เรื่องสั้น : ริจิเลข ริจิรา

กระทู้สนทนา


             จิตแพทย์หนุ่มในชุดกาวน์แขนสั้นขาวสะอาด นั่งพิงพนักเก้าอี้ มองดูนาฬิกาแขวนผนัง บอกเวลาบ่ายโมงกว่า ยังมีเวลาอ่านบันทึกของคนไข้ที่วางอยู่บนโต๊ะ กำลังจะหยิบมาอ่าน แต่ก็ชะงัก หันไปคว้าหน้ากากอนามัย มาสวมใบหน้า หยิบสเปรย์ฆ่าเชื้อมาฉีดสมุดบันทึกเพื่อความปลอดภัย โรควิกลจริตสายพันธุ์พิเศษกำลังระบาด ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สามารถติดต่อกันทางการฟัง การอ่าน และการสัมผัสได้ ยังดีที่ไม่มีรายงานว่า ติดต่อกันทางความคิด ไม่อย่างนั้นคงเป็นวันวิบัติการณ์บ้าล้างโลก
 
 
             เพื่อน ๆ ต่างบอกว่าผมโชคดี ที่ได้แต่งงานกับ ริจิเลข สาวสวยรวยทรัพย์ ผู้ชายหลายคนพากันอกหักเสียใจไปตามกัน 

             พ่อของ เธอเป็นประธาน บริษัท  Sisohcysp  Corporation ย่อมเป็นหลักประกันที่ดีสำหรับอนาคตของลูกเขย  ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงพากันอิจฉา แม้แต่ตัวผมเองยังอิจฉาตัวเองเหมือนกัน เพราะทำงานในตำแหน่งเล็ก ๆ ของบริษัท ชนิดถ้าปิดหน้าเดินผ่านใครไปก็ไม่มีคนเห็น แต่ความหล่อไม่เคยปรานีใคร สิ่งเดียวที่ผมมีคือความหล่อ จนถึงขนาดมาทำงานต้องใส่มาสก์ เพื่อไม่ให้ความหล่อฟุ้งกระจายไปตามละอองของเหลว ไปกระทบจิตใจของบรรดาสาว ๆ ให้เกิดอาการลืมตัวจนเสียงานเสียการและเสียจริต 

             นี่ละครับ ผมถึงรีบแต่งงาน เพราะรำคาญพวกผู้หญิงมาตามจีบตามตื้อในแต่ละวัน  จะอะไรกันนักกันหนา วัน ๆ ต้องมานั่งแก้ปัญหาจากความหล่อ แทบไม่ต้องทำอะไร อะไรที่มากหรือน้อยเกินไปก็ไม่ดี ถ้าหล่อแบบมัชฌิมาปฏิปทา หล่อสายกลางคงไม่มีปัญหา

             การแต่งงานเหมือนขึ้นสวรรค์ แต่ถ้าพลาดท่า ร่วงหล่นลงมาก็มีนรกอ้าแขนรอรับอยู่เบื้องล่าง แต่ก็มีบางคนเหมือนกันพอขึ้นไปถึงรู้ว่าเป็นสวรรค์ลวง เรียกว่าตกนรกบนฟ้า ตั้งแต่ยังไม่ทันร่วงลงมา

             คืนหนึ่ง ผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ลักษณะอาการเหมือนถูกถีบให้กระเด็นลงมานอนกองบนพื้นห้อง  หันไปมองโดยอาศัยแสงไฟดวงเล็กหัวเตียง ก็เห็นริจิเลขผู้เป็นภรรยาแสนหวาน ในชุดนอนขาวบางเบา กำลังย่างก้าวลงมา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความลี้ลับพิสดารอำมหิตจนน่าสะพรึงกลัว จากนั้นเธอก็เริ่มบรรเลงเพลงเตะถีบ กระทืบ ชนิดตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีสาเหตุในการกระทำ จะว่าละเมอก็ไม่น่าใช่  เพราะสีหน้าท่าทางจริงจังมีประกาย ถึงจะเป็นแรงเตะของผู้หญิงก็เถอะ แต่โดนจัง ๆ หลายครั้ง ก็เจ็บมิใช่น้อย

             ผมเองก็ถือคติเสมอมาว่า ‘ไม่ทำร้ายเด็กสตรี และหญิงมีครรภ์’  จึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากปัดป้อง กลิ้งหลบไปมาเป็นลูกขนุนพักหนึ่ง ก่อนอาศัยจังหวะลุกขึ้น เผ่นเข้าไปหลบภัยในห้องน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับห้องนอน ในสภาพขวัญหนีดีฝ่อจนร่างสะท้าน ภรรยาแสนรักเป็นไรไป

             เสียงฝีเท้าก้าวใกล้เข้ามา ...ใกล้เข้ามา... เสียงเรียกขานชื่อของผมด้วยน้ำเสียงชวนขนหัวลุก ถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงสยองจิตปานใด ผมก็จำได้ว่า เป็นเสียงของริจิเลขนั่นเอง เสียงเคาะประตูอย่างไม่รีบร้อน ฟังดูเหมือนแกล้งทรมานใจมากกว่า เสียงเล็บขูดบานประตูแกรกกราก... แกรกกราก...เสียวแปลบเข้าไปถึงประสาทรากฟัน  เธอเป็นอะไรไป หรือว่าถูกวิญญาณร้ายเข้าครอบงำ?

             ผมอยู่ในห้องน้ำ อกสั่นขวัญหายใจสั่นระรัว จะนอนในอ่างอาบน้ำก็นอนไม่ได้ เพราะกลัวว่าภรรยาสุดที่รักจะฟังประตูตามเข้ามากระทืบ  จึงได้แต่นั่งเอามือจับลูกปิดประตูห้องน้ำ ในท่วงท่าสุดแสนทรมาน

             ความมั่นใจที่เคยคิดว่า ความหล่อคือเกราะป้องกันภัย มลายหายไปจนหมดสิ้น คนหล่อยังถูกผู้หญิงเตะถีบ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะเป็นไปได้ แต่ก่อนว่ากันว่า ความหล่อเลอคุณค่ากันภูตผีภัยร้ายยิ่งกว่าแขวนพระหลวงพ่อวัดดัง  ผีก็ไม่หลอก หมาก็ไม่กัด คนก็ไม่ด่า เพราะแพ้ความหล่อ ที่ไหนได้...
ไม่รู้ว่าผมหรือภรรยาที่หลับไปก่อน มารู้สึกตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ย่องกลับมาห้องนอนด้วยอาการหวาดกลัว เตรียมเผ่นได้ทุกเวลา แต่ที่พบบนเตียงคือริจิเลข นอนหลับปุ๋ยอย่างสบาย น่ารักน่ากอดเหมือนปกติ

             ผมยืนงง เป็นคนถูกหวยรับประทาน

             เธอตื่นขึ้นมาด้วยอาการปกติ ไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ น่าสะพรึงเมื่อคืนเลยแม้แต่น้อย แถมยังหาว่าผมหนีออกจากบ้าน แอบหลบไปเที่ยวจีบสาวเสิร์ฟข้างนอก จนทำให้ลูกค้าโต๊ะข้าง ๆ หมั่นใส้ในความหล่อ แล้วพากันรุมซ้อมเข้าให้ จนบาดเจ็บฟกซ้ำไปหลายแห่ง ฟังสมมุติฐานแล้วผมอยากจะเตะตัวเอง ให้กระเด็นตกบ้าน พ้นทุกข์พ้นโศก คอหักตายให้รู้แล้วรู้รอด  เรื่องไม่สมเหตุสมผลคิดดีนัก พอผมบอกว่าเธอนั่นละเป็นคนทำร้าย  ริจิเลขรีบทำหน้าตาไม่เชื่อทันที ร้องไห้ร้องห่มจนตาระบมแดงก่ำ หาว่าผมไม่รัก หาเรื่องเพื่อที่จะหย่าร้างกัน

             ถ้าเป็นคุณหมอจะทำยังไงครับ ให้ผมออกไปไล่เตะหมานอกบ้าน ยังดีกว่า ต้องมานั่งอธิบายอะไรเป็นคุ้งเป็นแคว ก็อย่างว่าละครับ ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ค่อยรับฟังเหตุผล เอาแต่ใจ คิดเองเออเอง อะไรไม่ใช่ก็จะคิดว่าใช่ให้ได้ มโนเองนี่ทีหนึ่ง  แล้วก็เชื่อในสิ่งที่มโนคิดว่าเป็นสิ่งที่ใช่ เป็นจริงเป็นจัง  เธอบอกว่าผมอาจจะละเมอทำร้ายตัวเอง ดูสิครับคุณหมอ ว่าเธอคิดอะไรของเธอ  คนหล่อ ๆ ที่ไหนจะยอมละเมอทำร้ายตัวเองให้สิ้นหล่อ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ลองคุณหมอมาทำหล่อแบบผมดูสิ จะได้จิตเกษม

             หลังจากนั้น เหตุการณ์น่ากลัวยังเกิดขึ้นสามครั้งในเวลาสองสัปดาห์ ถ้าไม่หล่ออาจพอทำใจปลงตก ให้เธอลุกขึ้นมาเตะต่อยได้ตามสบาย แต่นี้ความหล่อเป็นสิ่งหวงแหนสุดแสน ที่จะยอมให้คนมากระทบเสียมิได้  ทางออกในเวลานั้นคือ ติดกล้องวงจรปิดในห้องนอนเสียเลย ให้รู้กันไปเมื่อความจริงประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก

             สามวันผ่านไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

             ริจิเลขหัวเราะใส่หน้าอย่างไม่เกรงใจความหล่อ ผมกัดฟันกรอด ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นแค้นใจ  ก่อนนอนผมจะพยายามเสริมแรงด้วยการทำหน้ากวนทีนอ้อนทีนเชิญชวนเตะ ใส่หน้าเธอ แต่การสร้างแรงจูงใจไร้ผล เธอหลับสบาย ไม่แสดงอาการละเมอขึ้นมาซ้อมใหญ่ตามที่หวัง
 
             หรือว่าเธอจะแกล้งลุกขึ้นมาทำร้าย ไม่ได้ละเมอ หรือโดนครอบงำ พอเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดเลยไม่แสดงออก มานึกดูก็ไม่พบแรงจูงใจอะไร ต้องให้เธออยากเตะถีบสามีของตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

             วันที่สี่ โชคก็เข้าข้าง โชคที่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย

             คืนนั้นผมเลิกทำหน้าตายียวนเชิญชวนเตะก่อนนอน เพราะดูท่าทางไม่ค่อยดี เธอเริ่มมีสีหน้ารำคาญ ขืนอ้อนทีนไม่เลิก อาจโดนถีบหัวส่ง ตั้งแต่ยังไม่ทันได้นอน ก่อนเวลาอันควร ก็เป็นได้ นั่นไม่ใช่สิ่งพึงประสงค์ 

             ผมเผลอวูบหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันรู้   มารู้ตัวลืมตาก็เห็นบาทาไร้เงา ลอยมาเต็มหน้า มันเริ่มขึ้นแล้ว!

             กล้องวงจรปิดทำงานบันทึกภาพตลอดทั้งคืน  อย่างนี้ต้องถือโอกาสแสดงให้สมบทบาท ผมจงใจวางท่างาม ๆ รอรับการเตะถีบอย่างเต็มใจ เพราะต้องการให้ภาพในวิดีโอออกมาสวย จะให้วิ่งหนีทุลักทุเลมั นก็ไม่เหมาะสมกับคนหล่อ แม้ว่าจะยอมแลกกับการเจ็บตัวมากขึ้นก็ตาม นั่นไง...  เธอกระโดดสูงลงมาจากเตียงสลับเท้าซ้ายหลอกแต่เตะขวา ผมเอียงก้านคอรับบาทาอย่างเต็มใจ  พยายามจัดท่าทางให้ออกมาสวยงามกับการถูกเตะ

             เจ็บชะมัด...ไม่นึกเลยว่า แรงผู้หญิงจะร้ายกาจขนาดนี้  ผมหมุนคว้างไปปะทะผนังห้อง ด้วยลีลาอันงดงามดั่งใจสั่ง 

              ริจิเลขพลิ้วไหวตามมาดั่งสายลม เธอกระชากคอของผม โน้มลงมา ตีเข่า...ตีเข่า...ด้วยเรี่ยวแรงมากกว่าปกติชนิดไม่ยั้ง ไม่รู้กี่ดอกต่อกี่ดอก มีทั้งเข่าตรงตีนำ เข่าเฉียง เข่าโค้ง เข่าตัด  เข่าล้วน ๆ  มวยเข่าต้องแก้ด้วยศอก แต่ใครละ ...จะใจร้ายฟันศอกใส่ภรรยาตัวเอง  ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น ยอมครับยอม ความรู้สึกจุกเสียดปะทุขึ้นมาแบบนรกแตกจนหายใจไม่ทัน  คว่ำหน้าลงจูบพื้น จากนั้นไม่รู้อะไรเป็นอะไร กระหน่ำซ้ำลงมาไม่ขาดสาย โลกดับวูบลง

             รุ่งเช้าลืมตาขึ้นมา ริจิเลข กำลังเฝ้าอยู่ข้างเตียง สีหน้าแววตาเป็นห่วงเป็นใย ไม่ใช่สาวเข่าเวตาลสะท้านทะเลคลั่ง อย่างเมื่อคืนเลยสักนิด

             “เอาอีกแล้วนะคุณ” เธอเริ่มต่อว่า เมื่อเห็นผมลืมตาขึ้นมาได้   “ลงไปนอนบนพื้นอีกแล้วนะ มันสนุกมากหรือไงคะ”

              “กล้องวงจรปิด  เอามาดูเลย” ผมรีบตัดบทอย่างผู้ชนะ ไม่ต้องมานั่งแก้ตัวให้เสียเวลา ภาพทุกอย่างจะต้องปรากฏ ความจริงก็คือความจริง ใช่แล้ว ความจริงก็คือความจริง 

             แต่เมื่อภาพของกล้องวงจรปิดปรากฏต่อสายตา ผมก็อ้าปากค้าง ยิ่งกว่าโดนด้วยแทงเข่าไร้น้ำใจ

             ริจิเลขนอนสงบนิ่งสบายบนเตียง มีเพียงผมเองที่เป็นฝ่ายลุกจากเตียง กระเด้งกระดอนไปมา ทำท่าเหมือนถูกตีเข่า ถูกกระทืบ ออกลีลาอาการเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว คนที่พูดอย่างผู้ชนะ กลับเป็นริจิเลข อย่างพลิกโผมโหฬาร

             “เห็นไหมคะ ว่าฉันไม่ได้ทำ  คุณทำตัวเอง สงสัยท่าจะบ้านะคะอาการแบบนี้ เขาเรียกผีบ้าค่ะ ผีบ้า ๆ ๆ  ไปหาหมอดีกว่านะคะ”

             ไม่มีทาง...ผมกรีดร้องในใจ จะต้องมีบางอย่างผิดพลาด มันไม่ใช่! รู้ตัวดีว่าไม่ได้บ้า  ไม่!! เหตุการณ์ชัดเจนมาก สัมผัส กลิ่นกายหอม แรงเตะ แรงถีบ แรงเข่า แรงกระทืบ ชัดเจนเกินกว่าจะเป็นภาพหลอน อาการฟกซ้ำดำเขียวก็ตรงตามสภาพจริง

             “เอางี้กันนะที่รัก” ผมพยายามหาข้อพิสูจน์เพิ่มเติม “ผมขอใส่กุญกุญแจมือข้างหนึ่งของคุณไว้กับเตียง  ถ้าผมยังมีอาการอีก ผมจะยอมไปหาหมอ”
 
             แรก ๆ เธอไม่ยอม หาว่าผมซาดิสม์วิปริต เล่นเอาผมต้องออกตัวพัลวัน ว่าเพียงต้องการพิสูจน์เท่านั้น ไม่ใช่คิดอย่างอื่นเกินเลย ใส่กุญแจมือข้างเดียวก็ไม่เดือดร้อนอะไรมาก ส่วนผมจัดแจงหอบผ้าห่มลงไปนอนพื้น ในระยะห่างจากรัศมีของการถูกถีบ 

             วันที่สองก็ได้เรื่อง

             พอมีอาการเคลิ้มยังไม่ทันจะหลับ หางตาก็เห็นเงาวูบวาบตัดแสงไฟสลัว ใช่แล้ว... ริจิเลขกระโจนลงมาจากเตียง พร้อมกับการเตะกราดเข้ามาหมายปลายคาง ผมรีบเบี่ยงหน้าหลบพ้นแบบหวุดหวิด สะกดความตื่นเต้น กระโดดไปกดสวิทซ์ เปิดไฟสว่างจ้า ชัดเจนที่สุด นั่นเป็นริจิเลขอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่สีหน้าแววตาพิสดารลี้ลับสุดบรรยาย เธอหลุดออกมาจากกุญแจมือได้อย่างไร คิดพลางหันมองบนเตียง แล้วหัวใจก็หนาวสะท้านกะทันหัน

             ริจิเลขอีกคนยังคงนอนหลับบนเตียง ไม่ได้รู้สึกรู้สมกับเหตุการณ์พิสวงในห้องนอนเลยสักนิด

            ริจิเลขมีสองคน!
 
             ความตกตะลึงทำให้ลืมหลบศอกสั้นของริจิเลข ที่สับเฉือนเข้าเต็มใบหน้า จากนั้นพายุศอกก็ถล่มตามมาเป็นพายุบุแคม เธอใช้ศอกได้ดีไม่แพ้นักมวยอาชีพ ทั้งศอกสั้น ศอกคู่  ศอกตี ศอกตัด ศอกงัด ศอกกลับ ศอกกระทุ้ง  ศอกวงนอก ศอกวงใน แต่ละศอกทำให้หน้าสะบัด ความหล่อกระจัดกระจายไปตามแรงศอกชนิดไร้ความเมตตา

             สติสัมปชัญญะดับวูบ ตั้งแต่ร่างยังร่วงไม่ถึงพื้น

               แผนการที่วางไว้ กลายเป็นการขุดหลุมดักตัวเอง เพราะเมื่อรุ่งเช้า ภาพที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิด คือผมกระเด็นกระดอนคนเดียวตามเคย ทุกคนหาว่าผมเป็นโรคประสาท มีอาการประสาทหลอน สร้างภาพขึ้นมาเอง ... คุณหมอครับ คนหล่ออย่างผมไม่เห็นจำเป็นต้องสร้างภาพเพราะคนมันหล่ออยู่แล้วเกินห้ามใจ แต่ผมก็ต้องเดินทางไปหาหมอตามสัญญา หลักฐานจากกล้องวงจรปิดมัดตัวอย่างแน่นหนา ทั้งที่ผมไม่ได้บ้า ผมแต่หล่อเท่านั้น
 

.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่