหยุดแบบนี้ ความคึกคักของนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ นี่พอๆ กับพี่คนขับรถสกายแลปส์ และรถสองแถว ที่รอเรียกลูกค้ากันตั้งแต่ท่าเรือเลย
การเดินทางบนเกาะ ก็เลือกได้เลยว่าจะเป็นเช่ามอเตอร์ไซค์แบบเรา ราคา 250 บาท/คัน ขับเที่ยวได้ทั้งวัน
หรือจะเป็นสกายแลปส์ แบบมีคนขับให้ นั่งสบายๆ ราคาก็เริ่มที่ 350 บาท ขึ้นอยู่กับจุดที่จะไปและการตกลงกับพี่ๆ คนขับ
ส่วนใครที่มากับเพื่อนๆ หลายคน แนะนำเป็นรถสองแถวนะ อันนี้น่าจะสบายสุดละ
มีแผนที่ให้ดูก่อนว่าเราควรจะไปที่ไหนบนเกาะบ้าง
หลังจากติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์เสร็จแล้ว เพื่อความเป็นศิริมงคล เราเลยขอเริ่มทริปด้วยการไปไหว้ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำเกาะสีชัง
ที่ชาวเกาะสีชังเคารพนับถือกันมายาวนาน
ตรงนี้ ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกนะ แต่ถ้าใครขี้เกียจเดิน ก็สามารถใช้บริการรถรางให้พาขึ้นไปได้
ระหว่างเดินขึ้นไปศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ก็หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไปเรื่อย ซึ่งฟังก์ชั่น และการตั้งค่าต่างๆ บนหน้าจอ ก็คุ้นตาและใช้ง่าย ตามสไตล์ Canon เลยล่ะ
ก่อนจะเข้าไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน บนนี้คือจุดถ่ายภาพมุมสูงฝั่งท่าเรือของเกาะสีชัง ที่เห็นได้กว้างสุดๆ ซึ่งการถ่ายภาพมุมนี้ การถ่ายกดแล้วใช้จอที่ Flip ได้บวกกับฟังก์ชั่นทัชสกรีน สามารถเลือกจิ้มที่จุดที่ต้องการโฟกัสได้เลยของกล้อง Canon EOS RP ก็ช่วยได้เยอะเลย
ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ไปไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่กันเลยดีกว่า ที่นี่จะมี จนท. คอยแนะนำตลอดว่าต้องไหว้ยังไง ไปทางไหน ทั้งด้านนอกและด้านในถ้ำ
เข้ามาด้านในถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่ บรรยากาศดูขลังมากเลย
ในนี้แสงค่อนข้างน้อย ทำให้ถ่ายรูปได้ยาก แต่กล้อง Canon EOS RP ก็ทำได้ดีสำหรับการถ่ายภาพภาพในที่ที่แสงน้อยแบบนี้ ทั้งเรื่องของการโฟกัส และการจัดการ Noise
ถัดขึ้นมาจากถ้ำเจ้าพ่อเขาใหญ่อีกนิด จะเป็น ถ้ำเจ้าพ่อเห้งเจีย ตรงนี้นอกจากรูปปั้นเจ้าพ่อเห้งเจียแล้ว ยังมีกระดาษแดง หรือ หู้ ที่คนมาเขียนเพื่อเป็นการแก้ชง แปะไว้เต็มถ้ำเลย
แดงเด่นขนาดนี้ ถ่ายรูปไว้สิครับ รออะไร...
ระหว่างถ่ายรูปตรงนี้ เราลองใช้จอ Touch Screen ของกล้อง Canon EOS RP ที่สามารถจิ้มที่จอเพื่อโฟกัสได้เลย ในจุดที่รายละเอียดเยอะและโฟกัสยากแบบนี้ การโฟกัสง่ายๆแค่ใช้นิ้วจิ้มที่จอ ก็โฟกัสแม่นใช้ได้เลยล่ะ
หลังจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ก็เตรียมตัวไปถ่ายรูปกันต่อ แต่ด้วยความแรงของแดด และอุณหภูมิระดับขนตาละลายได้เลย
เราเลยขอแวะมานั่งชิลๆ จิบเครื่องดื่มเย็นๆ กันที่ร้าน Flower Blue Coffee & Bistro ที่มีเจ้ากระรอกขาว สัตว์ประจำเกาะสีชัง เป็นสัญลักษณ์ของร้าน
บรรยากาศของร้าน Flower Blue Coffee & Bistro
เข้ามาปุ๊บ ก็สั่งเครื่องดื่มปั๊บ ที่นี่เค้ามีเมนูขนมและเครื่องดื่ม รวมทั้งอาหารให้เลือกหลากหลายเลยนะ ที่เราสั่งมาจะเป็น Cheeze Cake กับเครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดา เอามาเติมความสดชื่นกันหน่อย
เมนูที่สั่งไปมาเสริฟแล้ว ก่อนทานต้องถ่ายรูปก่อนตามธรรมเนียมจ้า
จอที่ Flip ได้ของกล้อง Canon EOS RP ช่วยให้ถ่ายรูปได้ง่ายขึ้นเยอะเลย โดยเฉพาะถ้าใครชอบถ่ายรูปอาหารมุมท๊อปแบบนี้ ก็ไม่ต้อง
ปีนโต๊ะหรือเก้าอี้อีกต่อไปแล้ว แถมยังสะดวกแค่จิ้มที่หน้าจอ ก็สามารถสั่งกล้องให้ถ่ายรูปได้เลย โดยไม่ต้องเกร็งนิ้วด้านที่ถือกล้องเพื่อกดชัตเตอร์ให้กล้องขยับเสียองค์ประกอบที่อุตสาห์เล็งไว้
ด้วยเซ็นเซอร์ Full Frame ของกล้องตัวนี้ ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้ดีเลย เรื่องความคมนี่สบายหายห่วง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม