"สะพานกลับหัว" เพราะวิศวกรจับกระดาษผิดด้าน
เป็นสะพานจีนโบราณที่แปลกและแวกแนวจากสะพานอื่นๆมาก ต่างพากันขนานนามมันว่า สะพานแปลก เนื่องจากด้านล่างของสะพานนั้นยังสร้างแผนรองอีกชั้น เหตุผลที่ทำให้สะพานดูแปลกประหลาด คือ มีเพียงหัวท้ายของสะพานเท่านั้นที่เชื่อมต่อกับพื้นดิน นอกจากนั้นตัวสะพานลอยอยู่กลางอากาศหมด ทำให้ผู้คนไม่กล้าใช้สะพานแห่งนี้
วิศวกรที่ก่อสร้างสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า อู๋ฉีอิง เขาเป็นเรียนจบเพียงชั้นมัธยมต้นเท่านั้น แต่เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านด้านสถาปัตยกรรมมาก นอกจากนี้เขามีความขยันและกระตือรือร้นที่จะศึกษาและกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต
อู๋ฉีอิงออกแบบสะพานมากกว่า 20 แห่งทั่วเมือง เพื่อให้สามารถทำผลงานดีเด่น เมื่อเขาได้รับโครงการสร้างสะพานแห่งนี้ เขาเริ่มวางแผนที่จะออกแบบสะพานโดยใช้วิธีการออกแบบสะพานทั่วไป แต่หลังจากที่เขาไปสำรวจสถานที่ก็พบว่ามีปัญหาที่ยุ่งยากมากมาย เนื่องจากผู้เขาทั้งสองด้านนั้นสูงชันมาก หากจะใช้วิธีแบบเดิมๆในการสร้างจะเพิ่มความยากลำบากมากขึ้น และในเวลาเดียวกันจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันไม่คุ้มค่าเลย
หลังจากการทดสอบหลายอย่าง ทำให้เขาคิดวิธีที่แปลกออกวิธีหนึ่ง การออกแบบ "สะพานโค้งที่ยื่นออกมา" ซึ่งในตอนแรกหลายคนไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ โดยคิดว่าความคิดนี้บ้าเกินไป เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสะพานแบบนี้มาก่อน แต่เขายืนยันความคิดของตัวเองและในที่สุดก็เริ่มก่อสร้างสะพาน
หลังจากก่อสร้างไป 8 เดือน ทีมงานของของอู๋ฉีอิงก็สร้างสะพานเสร็จ และใช้งบประมาณเงินน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายหมื่นหยวน นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งและเกินความคาดหวังของเขาและคนในหมู่บ้านจริงๆ
สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า “เถาจิงต้าเฉียว” มีความยาว 74 เมตร ,ช่วงมาตรฐานของสะพาน 70 เมตร ,ความกว้างของสะพาน 4.5 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี 1988 จนถึงปัจจุบัน 32 ปีแล้ว งบประมาณที่สร้างคือ 32,000 หยวน (ประมาณ 148,300 บาท) เป็นสะพานที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์มาก ทำให้โลกมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสะพานและถูกนำมาใช้เป็นวัตถุวิจัยแบบคลาสสิกในโลกสะพานไปแล้ว
ที่จริงแล้วหลายคนบอกว่า สะพานนี้เกิดจากความคิดผิดพลาดของอู๋ฉีอิง ที่จับกระดาษออกผิดด้าน สลับจากบนเป็นล่าง จากล่างกลายเป็นด้านบน จึงทำให้เข้าสร้างสะพานแบบกลับหัว แต่มีบางคนบอกว่าเขาออกแบบสไตล์นี้โดยเจตนาต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร สะพานแห่งนี้ก็สร้างเสร็จแล้วและสามารถใช้งานได้ในเวลาต่อมา สะพานแห่งนี้เหมือนเป็น “สะพานกลับหัว” ที่ทั่วโลกจับตามอง จากนักออกแบบที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้น
ที่มา thaihitz.com
Cr.
https://www.xn--42c2dgos8bxc2dtcg.com/221512/?alz=
ตึกกลับหัวใต้ดิน สถาปัตยกรรมน่าทึ่งแห่งโปรตุเกต
เมืองซิงตรา ประเทศโปรตุเกส เป็นเมืองหนึ่งในภูมิภาคย่อยของมหานครลิสบอน เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามตามศิลปะจินตนิยม ทำให้เมืองนี้ได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเมืองโบราณเชิงประวัติศาสตร์ และยังเป็นที่ตั้งของ The Initiation Wells “ตึกกลับหัวใต้ดิน” สถาปัตยกรรมที่ใครเห็นเป็นต้องทึ่งและสร้างความสงสัยไคร่รู้แม้จะเห็นเพียงแค่ภาพนิ่ง
สถาปัตยกรรมหลุมลึกกว่า 27 เมตร แห่งนี้ตั้งอยู่ใน อสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อว่า “Quinta da Regaleira” ซึ่งเปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายคน โดยในสถานที่แห่งนี้มี The Initiation Wells “ตึกกลับหัวใต้ดิน” ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างสุดแปลกที่ผู้คนต่างก็ตั้งคำถามว่า มันสร้างขึ้นเพื่ออะไร
The Initiation Wells มีลักษณะเป็นหลุมลึกคล้ายกับอาคารหรือตึกที่สร้างกลับหัวลงไปในใต้ดิน ซึ่งผนังโดยรอบของหลุมได้ถูกติดตั้งบันไดวนลงไป และมีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศอยู่รอบๆ เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างชนิดนี้ อาจทำให้นึกถึงอ่างเก็บน้ำโบราณขนาดใหญ่ ที่มักจะสร้างในลักษณะเป็นหลุมลึกและมีบันได
แต่สำหรับที่นี่ไม่เคยมีประวัติน้ำไหลผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว แต่อาคารใต้ดินแห่งนี้กลับมีจุดประสงค์ในการใช้งานเพื่อทำพิธีอะไรบางอย่าง ที่ว่ากันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ “ไพ่ทาโรต์” และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุอีกด้วย
ที่มา en.wikipedia.org / lonelyplanet.com
Cr.
https://travel.thaiza.com/foreign/369665/
The Upside Down House (ลีไวนิง, แคลิฟอร์เนีย)
Upside Down House เป็นแหล่งท่องเที่ยวริมถนนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเด็กหลายเล่ม
Upside Down House เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นเป็นแห่งแรก โดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวในการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังพื้นที่
มันถูกสร้างให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุด
The Upside Downhouse เป็นแนวคิดของ Nellie Bly O'Bryan (2436-2527) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของเด็กที่เธอโปรดปรานในหนังสือสองเรื่องคือ 'Upside Down Land' และ 'The Upsidedownians'
"บ้าน" หลังนี้จริงๆแล้วเป็นโรงเก็บของขนาดใหญ่ที่สร้างให้กลับหัวลง และเอาเฟอร์นิเจอร์วางไว้บนพื้นที่เป็นเพดาน สถานที่นี้ไม่มีอะไรที่พิเศษ เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะพักจากการเดินทางไกลเท่านั้น (ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1950-1956)
ในปี 1984 หลังจากการเสียชีวิตของ O'Bryan ผู้ที่สร้างบ้านกลับหัวนี้ บ้านก็ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม มันอยู่ไกลเกินกว่าที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะไปชมมันทุกวันได้ และเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครสนใจแล้วกับการกลับหัวกลับหางของสิ่งต่างๆในประวัติศาสตร์อเมริกา
แม้บ้านกลับหัวที่เสื่อมสภาพนี้จะไม่เป็นที่นิยมแล้ว แต่มันก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านและถูกย้ายไปยังที่ตั้งปัจจุบันคือ ที่พิพิธภัณฑ์ Old Schoolhouse Museum ใน Lee Vining รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะมีการย้ายไปอยู่ที่ใหม่อีกครั้ง ปัจจุบันบ้านกลับหัวนี้ตั้งอยู่ริมถนน US HWY 395 ทางเหนือของ Tioga Lodge
Cr.
https://buyoya.com/the-upside-down-house-lee-vining-california/
รุ้งกินน้ำกลับหัว( Circumge nithal Arc )
รุ้งกลับหัว ศัพท์ทางอังกฤษ เรียกว่า เซอร์คม เซนิฮัล อาร์ค (Circumge nithal Arc) หรือ วงแหวนครึ่งขอบฟ้าซึ่ง มีคำอธิบายโดยนักปราชญ์ เมื่อ 100 กว่าปีก่อน นี่คือรอย แสยะยิ้มของพญายม(Cruach"s Grin)
นักวิชาการได้ชี้แจงว่าแท้จริงแล้วเป็นปรากฏการณ์ อาทิตย์ทรงกลด รูปแบบที่หาดูยาก รุ้งกลับหัว หรืออีกชื่อ รอยยิ้มสีรุ้ง เป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก ปรากฏการณ์นี้มีความพิเศษกว่าที่คิด เพราะเกิดจากการที่แสงอาทิตย์ไปตกกระทบต่อผนึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมในเมฆที่สูง โดยเฉพาะเมฆซีร์โรสเตรตัส และหักเหออกมาจากทางด้านข้าง จนเกิดเป็นแถบสายรุ้งแบบกลับหัว หรือเรียกว่า อาทิตย์ทรงกลด ซึ่งภาพที่ได้เห็นจึงเป็นที่มาของภาพอาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล
ในปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งหนึ่ง ในช่วงของฤดูฝนเมื่อปี 2553 จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้มีสมาชิกจากชมรมคนรักมวลเมฆ ได้บันทึกภาพขณะเกิดสถานการณ์หาดูยากครั้งนี้ไว้ได้ โดยลักษณะของรุ้งกลับหัวจะมีเส้นโค้งของวงกลมอยู่รอบจุดยอดฟ้า หรือเรียกอีกชื่อว่า จุดจอมฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงเหนือศีรษะ จึงถูกเรียกว่า เส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล หรือเส้นโค้ง CZA
ซึ่งบางคนมองเห็นเส้นโค้งเหล่านี้เปรียบเสมือนรอยยิ้มขนาดยักษ์ ที่ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า โดยการที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นั้น พระอาทิตย์จะต้องอยู่ต่ำ หรือมีมุมเงยสูงจากขอบฟ้าไม่เกิน 32.3 องศาเท่านั้น จึงจะสามารถเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ (ข้อมูลปรากฏการณ์นี้ ได้รับมาจากเว็บไซต์
http://www.sbobetonline24.com)
รุ้งกลับหัวที่วอชิงตัน
รุ้งกลับหัวที่อ่าว Sunset เมื่อปี 2010
ที่มาข้อมูลเพิ่มเติมโดย musa
ข้อมูลที่มาเว็บไซต์
http://www.sbobetonline24.com
Cr.
https://rainbowmusa.blogspot.com/2013/07/blog-post.html
Cr.
https://www.yurtworks.com/เคยเห็นไหม-รุ้งกลับหัว-ก/
ต้นไม้กลับหัว ผลงานศิลปะร่วมสมัย
ศิลปินชาวจีน Yang Zhenzhong จับต้นไทร 10 ต้นมาปลูกกลับหัว เอารากชี้ฟ้า เอากิ่งก้านลงดิน บนสนามหญ้าเป็นแนวยาวเลียบท่าเรือคงคา ผลงาน ‘To be or not to be’ ท้าทายและสำรวจความเป็นไปได้ของธรรมชาติ ว่าพืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ในภาวะสุดขั้ว และนำเสนอโลกคู่ขนานที่ต้นไม้ตีลังกา รากชี้ขึ้นฟ้า คือความปกติทั่วไปในโลกอีกใบ
ผลงานศิลปะนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลศิลปะระดับนานาชาติ Venice Biennale เทศกาลศิลปะร่วมสมัยในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ที่รวมสุดยอดผลงานของศิลปินดังไว้ด้วยกัน ที่จัดขึ้นในเดือน พ.ย.61
เรื่อง ภัทรียา พัวพงศกรภาพ ปฏิพล รัชตอาภา
Cr.
https://readthecloud.co/thailand-biennale-krabi-2018/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
ความแปลกของสิ่งต่างๆที่กลับหัว
เป็นสะพานจีนโบราณที่แปลกและแวกแนวจากสะพานอื่นๆมาก ต่างพากันขนานนามมันว่า สะพานแปลก เนื่องจากด้านล่างของสะพานนั้นยังสร้างแผนรองอีกชั้น เหตุผลที่ทำให้สะพานดูแปลกประหลาด คือ มีเพียงหัวท้ายของสะพานเท่านั้นที่เชื่อมต่อกับพื้นดิน นอกจากนั้นตัวสะพานลอยอยู่กลางอากาศหมด ทำให้ผู้คนไม่กล้าใช้สะพานแห่งนี้
วิศวกรที่ก่อสร้างสะพานแห่งนี้มีชื่อว่า อู๋ฉีอิง เขาเป็นเรียนจบเพียงชั้นมัธยมต้นเท่านั้น แต่เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านด้านสถาปัตยกรรมมาก นอกจากนี้เขามีความขยันและกระตือรือร้นที่จะศึกษาและกล้าที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต
อู๋ฉีอิงออกแบบสะพานมากกว่า 20 แห่งทั่วเมือง เพื่อให้สามารถทำผลงานดีเด่น เมื่อเขาได้รับโครงการสร้างสะพานแห่งนี้ เขาเริ่มวางแผนที่จะออกแบบสะพานโดยใช้วิธีการออกแบบสะพานทั่วไป แต่หลังจากที่เขาไปสำรวจสถานที่ก็พบว่ามีปัญหาที่ยุ่งยากมากมาย เนื่องจากผู้เขาทั้งสองด้านนั้นสูงชันมาก หากจะใช้วิธีแบบเดิมๆในการสร้างจะเพิ่มความยากลำบากมากขึ้น และในเวลาเดียวกันจะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันไม่คุ้มค่าเลย
หลังจากการทดสอบหลายอย่าง ทำให้เขาคิดวิธีที่แปลกออกวิธีหนึ่ง การออกแบบ "สะพานโค้งที่ยื่นออกมา" ซึ่งในตอนแรกหลายคนไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ โดยคิดว่าความคิดนี้บ้าเกินไป เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นสะพานแบบนี้มาก่อน แต่เขายืนยันความคิดของตัวเองและในที่สุดก็เริ่มก่อสร้างสะพาน
หลังจากก่อสร้างไป 8 เดือน ทีมงานของของอู๋ฉีอิงก็สร้างสะพานเสร็จ และใช้งบประมาณเงินน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้หลายหมื่นหยวน นี่เป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งและเกินความคาดหวังของเขาและคนในหมู่บ้านจริงๆ
สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า “เถาจิงต้าเฉียว” มีความยาว 74 เมตร ,ช่วงมาตรฐานของสะพาน 70 เมตร ,ความกว้างของสะพาน 4.5 เมตร ก่อสร้างเมื่อปี 1988 จนถึงปัจจุบัน 32 ปีแล้ว งบประมาณที่สร้างคือ 32,000 หยวน (ประมาณ 148,300 บาท) เป็นสะพานที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์มาก ทำให้โลกมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสะพานและถูกนำมาใช้เป็นวัตถุวิจัยแบบคลาสสิกในโลกสะพานไปแล้ว
ที่จริงแล้วหลายคนบอกว่า สะพานนี้เกิดจากความคิดผิดพลาดของอู๋ฉีอิง ที่จับกระดาษออกผิดด้าน สลับจากบนเป็นล่าง จากล่างกลายเป็นด้านบน จึงทำให้เข้าสร้างสะพานแบบกลับหัว แต่มีบางคนบอกว่าเขาออกแบบสไตล์นี้โดยเจตนาต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไร สะพานแห่งนี้ก็สร้างเสร็จแล้วและสามารถใช้งานได้ในเวลาต่อมา สะพานแห่งนี้เหมือนเป็น “สะพานกลับหัว” ที่ทั่วโลกจับตามอง จากนักออกแบบที่เรียนจบแค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้น
ที่มา thaihitz.com
Cr.https://www.xn--42c2dgos8bxc2dtcg.com/221512/?alz=
สถาปัตยกรรมหลุมลึกกว่า 27 เมตร แห่งนี้ตั้งอยู่ใน อสังหาริมทรัพย์ที่ชื่อว่า “Quinta da Regaleira” ซึ่งเปลี่ยนมือเจ้าของมาหลายคน โดยในสถานที่แห่งนี้มี The Initiation Wells “ตึกกลับหัวใต้ดิน” ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างสุดแปลกที่ผู้คนต่างก็ตั้งคำถามว่า มันสร้างขึ้นเพื่ออะไร
The Initiation Wells มีลักษณะเป็นหลุมลึกคล้ายกับอาคารหรือตึกที่สร้างกลับหัวลงไปในใต้ดิน ซึ่งผนังโดยรอบของหลุมได้ถูกติดตั้งบันไดวนลงไป และมีหน้าต่างเพื่อระบายอากาศอยู่รอบๆ เมื่อเห็นสิ่งปลูกสร้างชนิดนี้ อาจทำให้นึกถึงอ่างเก็บน้ำโบราณขนาดใหญ่ ที่มักจะสร้างในลักษณะเป็นหลุมลึกและมีบันได
แต่สำหรับที่นี่ไม่เคยมีประวัติน้ำไหลผ่านเลยแม้แต่นิดเดียว แต่อาคารใต้ดินแห่งนี้กลับมีจุดประสงค์ในการใช้งานเพื่อทำพิธีอะไรบางอย่าง ที่ว่ากันว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับ “ไพ่ทาโรต์” และยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุอีกด้วย
ที่มา en.wikipedia.org / lonelyplanet.com
Cr.https://travel.thaiza.com/foreign/369665/
มันถูกสร้างให้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุด
The Upside Downhouse เป็นแนวคิดของ Nellie Bly O'Bryan (2436-2527) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของเด็กที่เธอโปรดปรานในหนังสือสองเรื่องคือ 'Upside Down Land' และ 'The Upsidedownians'
"บ้าน" หลังนี้จริงๆแล้วเป็นโรงเก็บของขนาดใหญ่ที่สร้างให้กลับหัวลง และเอาเฟอร์นิเจอร์วางไว้บนพื้นที่เป็นเพดาน สถานที่นี้ไม่มีอะไรที่พิเศษ เป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวเล็ก ๆ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะพักจากการเดินทางไกลเท่านั้น (ตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1950-1956)
ในปี 1984 หลังจากการเสียชีวิตของ O'Bryan ผู้ที่สร้างบ้านกลับหัวนี้ บ้านก็ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม มันอยู่ไกลเกินกว่าที่นักท่องเที่ยวทั่วไปจะไปชมมันทุกวันได้ และเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใครสนใจแล้วกับการกลับหัวกลับหางของสิ่งต่างๆในประวัติศาสตร์อเมริกา
แม้บ้านกลับหัวที่เสื่อมสภาพนี้จะไม่เป็นที่นิยมแล้ว แต่มันก็ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านและถูกย้ายไปยังที่ตั้งปัจจุบันคือ ที่พิพิธภัณฑ์ Old Schoolhouse Museum ใน Lee Vining รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะมีการย้ายไปอยู่ที่ใหม่อีกครั้ง ปัจจุบันบ้านกลับหัวนี้ตั้งอยู่ริมถนน US HWY 395 ทางเหนือของ Tioga Lodge
Cr.https://buyoya.com/the-upside-down-house-lee-vining-california/
นักวิชาการได้ชี้แจงว่าแท้จริงแล้วเป็นปรากฏการณ์ อาทิตย์ทรงกลด รูปแบบที่หาดูยาก รุ้งกลับหัว หรืออีกชื่อ รอยยิ้มสีรุ้ง เป็นปรากฏการณ์ที่หาชมได้ยากมาก ปรากฏการณ์นี้มีความพิเศษกว่าที่คิด เพราะเกิดจากการที่แสงอาทิตย์ไปตกกระทบต่อผนึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมในเมฆที่สูง โดยเฉพาะเมฆซีร์โรสเตรตัส และหักเหออกมาจากทางด้านข้าง จนเกิดเป็นแถบสายรุ้งแบบกลับหัว หรือเรียกว่า อาทิตย์ทรงกลด ซึ่งภาพที่ได้เห็นจึงเป็นที่มาของภาพอาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล
ในปรากฏการณ์นี้เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งหนึ่ง ในช่วงของฤดูฝนเมื่อปี 2553 จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้มีสมาชิกจากชมรมคนรักมวลเมฆ ได้บันทึกภาพขณะเกิดสถานการณ์หาดูยากครั้งนี้ไว้ได้ โดยลักษณะของรุ้งกลับหัวจะมีเส้นโค้งของวงกลมอยู่รอบจุดยอดฟ้า หรือเรียกอีกชื่อว่า จุดจอมฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงเหนือศีรษะ จึงถูกเรียกว่า เส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล หรือเส้นโค้ง CZA
ซึ่งบางคนมองเห็นเส้นโค้งเหล่านี้เปรียบเสมือนรอยยิ้มขนาดยักษ์ ที่ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า โดยการที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้นั้น พระอาทิตย์จะต้องอยู่ต่ำ หรือมีมุมเงยสูงจากขอบฟ้าไม่เกิน 32.3 องศาเท่านั้น จึงจะสามารถเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ได้ (ข้อมูลปรากฏการณ์นี้ ได้รับมาจากเว็บไซต์ http://www.sbobetonline24.com)
ข้อมูลที่มาเว็บไซต์ http://www.sbobetonline24.com
Cr.https://rainbowmusa.blogspot.com/2013/07/blog-post.html
Cr.https://www.yurtworks.com/เคยเห็นไหม-รุ้งกลับหัว-ก/
ต้นไม้กลับหัว ผลงานศิลปะร่วมสมัย
ศิลปินชาวจีน Yang Zhenzhong จับต้นไทร 10 ต้นมาปลูกกลับหัว เอารากชี้ฟ้า เอากิ่งก้านลงดิน บนสนามหญ้าเป็นแนวยาวเลียบท่าเรือคงคา ผลงาน ‘To be or not to be’ ท้าทายและสำรวจความเป็นไปได้ของธรรมชาติ ว่าพืชจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่ในภาวะสุดขั้ว และนำเสนอโลกคู่ขนานที่ต้นไม้ตีลังกา รากชี้ขึ้นฟ้า คือความปกติทั่วไปในโลกอีกใบ
ผลงานศิลปะนี้เป็นหนึ่งในเทศกาลศิลปะระดับนานาชาติ Venice Biennale เทศกาลศิลปะร่วมสมัยในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ ที่รวมสุดยอดผลงานของศิลปินดังไว้ด้วยกัน ที่จัดขึ้นในเดือน พ.ย.61
เรื่อง ภัทรียา พัวพงศกรภาพ ปฏิพล รัชตอาภา
Cr.https://readthecloud.co/thailand-biennale-krabi-2018/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)