"ดิลก ทองวัฒนา" ควรจะทำเพื่อต่ออายุตัวเองมากกว่า คือ ทำดีครั้งนี้ ให้เขาจ้างต่อไปในครั้งหน้า
เฟซบุ๊ก Passakorn Sukchaiwrangkun
วันหยุดเป็นวันที่ฟ้าสวย โลกสดใส "แทน" ชอบวันหยุด พอ...พอ...กับชอบวันชัยและวันดี เพราะคนแรกเป็นเพื่อนซี้ของแทน ส่วนคนหลังเป็นคนที่แทนแอบหมายมั่นปั้นมือจะให้ใช้นามสกุลด้วยในอนาคตอันใกล้นี้ "แทน" ก็เป็นหนึ่งในโขลงชนที่เดินปะปนตามศูนย์การค้า หน้าโรงหนัง น้อยครั้งที่โรแมนติคจนไปนั่งปล่อยอารมณ์ที่ป่าช้า วันนี้แทนเดิมยิ้มละไมเข้าไปยังเครื่องบริการเงินด่วน เพราะจะเอาปัจจัยไปซื้อของขวัญให้วันดี แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแทนกดรหัสเสร็จ สิ่งที่ไหลออกมาตามช่องแทนที่จะเป็นแบงค์สีม่วงกลับกลายเป็นข้อมูลของบุคคลสำคัญ ที่ปรากฏออกมาคล้ายข้อมูลจากเครื่องเทเล็กซ์ แทนอ่านได้ใจความดังนี้
ชื่อ : ดิลก ทองวัฒนา
อายุ : วัยฉกรรจ์
เพศ : ชายร้อยเปอร์เซ็นต์
การศึกษา : จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ความสูง : เท่ากับจินตหราตอนกระโดดชู้ทลูกบาสเก็ตบอล
ความหล่อ : เท่ากับแทนรวมกันทั้งสำนักงาน
ผิว : สีแทน
ฟัน : สีขาว
จมูก : มีสองรู้กว้างเท่ากับนิ้วก้อยข้อที่สอง
ลักษณะเด่น : ยิ้มสวย
อาชีพ : นักแสดง และพิธีกร
แทนรู้เท่านี้ยังไม่สะใจจึงจ้างวง "สปาย" ไปสืบมาได้ความว่า "ผมจบจากรามฯ มา ก็ไม่มึโอกาสทำงานออฟฟิศเลยต้องมาเป็นดาราจนถึงพิธีกรอย่างนี้แหละครับ" คุณดิลกเริ่มอาชีพพิธีกรในรายการแรกคือ รายการชิงหลัก ซึ่งคุณดิลกบอกว่าทั้งประหม่า ทั้งสั่นตั้งแต่เห็นเสาอากาศของห้องส่ง แต่ปัจจุบันโรคประหม่านี่หายแล้ว ทั้งที่ดิลกเคยผ่านโรงเรียนการแสดงของช่อง 3 มาก่อน แต่ไม่ช่วยให้ความตื่นเต้นลดน้อยลง แต่ผลพวงจากการผ่านโรงเรียนการแสดงมีส่วนช่วยคุณดิลกในการเป็นพิธีกรมาก
ปัจจุบันคุณดิลกเป็นพิธีกรรายการ "คลื่นลูกใหม่" และ "สุริยาตาหวาน" และเป็นนักแสดงด้วย จึงมีความเกี่ยวพันระหว่างงานพิธีกรกับงานแสดง งานพิธีกรนั้นคุณดิลกบอกว่า ก็เป็นงานแสดงอีกลักษณะหนึ่ง เพียงแต่มีความเป็นตัวของตัวเองมากกว่างานละคร เพราะงานละครเป็นบท ๆ เดี๋ยวเป็นตำรวจ เดี๋ยวเป็นหมอจนถึงเป็นพระเอกฝ่ายอธรรมก็มี แต่งานพิธีกรจะคงไว้คือความสุภาพ ความสดชื่น จะนำวิชาการแสดงมาใช้ก็ต่อเมื่อจะกลบเกลื่อนอารมณ์ ไม่ให้ท่านผู้ชมทราบว่าขณะนี้ตัวเองกำลังมีปัญหา ต้องยิ้มสู้กล้องอยู่เสมอ บางทีก็มีการเล่นมุข เล่นตลกบ้าง
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
ความแตกต่างระหว่างงานพิธีกรกับงานนักแสดงนั้น ไม่แตกต่างกันนัก เพียงแต่งานพิธีกรไม่ทราบล่วงหน้าว่า อีกสิบวินาทีต่อไปจะพูดอะไร จะทราบโครงงานมาอย่างหยาบ ๆ พิธีกรจึงเป็นเหมือนผู้ตัดต่อ ที่จะต้องรู้โดยสามัญสำนึกว่า ขณะนี้อืดไป ช้าไป ก็ต้องพูดให้กระชับขึ้นมา ต้องพร้อมจะรับกับสถานการณ์ใหม่ทุกขณะ ส่วนงานนักแสดงเป็นงานที่รู้ล่วงหน้าว่าจะต้องเตรียมอารมณ์อย่างไร อาจจะต้องเศร้าก็ขอเวลาอยู่คนเดียว ทำเศร้าสักครู่
แต่ที่แตกต่างกันคือ ความเป็นดิลก ทองวัฒนา ในโลกใบนี้ กับดิลกขณะเป็นพิธีกรนั้นมีมาก โดยปกติคุณดิลกจะชอบสันโดษ ไม่ค่อยพูด ชอบแต่ยิ้ม ชอบดูคนอื่นสนุก จนถึงขนาดพื่อนฝูงต้องจ้างให้พูดก็มี แต่เมื่ออยู่ในชุดพิธีกรคุณดิลกก็ต้องเปลี่ยนบุคลิกบ้าง มีความร่าเริง พูดเก่งขึ้น ทำนองนี้
การดำเนินรายการของคุณดิลกจะเดินตามสคริปท์ในช่วงต้น คือ แนะนำผู้แข่งขัน ข้อมูลของผู้แข่งขันแต่ละท่าน จากนั้นจะลุยไปสนุกกันข้างหน้า แต่ต้องแตกฉานในกติกาของเกม บางครั้งก็ต้องตัดสินปัญหาเฉพาะหน้าเดี๋ยวนั้น ไม่ต้องฟังความเห็นของผู้ร่วมผลิต เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาต้องถ่ายทำใหม่ เพราะจะทำให้อารมณ์ของผู้ร่วมเล่นในรายการซ้ำ เกิดอาการสะดุด เกมจะขัด ๆ ถ้าเกิดพูดผิดไปแล้วและทำให้ตลกได้ ก็ปล่อยเลยตามเลย กลับกลายเป็นความสนุกขึ้นมาอีก
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประจำสำหรับคุณดิลกคือ การพูดผิด พูดเร็วจนลิ้นพันกับฟัน นี่คงเป็นโรคประจำตัวพิธีกรทุกคนเลย คุณดิลกว่าการเป็นพิธีกรนี่ สมาธิต้องปิ๊งเลย เพราะถ้าจิตใจส่ายกังวล จะทำให้ผิดพลาดมากขึ้น ต้องนึกแต่เรื่องเกมอย่างเดียว เพราะถ้าเร่งพูดในบางครั้งจะต่อมุขตัวเองไม่ได้ และบางทีผู้ร่วมเล่นเกมสวยมากไป ก็เกิดอาการพูดผิดได้เหมือนกัน
เนื่องจากคุณดิลกเป็นนักแสดงด้วย บางครั้งก็ต้องรับบทพระเอกฝ่ายอธรรม (ผู้ร้าย) ทำให้ผู้ชมหลายท่านรู้สึกเกลียดในความที่ตีบทแตก คิดว่าคุณดิลกนั้นร้ายจริง ๆ เหมือนในละคร ซึ่งประเด็นนี้คุณดิลกให้เหตุผลว่า "คิดว่าจะไม่มีผลต่อการเป็นพิธีกร เพราะผมเป็นคนที่ไม่เคยสร้างภาพพจน์ใด ๆ ให้กับตัวเอง คนดูที่ดูละครย่อมเข้าใจว่านั่นคือการแสดง และผมเองเวลาเล่นบทร้าย คิดว่ากำลังแสดงเป็นคนคนหนึ่ง แต่บุคลิกหรือการแสดงออกอาจจะมีความร้ายแต่นั่นคือละคร ไม่ใช่ตัวผมจริง ๆ แล้วการเป็นพิธีกรบางครั้งก็ต้องมีอารมณ์ร่วมกับผู้ร่วมรายการ มีการอำผู้ชม อำตัวเองบ้าง ไม่เหมือนผู้อ่านข่าวให้ผู้ชมเชื่อถือ ไม่ใช่พูดออกมาแล้วเป็นการแสดง ดูไม่น่าเลื่อมใส" จึงสรุปได้ว่าบทใด คงไม่มีผลกระทบต่อความเป็นพิธีกร
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
และความเห็นเกี่ยวกับการกำหนดอายุพิธีกรในรายการใดรายการหนึ่ง คุณดิลกยกตัวอย่างตัวเองว่า "เรื่องสัญญาที่ทำขึ้นมาเป็นแค่หลักฐานธรรมดา เมื่อใดที่ผมหมดไฟในการทำงาน ไม่สามารถเป็นพิธีกรได้เต็มที่ ผมก็ควรต้องพิจารณาตัวเองได้แล้ว ออกไปขายก๋วยเตี๋ยว ขายลูกชิ้นปิ้งดีกว่า เพราะทำรายการออกไปก็อายคนดูเปล่าๆ ที่ถูกต้องผมคิดว่าควรจะทำเพื่อต่ออายุตัวเองมากกว่า คือทำดีครั้งนี้ ให้เขาจ้างต่อไปในครั้งหน้า ถ้าครั้งนี้ไม่ดี ครั้งหน้าก็ไม่ดีก็ควรจะเปลี่ยน ทำอย่างนี้จึงจะดีกว่า"
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
ส่วนคำถามที่ว่า ตัวพิธีกรมีส่วนดึงดูดผู้ชมนั้น คุณดิลกกล่าวว่า "มีส่วน มีส่วนบ้าง แต่คิดว่ารายการ หรือรูปแบบของรายการนั้นมากกว่าที่จะเป็นตัวกำหนดว่ารายการนั้นจะติดหรือไม่ติด ตัวพิธีกรเองจะมีส่วนประมาณ 30 หรือ 40%"
เพจย้อนเวลา ในความทรงจำ
ทั้งหมดคือสิ่งที่สายสืบตามไปดู ดู ดู และล้วง แคะ แกะ เกาเขย่าออกมนรายงานให้แทนทราบ เพื่อความผูกพันอันงดงรมระหว่างเรา แทนจึงนำมาขยายต่อ เล่าสู่คนฟังฐานคนรักใคร่ชอบพอ แต่อย่าถามว่า เครื่องบริการเงินด่วนที่กดรหัสแล้วออกมาเป็นข้อมูลส่วนตัวนั้นอยู่ที่ไหน เพราะแทนกำลังจ้างคนไปยกมาเก็บไว้ที่สำนักงาน กลัวน้องวันดีไปใช้บริการแลัวจะมีข้อมูลส่วนตัวของแทนที่ปกปิดต้องเปิดเผย รักจะช้ำก็ตรงนี้นี่แหละจริงไหมจ๊ะ!
ขอขอบพระคุณบทความจากนิตยสารแทน ฉบับปี 2530
ด้วยรักเป็นอย่างยิ่ง.
สวัสดี.
เพจเปิดกล่องนิตยสารเก่า
"ดิลก ทองวัฒนา" ควรจะทำเพื่อต่ออายุตัวเองมากกว่า คือ ทำดีครั้งนี้ ให้เขาจ้างต่อไปในครั้งหน้า
อายุ : วัยฉกรรจ์
เพศ : ชายร้อยเปอร์เซ็นต์
การศึกษา : จบคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ความสูง : เท่ากับจินตหราตอนกระโดดชู้ทลูกบาสเก็ตบอล
ความหล่อ : เท่ากับแทนรวมกันทั้งสำนักงาน
ผิว : สีแทน
ฟัน : สีขาว
จมูก : มีสองรู้กว้างเท่ากับนิ้วก้อยข้อที่สอง
ลักษณะเด่น : ยิ้มสวย
อาชีพ : นักแสดง และพิธีกร