ผมเชื่อเลยว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ เพื่อนๆ หลายคนน่าจะอยู่ในภวังค์ของความเครียด
ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในภวังค์ของความเครียดเช่นกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องเงิน และเรื่องอื่นๆ ที่เข้ามาพร้อมกันแบบไม่ทันตั้งตัว 
ในคืนนึง ที่กำลังนั่งเก็บของอยู่นั้นก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ ไปเที่ยวกระบี่ ฉบับ Solo Alone คนเดียว เที่ยวคนเดียว ถ่ายรูปคนเดียว กินคนเดียวและที่สำคัญ จ่ายคนเดียว 555
เลยตัดสินใจว่า เขียน รีวิว แบบตัวของตัวเองแก้เครียดกันสักหน่อย เผื่อเพื่อนๆคนไหนได้อ่านกระทู้นี้ จะช่วยลดความเครียด และคิดแผน เตรียมการเมื่อทุกอย่างดีขึ้น 

เริ่มกันเลยครับ ผมบอกก่อนว่าทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือน กุมภาพันธ์ แล้วนะครับ
แต่ก่อนที่จะไปดูรายละเอียดกัน Missi​on ของ Tripในตอนนั้นคือ ไม่มี ​555
สำหรับผม กระบี่ เคยไปมาแล้วหลายครั้งแต่มาแบบซื้อทริป ห้องพัก ดำน้ำ มากับบริษัทบ้าง เพื่อนบ้าง แต่การมาแบบนั้นทุกอย่างถูกฟิกเวลา ฟิกสถานที ฟิกการเดินทาง ถูกบังคับไปซะหมดทุกอย่าง
ผมเคยอ่านเจอกระทู้นึงใน 
Pantip  
เค้าเหมาเรือหางยาวถ่ายรูปตามเกาะต่างๆ พูดเลยว่าโคตรฟิน และตรงกับตัวเราที่สุด และแล้วความฝันนั้นก็เกิดขึ้นจริงในรอบนี้
555

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ บริษัทให้หยุดพักงาน เพรราะผลกระทบจากเศรษฐกิจ เอ๊ะ นี่มันดีหรืแไม่ดีว๊าาา ​
555 
แต่ก็ช่างมันเถอะตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบิน จอง รร ในคืนนั้น พร้อมเก็บกระเป๋า ตื่นเช้ามาไปขึ้นเครื่อง แล้วบินมาเลยครับ 
555

ผมขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ ดูรูปคร่าวๆ แล้วข้ามกันไปเลยนะครับ สำหรับตั๋วเครื่องบิน เพื่อนๆ ลองเช็คช่วง ห้าทุ่มถึงตีหนึ่งดูนะครับ ชอบมีโปรผมกดได้หลายครั้งและหลายสายการบินด้วยครับ เผื่อโชคดีแบบผม ได้ไม่ได้อย่าด่ากันนะครับ อิอิ

  

ถึงแล้วนะครับ “กระบี่”

สำหรับกระบี่รอบนี้เราเลือกพักที่หาด คลองม่วง รร ที่พักชื่อ บ้านชมเล เพราะว่าจากการศึกษาข้อมูลผ่านทางพี่ 
Google และพี่ Pantip แล้วว่าถ้าเราเลือก คลองม่วง เราจะสามารถหาความสงบ คนไม่พรุกพร่าน 

และที่สำคัญหาเช่าเรือหางยาว พร้อมทั้งขึ้นเรือหน้า รร ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้เลย

สำหรับห้องพักที่นี่ราคา พันกว่าบาทผมจองตรงกับทาง รร เองเพราะจะคุยเรื่องรับส่ง ทั้งไปและกลับด้วยเผื่อเค้ามีส่วนส่วนลด 555ส่วนใครสะดวกช่องทางไหนก็จัดกันเลยนะครับ

ว่าแล้วไปดูห้องของเราสำหรับทริปบนี้ก่อนดีกว่า นีก็บ่ายกว่าแล้วกว่าจะถ่ายรูปเสร็จอีก แสงหมดพอดี 555มัวแต่คุย
เท่าที่เห็นห้องพักทั้งหมดของที่นี่ จะเป็นแบบบังกะโลไม้ไผ่ รู้สึกเหมือนไปบาหลี เลย 5555 โคตรชิว
สำหรับเพื่อนคนไหนที่ชอบแนวนี้ รีสอร์ท ไม่ใหญ่มาก ดูอบอุ่น ติดหาด มีสระว่ายน้ำ บรรยากาศชิวๆ เราขอแนะนำที่นี่นะครับ เราว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว

อันนี้เป็นวิวจากหน้าห้องของผม

พอละไปสำรวจรอบๆ รร กันหน่อย และทำสำคัญต้องไปต่อรองราคาค่าเช่าเรือส่วนตัวสำหรับทริปพรุ่งนี้ของผมกันด้วยนะครับ

บรรยากาศยามเย็นโคตรดีเลย ใครชอบแบบนี้มานะครับ หัวสมองโล่งดี
และแล้วก็ได้เรือที่จะพาเราไปเรียบร้อย 1 วัน เหมาคนเดียวในราคา 2,000 บาท 
ส่วนจะไปไหนบ้าง หรอ บอกเลยว่า พี่แนะนำและแล้วแต่พี่พาไปเลยคราบ 555555

วันนี้ใช้พลังไปเยอะ ขอจัดอาหารเย็นให้แบบจุกๆ สักหน่อยก่อนจะขึ้นไปนอนและเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้กันต่อ 

มื้อนี้ไม่ใกล้ไม่ไกล ร้านอาหารที่เราฝากท้องไว้ ชื่อว่า Ananasเป็นร้านอาหารของ รร นั่นเอง
ส่วนของรสชาติอาหาร ปริมาณและราคา ถือว่าผ่านทั้งหมด อร่อย เยอะมากและที่สำคัญ ราคาไม่แพง
ในเมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนตามสเตปเดิม
สำหรับการเดินทางของเราวันพรุ่งนี้ พี่คนขับเรือ นัดเจอ 8.00 
พร้อมออกเดินทาง เพราะถ้าไปช้าเดี๋ยวจะเข้าไปถ่ายรูปใน ลากูน ไม่ได้เพราะน้ำจะลง ดังนั้นเราจะต้องรีบนอนเพราะเดี๋ยวจะตื่นไม่ทัน 555

มาดู บรรยากาศยามเช้ากันบ้าง โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบที่นี่ ทุกอย่างค่อนข้างดูลงตัว

อาหารเช้าที่เค้าเตรียมไว้จะเป็นแบบเซตครับ

ได้เวลานัดหมายและแล้วการเดินทางของเราก็เริ่มต้นขึ้น ...

นี่คือพี่โชเฟอร์ คนขับเรือสุดเก๋าของเรานั่นเอง

และนี่ก็คือ เรือระดับ 5 ดาว ที่จะพาเราไปทัวร์สำหรับทริปนี้นั่นเอง (เล่นใหญ่มาก)

พูดเลยว่าทะเลกระบี่ สีน้ำทะเลสีโคตรสวยเลย

สำหรับ บรรยากาศ ระหว่างเดินทางนั้น เรคเก้ ตลอดการเดินทางนะคราบ ทุกค๊นนนนน

   

บรรยากาศระหว่างทาง พี่แกแวะให้ถ่ายรูปตลอด พร้อมเล่าและแนะนำสาระพัด 
เสียดายมากจำชื่อพี่แกไม่ได้ อยากแนะนำพี่เค้ามาก

ถึงแล้ว สถานที่แรกของเรา เกาะผักเบี้ย 
จริงๆ กระบี่เป็นอีกที่นึงที่ ที่ทะเลสวยจริงๆ วันที่ผมมาเป้นวันธรรมดา ผู้คนเลยไม่เยอะมาก
โชคดีของผมจริงๆ ใครที่อยากมาเที่ยวแบบอยากยกกล้องขึ้นมาถ่ายโดยที่ไม่ต้องหามุมว่ามุมไหนที่ไม่มีคน ผมแนะนำให้มาช่วงวันธรรมดานะครับ

หลังจากที่ถ่ายรูปอยู่ที่สักพัก นั่งเล่น อัพรูป สักแปบเราก็พร้อมเดินทางสู่เกาะต่อไปกันแล้วครับ

  

เกาะที่สองที่เรามานี้ชื่อว่าเกาะเหลาลาดิง
เป็นอีกเกาะที่พูดเลยว่าสวยมากเหมือนกัน ทรายขาวและละเอียดมาก

ที่สำคัญปลาเพียบเลย ถ้ามี ขนมปังในมือ ผมว่าต้องโดนฝูงปลาจู่โจมแน่ๆ 5555
ผมใช้เวลาอยู่เกาะนี้นานพอสมควรทั้งถ่ายรูป กินข้าว และนั่งพัก จะลืมไปว่าเราต้องไปลากูนกันต่อ

และความซวยก็มาถึง น้ำลงคราบ เข้าไปด้านในไม่ได้ แต่ไม่เป็นรัย เดี๋ยวรอบหน้ามาใหม่เพราะยังไงทะเลมากี่ทีก็ไม่เคยเบื่อ

ณ ตอนนี้เวลา 15.30 จริงๆ การเดินทางมาเที่ยวของผมในครั้งนี้ถ้า ตรงมายังลากูนเลยใช้เวลาไม่นานมาก แต่ด้วยผมแวะหลายที่ และอยู่แต่ละเกาะค่อนข้างนานพอสมควร เลยทำให้กินเวลาพอสมควร และนี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกกับการเช่าเรือหางยาวของผม

รับรองว่าครั้งหน้าจะต้องมีอีก และผมจะต้องทำการบ้านเรื่องเวลาเพื่อไปตามเกาะต่างๆ ให้ครบก่อนที่จะเปลี่ยนเป้าหมายไป สิมิลัน ดูบ้าง ว่าจะสวยขนาดไหน

  

และก่อนจบทริปนี้ ผมหวังว่า รีวิว ทริป เล็กๆ ธรรมดาๆ ของผมจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้เพื่อนหายเครียด และมีแรงบันดาลใจ 

และกำลังใจผ่านพ้นวิกฤต และเตรียมแพ็คกระเป๋า แบกกล้องมาเที่ยวให้หายเครียดแบบผมนะครับ

ถ้ามีข้อมูลส่วนไหน ผิดพลาด หรือตกหล่น ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ