ผมเพิ่ง(หนี)กลับจากอุรุกวัย เมื่อต้นเดือน ได้รับโอกาสให้ไปดูงานมา 10 วัน ครับ (ตอนนี้พ้นระยะกักตัวแล้วนะครับ ^_^)
พอดีมีคน
ตั้งกระทู้ถามไว้ ผมเห็นว่า ไหนๆก็ตอบแล้ว เลยแยกมาตั้งกระทู้อีกที เผื่ออนาคตมีใครสนใจจะไป ส่งหลังไมค์มาถามผมได้นะครับ
จริงๆใน pantip มีกระทู้เที่ยวอุรุกวัยอยู่ 2-3 กระทู้นะครับ ซึ่งเขียนไว้ดีมากๆ แต่อันล่าสุดก็ 8 ปีแล้วครับ
VISA
สำหรับคนไทย ต้องมีวีซ่าครับ ถ้าขอในไทย ก็ขอที่
สถานกงสุลอุรุกวัย ในกรุงเทพฯ ส่วนผม ตอนนั้นอยู่อเมริกา เลยต้องไปขอที่สถานกงสุลในชิคาโกครับ
ขั้นตอนขอวีซ่าในอเมริกา ไม่ซับซ้อนครับ แต่การติดต่อยากนิดหน่อย เพราะ Uruguay embassy ใน DC ผมหา Official website ไม่เจอเลยครับ โชคดีที่ไปเจอเวบ
สถานกงสุลอุรุกวัย ประจำชิคาโก ซึ่งเวบเป็นภาษาสเปนทั้งหมด ขอบคุณ Google Chrome ที่ช่วยแปลให้ ไม่งั้นแย่แน่
- ขั้นตอนขอวีซ่าอุรุกวัยจากในอเมริกา ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ต้องไปสัมภาษณ์ด้วยตนเองครับ ส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้
ไปสัมภาษณ์กับกงสุล พร้อมเอกสาร หลักฐานการจองไฟลท์ และที่พัก รอ 3-4 สัปดาห์ รับแจ้ง Visa approval ก็ส่ง passport พร้อมชำระเงินด้วย Money order $42 ครับ
การเดินทาง
ผมเดินทางไปจากอเมริกาครับ คงไม่ได้รีวิวการเดินทางจากไทยให้ แต่ไม่ยากครับ เพราะยังไงๆ ก็ไม่มีบินตรงแน่ๆ ส่วนใหญ่จะไป transit ที่ Sao Paulo ครับ
ผมออกจาก Missouri ถึง Montevideo ใช้เวลารวม transit สองรอบไป 21 ชม. แทบจะเท่าๆกับการเดินทางจากไทยไปอุรุกวัยเลยครับ
ถ้าใครที่ออกจาก US ของ American Airlines มีบินตรงออกจาก Miami ครับ
แต่ขากลับ ผมบิน Copa ต้องเปลี่ยนเครื่องทีนึงที่ Panama แต่ภาพรวม Copa บริการดีกว่า American Airlines
สภาพบ้านเมือง
- ตามกระทู้เก่าที่มีคนรีวิวไว้ 8-9 ปีที่แล้วเป็นยังไง ที่ผมไปเห็นมา ก็ยังเหมือนเดิมครับ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากอะไร
- ประเทศนี้เจริญอันดับต้นๆของอเมริกาใต้เลยครับ เทียบกับที่ผมไปเห็นมาที่เปรู อาร์เจน ชิลี
- เมืองหลวง Montevideo คนเยอะหน่อยครับ การจราจรเหมือนใน กทม. ยังขับกันไม่ค่อยมีระเบียบ มีรถติด แต่น้อยกว่า กทม.เยอะครับ
- ถนนหนทางโอเค การเดินทางในเมืองหลวง มีแต่รถเมล์ แท็กซี่ Uber นะครับ ไม่มี Subway หรือ train ครับ รถเมล์ คนใช้เดินทางกันเป็นปกติ (ไม่เหมือนบางเมืองใน USA ที่คนใช้รถเมล์ จะมีเฉพาะคนรายได้น้อย)
ค่าครองชีพ
- แพงกว่าไทยประมาณ 10-15% ครับ
- เทียบง่ายๆคือ Burger King หรือ McDonald's Value meal 1 set ราคาราวๆ 300 บาทครับ
- อาหาร ทั้งในห้าง ร้านอาหาร ราคาแพงครับ
- น้ำดื่ม แพงมากครับ 1.5L ขวดละ 40 บาท ถ้าแกลลอน 6 ลิตร ก็ราวๆ 120 บาท อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ แล้วเหมือนจะมีแค่ยี่ห้อเดียวผูกขาดด้วย ... ส่วนน้ำก๊อก ไม่กล้ากินครับ 55
- ค่าแท็กซี่ นั่ง 10-12 นาที รถไม่ติดเลย ประมาณ 200 บาท
ภาษา
- คนที่นี่ พูดสเปน เป็นหลัก หาคนพูดอังกฤษได้น้อยมาก แทบไม่มีเลยครับ ถ้าไปเที่ยว หรืออยู่ระยะสั้นๆ Google translate EN-ESP พอเอาตัวรอดได้ครับ
คนขับ Uber ก็มีที่พูดอังกฤษได้บ้าง แต่บางคนก็แบ๊ะๆ เลย ไม่พูดเลย
- ใน Punta del Este เมืองชายหาดตากอากาศที่คนไปเที่ยวกัน จะมีคนพูดอังกฤษได้มากกว่า
ความเป็นอยู่ของประชาชน
- เมืองหลวงเขาติดทะเลครับ ก็จะมีส่วน Downtown ที่คึกคักวุ่นวายหน่อย โซนที่ไม่ใช่ downtown ก็เงียบๆ + เปลี่ยวๆ ส่วนโซนติดทะเล คนก็จะมาออกกำลังกาย มาพักผ่อนกันเยอะมาก เหมือนอยู่พัทยา หัวหิน แบบนั้นเลย
ข้อสังเกต
ผมว่าอุรุกวัยเป็นประเทศที่คนไปเที่ยวน้อย มันไม่มีอะไรให้เที่ยวจริงๆครับ
ทำให้คนเอเชียอย่างผม จะกลายเป็นของแปลกสำหรับคนที่นั่นครับ
ผมไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่อง Racist หรือ Discriminate นะครับ แต่รู้สึกว่า เขาเห็นเราเป็น Foreigner เต็มๆ คือต่อให้เราอยู่ที่นั่นไปเป็นปีๆ ผมว่าเขาก็ยังเห็นเป็นต่างชาติอยู่ดี ไม่เหมือนอย่างในเมกา ที่ American citizen หมายถึงคนหลากหลายเชื้อชาติ หรือไม่เหมือนในไทย ที่เจอฝรั่งผมทอง เราก็ไม่แปลกใจ เพราะเจอเป็นปกติ
ที่ผมไปมา เจอคนหน้าตาเอเชีย 0 คน แม้แต่คนจีน ที่แทรกซึมไปทุกแห่งในโลก ก็ไม่เจอแม้แต่คนเดียว
[CR] มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย ประเทศเล็กๆในอเมริกาใต้ที่น้อยคนจะไป
พอดีมีคนตั้งกระทู้ถามไว้ ผมเห็นว่า ไหนๆก็ตอบแล้ว เลยแยกมาตั้งกระทู้อีกที เผื่ออนาคตมีใครสนใจจะไป ส่งหลังไมค์มาถามผมได้นะครับ
จริงๆใน pantip มีกระทู้เที่ยวอุรุกวัยอยู่ 2-3 กระทู้นะครับ ซึ่งเขียนไว้ดีมากๆ แต่อันล่าสุดก็ 8 ปีแล้วครับ
VISA
สำหรับคนไทย ต้องมีวีซ่าครับ ถ้าขอในไทย ก็ขอที่สถานกงสุลอุรุกวัย ในกรุงเทพฯ ส่วนผม ตอนนั้นอยู่อเมริกา เลยต้องไปขอที่สถานกงสุลในชิคาโกครับ
ขั้นตอนขอวีซ่าในอเมริกา ไม่ซับซ้อนครับ แต่การติดต่อยากนิดหน่อย เพราะ Uruguay embassy ใน DC ผมหา Official website ไม่เจอเลยครับ โชคดีที่ไปเจอเวบ สถานกงสุลอุรุกวัย ประจำชิคาโก ซึ่งเวบเป็นภาษาสเปนทั้งหมด ขอบคุณ Google Chrome ที่ช่วยแปลให้ ไม่งั้นแย่แน่
- ขั้นตอนขอวีซ่าอุรุกวัยจากในอเมริกา ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ต้องไปสัมภาษณ์ด้วยตนเองครับ ส่งทางไปรษณีย์ไม่ได้
ไปสัมภาษณ์กับกงสุล พร้อมเอกสาร หลักฐานการจองไฟลท์ และที่พัก รอ 3-4 สัปดาห์ รับแจ้ง Visa approval ก็ส่ง passport พร้อมชำระเงินด้วย Money order $42 ครับ
การเดินทาง
ผมเดินทางไปจากอเมริกาครับ คงไม่ได้รีวิวการเดินทางจากไทยให้ แต่ไม่ยากครับ เพราะยังไงๆ ก็ไม่มีบินตรงแน่ๆ ส่วนใหญ่จะไป transit ที่ Sao Paulo ครับ
ผมออกจาก Missouri ถึง Montevideo ใช้เวลารวม transit สองรอบไป 21 ชม. แทบจะเท่าๆกับการเดินทางจากไทยไปอุรุกวัยเลยครับ
ถ้าใครที่ออกจาก US ของ American Airlines มีบินตรงออกจาก Miami ครับ
แต่ขากลับ ผมบิน Copa ต้องเปลี่ยนเครื่องทีนึงที่ Panama แต่ภาพรวม Copa บริการดีกว่า American Airlines
สภาพบ้านเมือง
- ตามกระทู้เก่าที่มีคนรีวิวไว้ 8-9 ปีที่แล้วเป็นยังไง ที่ผมไปเห็นมา ก็ยังเหมือนเดิมครับ ไม่ได้เปลี่ยนไปมากอะไร
- ประเทศนี้เจริญอันดับต้นๆของอเมริกาใต้เลยครับ เทียบกับที่ผมไปเห็นมาที่เปรู อาร์เจน ชิลี
- เมืองหลวง Montevideo คนเยอะหน่อยครับ การจราจรเหมือนใน กทม. ยังขับกันไม่ค่อยมีระเบียบ มีรถติด แต่น้อยกว่า กทม.เยอะครับ
- ถนนหนทางโอเค การเดินทางในเมืองหลวง มีแต่รถเมล์ แท็กซี่ Uber นะครับ ไม่มี Subway หรือ train ครับ รถเมล์ คนใช้เดินทางกันเป็นปกติ (ไม่เหมือนบางเมืองใน USA ที่คนใช้รถเมล์ จะมีเฉพาะคนรายได้น้อย)
ค่าครองชีพ
- แพงกว่าไทยประมาณ 10-15% ครับ
- เทียบง่ายๆคือ Burger King หรือ McDonald's Value meal 1 set ราคาราวๆ 300 บาทครับ
- อาหาร ทั้งในห้าง ร้านอาหาร ราคาแพงครับ
- น้ำดื่ม แพงมากครับ 1.5L ขวดละ 40 บาท ถ้าแกลลอน 6 ลิตร ก็ราวๆ 120 บาท อันนี้เป็นสิ่งที่ผมไม่เข้าใจจริงๆ แล้วเหมือนจะมีแค่ยี่ห้อเดียวผูกขาดด้วย ... ส่วนน้ำก๊อก ไม่กล้ากินครับ 55
- ค่าแท็กซี่ นั่ง 10-12 นาที รถไม่ติดเลย ประมาณ 200 บาท
ภาษา
- คนที่นี่ พูดสเปน เป็นหลัก หาคนพูดอังกฤษได้น้อยมาก แทบไม่มีเลยครับ ถ้าไปเที่ยว หรืออยู่ระยะสั้นๆ Google translate EN-ESP พอเอาตัวรอดได้ครับ
คนขับ Uber ก็มีที่พูดอังกฤษได้บ้าง แต่บางคนก็แบ๊ะๆ เลย ไม่พูดเลย
- ใน Punta del Este เมืองชายหาดตากอากาศที่คนไปเที่ยวกัน จะมีคนพูดอังกฤษได้มากกว่า
ความเป็นอยู่ของประชาชน
- เมืองหลวงเขาติดทะเลครับ ก็จะมีส่วน Downtown ที่คึกคักวุ่นวายหน่อย โซนที่ไม่ใช่ downtown ก็เงียบๆ + เปลี่ยวๆ ส่วนโซนติดทะเล คนก็จะมาออกกำลังกาย มาพักผ่อนกันเยอะมาก เหมือนอยู่พัทยา หัวหิน แบบนั้นเลย
ข้อสังเกต
ผมว่าอุรุกวัยเป็นประเทศที่คนไปเที่ยวน้อย มันไม่มีอะไรให้เที่ยวจริงๆครับ
ทำให้คนเอเชียอย่างผม จะกลายเป็นของแปลกสำหรับคนที่นั่นครับ
ผมไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่อง Racist หรือ Discriminate นะครับ แต่รู้สึกว่า เขาเห็นเราเป็น Foreigner เต็มๆ คือต่อให้เราอยู่ที่นั่นไปเป็นปีๆ ผมว่าเขาก็ยังเห็นเป็นต่างชาติอยู่ดี ไม่เหมือนอย่างในเมกา ที่ American citizen หมายถึงคนหลากหลายเชื้อชาติ หรือไม่เหมือนในไทย ที่เจอฝรั่งผมทอง เราก็ไม่แปลกใจ เพราะเจอเป็นปกติ
ที่ผมไปมา เจอคนหน้าตาเอเชีย 0 คน แม้แต่คนจีน ที่แทรกซึมไปทุกแห่งในโลก ก็ไม่เจอแม้แต่คนเดียว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้