รัสเซียสำหรับเรานั้นไม่เคยอยู่ในลิสต์แพลนเที่ยวเลย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลยด้วยซ้ำไป แต่ ณ ตอนนั้นที่ราคาตั๋วเครื่องบินเป็นสิ่งดลใจเหมือนพรหมลิขิตให้เราต้องพบกันสักครั้ง ที่ท้ายสุดแล้วเราก็ได้บินมาฉลองคริสต์มาสถึงต่างถิ่นแดนไกลที่ประเทศรัสเซีย…
ประเทศที่ใครๆ ก็บอกว่าคนที่นี่ยิ้มยาก เป็นที่ที่โจรสุดจะชุกชุม และเป็นประเทศที่ต้องใช้มือป้องปากตะโกนว่า ผู้หญิงสวยมาก ทั้งหิมะยังตกน้อยที่สุดในรอบ 133 ปี เมื่อเรามาถึงแผ่นดินรัสเซีย นับเป็นโชคดี หรือโชคร้ายกันนะ
มาถึงรัสเซียด้วยสภาพที่เหมือนซอมบี้หลังจากการเดินทางอันเหนื่อยล้าและยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง พอถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองคำที่เขากล่าวขานกันว่า คนรัสเซียไม่ค่อยยิ้มนั้นคือเรื่องจริง คนไทยอย่างเรานั้นยิ้มเก่ง เจอใครก็ยิ้ม ฟังไม่ออกก็ยิ้ม แจกยิ้มกันเก่งมาก แต่พอเจอตม.รัสเซียเข้าไปก็หุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อเครื่องแลนดิ้งถึง Moscow Domodedovo Airport ใช่แล้ว... เราจะฉลองคริสต์มาสกันที่เมืองมอสโคว ประเทศรัสเซียเป็นเวลา 5 วันเต็ม
บทสนทนาที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ณ สนามบิน DMA
เรา: Hello (ยิ้มอย่างจริงใจพร้อมยื่นพาสปอร์ต)
ตม.: Tourist? (มองหน้าเรานิ่งๆ)
เรา: Yes
ตม.: ยกพาสปอร์ตขึ้นพร้อมกับมองหน้าเราสลับกับหนังสือเดินทางไปมาอย่างเคร่งเครียด
เรา: ใจคอไม่ค่อยดีเลยยิ้มให้เขาอีกครั้ง เพราะความเคยชินและเป็นคนยิ้มเก่ง
ตม.: Don’t smile (พร้อมกับหน้าที่นิ่งและดูโหดนิดหน่อย)
เรา: ยืนเกร็งตัวแข็งและหน้าเสียเลยคราวนี้ เพราะไม่เคยโดนดุเวลายิ้มให้ใคร
ตม.: วางพาสปอร์ตลงพร้อมกับพิมพ์ข้อมูลลงบนคอมพิวเตอร์เล็กน้อย และยื่นหนังสือเดินทางคืนให้
เรา: ปล่อยลมหายใจออกมาแบบลากยาวเลยจ้า นึกว่าจะไม่ได้เข้าประเทศสะแล้ว
หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเราก็เปลี่ยนซิมเป็นซิมรัสเซียที่ซื้อมาจากเมืองไทยทันที รับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยพร้อมเดินทางไปยังที่พัก อยากอาบน้ำและพักผ่อนใจจะขาดแล้ว แต่ความรัสเซียก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เมื่อเราต้องเจอกับด่านสแกนกระเป๋าและร่างกายก่อนออก (ขากลับประเทศไทยก็มีเหมือนกันนะ) กระเป๋าเดินทางที่จัดเต็มแบบไม่แคร์น้ำหนักกำลังเป็นภาระให้ก็ตอนที่ต้องยกกระเป๋าขึ้นลงสายพรานด้วยตัวเองเนี่ยล่ะ หนักเอาเรื่องเลยเมื่อคนน้ำหนัก 45 กก. อย่างเราต้องยกของที่หนักกว่าตัวเกินไปกว่าครึ่ง ไม่มีคนช่วยยกเลยแม่จ๋า อยู่ๆ ก็คิดถึงแม่ขึ้นมาเลย
เราเดินทางไปยังที่พักโดยเรียกใช้บริการผ่านแอพที่มีชื่อว่า Yandex Taxi เท้าขวาแรกที่ก้าวออกจากอาคารผู้โดยสารในช่วงสายตอนบ่ายๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนเหงา เพราะความหนาวเริ่มเข้ามาปกคลุมและดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงอันริบหรี่อยู่ไกลลับ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาพร้อมกับภาษาท้องถิ่นที่ฟังแล้วแปลกหูแต่ก็เพลินไม่น้อย ขณะที่เรากำลังยืนงงมองดูผู้คนรถที่เราเรียกก็มาถึงพร้อมเริ่มออกเดินทาง เราเซย์ไฮกับคนขับพอเป็นพิธี เพราะคุยกันไม่รู้เรื่องนอกจากภาษามือ แต่แล้วรัสเซียก็มีอะไรที่เซอร์ไพรส์รออยู่เสมอ เมื่อรถเลี้ยวลงบนถนนเส้นหลักเท่านั้นล่ะ ถึงกับต้องอุทานกันว่าแม่เจ้า รถบนท้องถนนติดมาก ติดจนคิดว่านี่ฉันอยู่แบงค็อกแดนสยามบ้านเกิดหรือเปล่า ทั้งรถยนต์ที่นี่ยังมีฝุ่นเกาะเขรอะหนามาก มากชนิดที่ว่าบางคันมองไม่เห็นป้ายทะเบียนกันเลยทีเดียว บ้านเขาไม่มีคาร์แคร์กันหรือไงนะ และด้วยการเดินทางอันแสนเหนื่อยล้าตลอดทั้งวัน เราก็หลับคอพับคออ่อนสลบยาวจนไปถึงที่พัก แล้วมานั่งคิดได้ทีหลังว่า เราเชื่อใจคนขับได้มากถึงขนาดที่กล้าหลับบนรถโดยไม่มีความกลัวเลยหรือไง พอนึกย้อนกลับไปก็นั่งขำตัวเองอยู่เหมือนกัน
หลังจากเช็คอิน เก็บสัมภาระและพักผ่อนกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปยังตลาดคริสต์มาสที่ Red Square เป็นที่แรกด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่เคยสัมผัสตลาดคริสต์มาสของจริงมาก่อนในชีวิต ทุกอย่างดูว้าวและสวยงามไปหมด เป็นการรวมทุกองค์ประกอบที่ลงตัวไปเสียทุกอย่าง การประดับตกแต่งไฟเอย บรรยากาศบ้านเมืองเอย หรือแม้แต่ชิงช้าม้าหมุนของเด็กเล่น(เราก็เล่น)และซุ้มเล็กซุ้มน้อยที่เรียงรายขายของชิดติดกันก็ดูเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ เราเดินทอดน่องมองภาพตรงหน้าพร้อมกับจิบน้ำขิงร้อนๆ ที่ช่วยบรรเทาความหนาวได้มากโข ผู้คนน้อยใหญ่ออกมาสังสรรค์กันอย่างหนาตาได้เเต่งแต้มสีสันให้กับเทศกาลสำคัญนี้อยู่มาก
เราเที่ยวในมอสโควโดยการเดินเท้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่รู้จะได้กลับมาที่นี่อีกเมื่อไหร่ อยากจะเก็บเกี่ยวทุกรายละเอียด ความรู้สึก และช่วงเวลานี้ไว้ให้ได้มากที่สุด แต่แล้วร่างกายก็สะท้านต้านความหนาวไม่ไหว โทรศัพท์นี่ดับเก่งมาก หยิบขึ้นเป็นดับ ขยับทีหน้าจอเป็นเคลื่อน แต่อากาศที่เย็นยะเยือกก็ไม่เท่ากับสายลมที่พัดผ่าน ถุงร้อนที่แปะทั่วตัวและฝ่าเท้าทั้งสองข้างไม่ได้ช่วยอะไรเมื่อหน้าและปากเราสั่นพับๆ ต้านรับลมอย่างระรื่นอยู่ด้านนอก สรุปทั้งทริปเราก็ใช้เงินแก้ปัญหาโดยการใช้บริการ Yandex Taxi และรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ชีวิตสบายขึ้นมาเยอะเลยล่ะ
ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเมืองนี้ แสงอาทิตย์ไม่เคยส่องลงมาให้ได้รับวิตามินดีเลยสักวัน ตื่นมาคือมืด พอถึงช่วงเย็นก็ยิ่งมืดสนิท บรรยากาศดูเทาไปตลอดทั้งทริป ไม่มีแม้แต่หิมะโปรยลงมาให้ได้เห็น เราก็อุตส่าห์บินรัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกลที่คิดว่าจะได้เห็นทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนเหมือนในรูปที่เขารีวิวกัน
สถานที่ท่องเที่ยวแลนด์มาร์คในมอสโควส่วนใหญ่จะเป็นโบสถ์งามที่ตั้งกระจายไปทั่วทั้งเมือง บางที่ก็เสียค่าเข้า บางแห่งก็เข้าชมได้ฟรี การก่อสร้างสถาปัตยกรรมบ้านเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โบสถ์คริสต์ที่แปลกตาไม่น้อยสำหรับคนเมืองพุทธ พอเดินเข้าไปก็เห็นคนทำพิธีทางศาสนาบ้าง ยืนสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าบ้าง และแน่นอนว่านักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็มีให้เห็นกันหนาตาพอสมควร ยิ่งจิตรกรรมฝาผนังด้านในตัวโบสถ์ที่ยังคงความสวยสดงดงามมาถึงยุคปัจจุบัน สร้างความประทับใจให้กับคนที่รักและชอบพอศิลปะอย่างเรามาก
เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารการกินเลยเป็นเรื่องสำคัญ อาหารที่รัสเซียราคาไม่แพงอย่างที่คิด เผลอๆ ราคาเท่ากับน้ำบัลดีดีๆ สักแก้ว แต่เมืองฝรั่งอย่างที่เรารู้กันว่า รสชาติอาหารบ้านเขาจะออกไปทางชีสเลี่ยนๆ ครีมเยอะๆ ที่ทำให้คนจัดจ้าน (รสชาติอาหาร) อย่างเราถึงกับนั่งเสิร์ชหาร้านอาหารไทยในเมืองกันให้วุ่น
แม้ว่าการมาเที่ยวรัสเซียครั้งนี้จะไร้หิมะให้เห็นด้วยตา สัมผัสได้ด้วยมือ และพระอาทิตย์ที่ทำเหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน อย่างน้อยสภาพอากาศที่หนาวเย็นไปถึงขั้วกระดูกก็บอกเราได้ว่า ฉันอยู่ต่างประเทศแน่นอนโว๊ย การเดินทางในครั้งนี้เป็นการเปิดโลกอีกใบให้เราได้เห็นและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากต่างแดน ต่างวัฒนธรรม และต่างต่างภาษา ที่ไม่ใช่แค่มีเงินก็ซื้อได้ ผู้คนที่มองมายังเราด้วยความสงสัยปนใคร่รู้ เพราะเส้นผมหนาดกดำแปลกตาต่างจากคนเมืองทั่วไป ประเทศที่ใครๆ ก็บอกว่าคนที่นี่ยิ้มยาก แต่เราก็เจอคนที่ยิ้มให้เราได้ตอนซื้อตั๋วรถไฟที่สถานี เพราะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ชี้โบ๊ชี้เบ๊ขำๆ ให้กันไป การได้เดินเปลี่ยนสายรถไฟด้วยบันไดเลื่อนสูงที่ทำเอาเสียวหัวใจไม่น้อย การพบเจอคนแปลกหน้าในสถานการณ์เบียดเสียด ที่ต้องเอามือจับกระเป๋าแน่นสุดชีวิต เพราะเธอนั้นคือโจรแน่ๆ และยังเป็นการเดินทางที่ทำให้เรารู้ว่า กูเกิลทรานสเลท (Google Translate) เป็นสิ่งสำคัญมากที่ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่รอดตลอด 5 วันในมอสโคว ทั้งยังได้คำว่า ดาๆ (Да) เนียทๆ (Нет) และสปาซีบะ (Спасибо) กลับบ้านมาแบบงงๆ อีกด้วย
แล้วเราจะพบกันใหม่นะ... ปาก้า ( Пока) รัสเซีย
[CR] Christmas in Moscow ในวันที่แสงริบหรี่
เรา: Hello (ยิ้มอย่างจริงใจพร้อมยื่นพาสปอร์ต)
ตม.: Tourist? (มองหน้าเรานิ่งๆ)
เรา: Yes
ตม.: ยกพาสปอร์ตขึ้นพร้อมกับมองหน้าเราสลับกับหนังสือเดินทางไปมาอย่างเคร่งเครียด
เรา: ใจคอไม่ค่อยดีเลยยิ้มให้เขาอีกครั้ง เพราะความเคยชินและเป็นคนยิ้มเก่ง
ตม.: Don’t smile (พร้อมกับหน้าที่นิ่งและดูโหดนิดหน่อย)
เรา: ยืนเกร็งตัวแข็งและหน้าเสียเลยคราวนี้ เพราะไม่เคยโดนดุเวลายิ้มให้ใคร
ตม.: วางพาสปอร์ตลงพร้อมกับพิมพ์ข้อมูลลงบนคอมพิวเตอร์เล็กน้อย และยื่นหนังสือเดินทางคืนให้
เรา: ปล่อยลมหายใจออกมาแบบลากยาวเลยจ้า นึกว่าจะไม่ได้เข้าประเทศสะแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้