เราเป็นคนเนรคุณใช่ไหม ???  เหตุเกิดจากสินสอด

เรื่องมันยาวมากเลยค่ะ เราไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องจากอะไรก่อนดีแต่ทุกวันนี้มันหลอกหลอนเรา ย้ำอยู่ในใจ มีคำถามวนๆตลอดว่าที่เราทำอยู่แบบนี้คือเราเนรคุณกับครอบครัวใช่ไหม ???
 
                   เริ่มเลยนะคะ เราเป็นเด็กมีปัญหาตั้งแต่เด็กๆพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ตอนเรายังพูดไม่ได้ พ่อเรามีแฟนใหม่จึงทำให้บ้านแตก จากนั้นก็พาเราหนีมากับย่า (ปล.แม่เราเลยย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ) หนีไปอยู่บ้านใหม่กันโดยบ้านหลังนี้มีพ่อ แม่เลี้ยง ย่า และเรา บ้านเรามีฐานะกลางๆส่วนใหญ่แล้วย่าเป็นคนเลี้ยงเรา ด้วยความที่พ่อเราเป็นวัยรุ่นตอนนั้นเค้าก็ไม่ค่อยได้สนใจอะไรเรามาก ย่าเป็นคนเลี้ยงเราตั้งแต่เด็กๆ กินนอนกับย่า ไม่สบายย่าก็คอยดูแล เด็กๆเราขี้โรคเลี้ยงยาก บางทีเราไม่สบายตอนดึกๆทุกวันนี้เรายังจำค่ำคืนนั้นได้ดีเลย ย่าไปเคาะห้องเรียกพ่อให้พาเราไม่ส่งโรงพยาบาล แต่พ่อไม่สนใจไม่เปิดประตูออกมาดูเราแม้แต่น้อย เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ ย่าเราให้เล่าฟังตั้งแต่เด็กๆนะว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แม่เรา เราก็รู้อยู้รู้กินมาตั้งแต่เกิด ตอนเด็กๆก็เป็นธรรมดาน้อยเนื้อต่ำใจไม่มีแม่เหมือนคนอื่นเค้า เวลาเครื่องบินผ่านหน้าบ้านจำได้เลยว่าชอบตะโกนเรียกแม่จ๋าๆ มารับหนูหน่อย หนูคิดถึงแม่  แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกนะ เราผิดเองที่มีปม อาจจะชอบจำเรื่องราวในอดีตที่มันฝังใจ ดันจำได้แม่นซะด้วยสิ 
 
                    เมื่อเวลาผ่านไปเราอายุประมาณ 12 ขวบ พ่อและแม่เลี้ยงเราเค้าเพิ่งแต่งงานกัน เพราะแม่เลี้ยงท้อง วันที่เค้าแต่งงานกัน พ่อก็บอกเราว่าในงานแต่งอะให้เราไปนั่งกับลุงๆ ป้าๆ นะ และห้ามเรียกพ่อว่าพ่อ เพราะแม่เลี้ยงเค้าไม่ให้ญาติเค้ารู้ว่ามาแต่งงานกับคนมีลูกติด นั่นก็เป็นอีกปมที่เราจำฝังใจ   เรากับน้อง(คนละแม่)อายุห่างกัน 1 รอบค่ะ 12 ปี ใช่ค่ะการเลี้ยงดูแตกต่างกันมาก เราเองก็ไม่ได้เกลียดหรืออิจฉาน้องนะคะ รักน้องด้วยซ้ำกลับมาจากโรงเรียนมาช่วยเลี้ยงน้อง ป้อนข้าว ป้อนนม แต่ด้วยความต่างมันก็ต่างมากจริงๆค่ะ เวลาไม่สบายเข้าร.พ. น้องเราไปโรงพยาบาลเอกชน แต่ส่วนเรานี่ใช้สิทธิ์ 30 บาท อยากกินอยากได้อะไรก็ไม่ได้มีใครตามใจแบบน้อง แต่เราเข้าใจทุกอย่างเพราะเราไม่ใช่ลูกเค้า แค่เค้าส่งเราเรียนก็บุญแล้ว  ผ่านไปจนเราเริ่มเข้าม.ปลาย ตอนนั้นบ้านเราเจอกับปัญหาเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง พ่อเราก็ตกงาน เลยออกมาขายของเปิดร้านทำนั่นนี่พอมีรายได้เข้าบ้านได้นิดหน่อย แต่เงินในครอบครัวคือแม่เลี้ยงเราเก็บหมด พ่อเราหามาได้เท่าไหร่แม่เลี้ยงก็เก็บหมด เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร พ่อไม่เคยได้จับเงินสักบาทเพราะแม่เลี้ยงเป็นคนจัดการเรื่องการเงินหมด พ่อเราอยู่ใต้อาจเค้าทุกอย่าง  พ่อเราก็จะค่อนข้างเกรงใจแม่เลี้ยงมากพูดอะไรก็เชื่อและยอมทำตามหมด
 
                  ระหว่างเรากับแม่เลี้ยง เค้าก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรกับเรานะ ไม่เคยตีเราแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ไม่เคยให้ความอบอุ่นหรือให้ความรักอะไรกับเราเช่นกัน เราเรียกเค้าว่าแม่นะ เค้าก็เหมือนเป็นแม่เลี้ยงจำเป็นจริงๆเวลาเราไม่สบายเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร เค้าไม่เคยสนใจเลย ตอนเราเด็กๆนอนไข้ขึ้นอยู่บ้าน เค้ากลับมาจากทำงานก็เดินผ่านไปเลย เราก็ชินแหละ แต่เค้าก็ส่งเสียเราจนเราเรียนจบปริญญาตรี
 
 
                 ตอนเราเรียนจบใหม่ๆด้วยความที่เรามีปม ตอนเด็กๆมีปัญหาชีวิต พอเริ่มเลือกเส้นทางของตัวเองได้ เราเลยอยากมีฐานะทางการเงินที่ดี มีเงินให้พ่อแม่ใช้ ตั้งแต่เรียนจบไม่เคยขอเงินพ่อแม่สักบาท และให้เงินพ่อกับย่าใช้ทุกเดือนค่ะ ตั้งแต่เรียนจบจนถึงตอนนี้ ทำงานประจำไปด้วย ขายของออนไลน์ไปด้วย ทำอะไรที่ได้เงินเราทำหมดแต่แบบสุจริตนะคะ เราซื้อรถเองตั้งแต่อายุ 22 ซื้อเพราะต้องใช้รถทำงาน ใช้ค้าขายได้ด้วย และตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ตอนอายุ 25 ค่ะ ชีวิตเราเริ่มบันเทิงแล้วค่ะหลังจากซื้อบ้านหลังนี้ บ้านหลังนี้ราคา 7 ล้าน  ที่ซื้อเพราะน้องเราเริ่มโตแล้วบ้านเก่าก็ดูจะคับแคบไป เราซื้อโดยกู้ร่วมกับแม่เลี้ยง และผ่อนคนละครึ่ง เดือนละประมาณ 30,000 บาทต่อคนนะคะ  โดยก่อนซื้อแม่เลี้ยงบอกเราว่าถ้าขายบ้านเก่าได้จะเอามาโปะ  แต่พอขายหลังเก่าได้เค้าก็ไม่ได้เอามาโปะแต่อย่างใด ตอนนั้นเราก็ไม่คิดอะไร คิดอย่างเดียวว่าจะซื้อให้พ่อแม่เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน  เราแต่งงานไปจะอยู่หรือไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ก็ค่อยว่ากัน เพราะหลังใหญ่มีหลายห้องนอน ถ้าเรามีครอบครัวจะอยู่บ้านหลังนี้ก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา  จนถึงวันนี้ผ่อนบ้านมา 6 ปีแล้วค่ะ  ทำให้เราไม่มีเงินเก็บหามาได้เท่าไหร่ไปลงบ้านหมดค่ะ ภาระต่อเดือนค่อนข้างเยอะ 
 
 
                แต่ๆๆๆ เรื่องก็มาเกิดอิตอนที่เราจะแต่งานนี่แหละ เหตุเกิดเพราะเรื่องสินสอด ตามลิ้งค์ไปเลยนี้เลยค่ะ
https://ppantip.com/topic/39171951/comment2-3
 
https://ppantip.com/topic/39678019/comment4-2
                จนจบงานแต่ง ความวุ่นวายก็ยังไม่จบเราโดนพ่อด่า มีคนนั้นคนนี้มาเล่าให้เราฟังอยู่ตลอด ทำให้เรารู้สึกแย่คิดลบต่อตัวเองทุกวัน จะนอนก็คิดก่อนนอนทุกคืน มันไม่สบายใจเลย 
 
 
               ดอกที่หนึ่ง!!!!  พ่อและแม่เลี้ยงก็ได้ตราหน้าเราและบอกญาติพี่น้องทุกคนว่าเราเนรคุณไม่รู้บุญคุณแม่เลี้ยงที่เราไม่ได้ให้เงินค่าสินสอดเค้า เอาเราไปนินทากับญาติๆ ก็มีคนมาเล่าให้เราฟังบ้าง เราไม่ได้จะไม่ให้นะคะ แต่กะว่าแต่งเสร็จจะเอาซองมาแบ่งให้บ้าง ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านงานแต่งมาแล้ว พ่อแม่เราก็ไม่ไปร่วมงานจริงๆ  ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เราและพ่อแม่ก็มองหน้ากันไม่ติด เจอหน้ากันก็ไม่คุยกัน อยู่บ้านแบบต่างคนต่างอยู่ หลังจากแต่งงานเราได้ย้ายไปอยู่บ้านสามี  และคิดว่าเราจะขายบ้านหลังนั้นทิ้งเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ขายบ้านได้ก็หารเงินกันคนละครึ่งละเราจะเอาเงินตรงนั้นแหละให้เค้าเลย เค้าอยากจะได้เท่าไหร่เราจะให้เลย ให้เค้าไปซื้อบ้านทาวเฮาส์อยู่ด้วยกัน 3 คนพ่อแม่ลูก แต่เราก็ไม่ได้ทิ้งนะ กะว่าจะส่งเงินให้ใช้เหมือนเดิม แต่สถานการณ์เป็นแบบนี้มันมีแผลในใจกันไปแล้วทุกฝ่าย คงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วจริงๆ 

              ดอกที่สอง !!!! พอเราตัดสินใจขายบ้านพ่อเราก็ยิ่งเอาเราไปประนามกับคนอื่นว่าเราเป็นคนไม่ดี อกตัญญู ไม่รู้บุญคุณ  ประเด็นเปลี่ยนไปเลยกลายเป็นว่า พ่อหาว่าเราแต่งงานแล้วทิ้งเค้าไปอยู่บ้านสามี แล้วไม่อยากผ่อนบ้าน กลายเป็นแบบนั้นไปเลย พ่อเราเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายตลอด ชอบคิดลบ แม้กระทั่งตัวเราเอง ยังไม่เคยมีดีในสายตาพ่อเราเลย แต่ก่อนตอนเราเรียนมหาลัยเราทำงานไปด้วยเพื่อแบ่งเบาครอบครัว พ่อก็ยังหาว่าเราแอบไปกับผู้ชาย เป็นเด็กใจแตก เดี๋ยวก็ท้องก่อนเรียนจบ พ่อชอบพูดอะไรที่ทำร้ายความรู้สึกเราตลอด  ตอนยังอยู่บ้านทำงานมาเหนื่อยๆ กลับมาบ้านเราก็ชอบมองบ้านด้วยหลังนั้นด้วยความภาคภูมิใจตลอดว่านี่คือน้ำพักน้ำแรงที่เราทำให้ครอบครัว ผ่อนบ้าน ให้เงินพ่อกับย่าใช้ ตั้งแตอายุยังน้อย แต่ไม่เลยพ่อไม่เคยภาคภูมิใจในตัวเรา หาว่าเราทำงานหาเงินได้แล้วปีกกล้าขาแข็ง เราก็ชินแหละ แต่ในใจลึกๆมันก็เสียใจอยู่ไม่น้อย
 
           เราก็รู้สึกไม่ดีไม่รู้ว่าที่เราทำอยู่นี้มันคือการเนรคุณแบบที่พ่อด่าเราจริงๆไหม  ถ้าใช่เราต้องทำยังไง
สิ่งที่ถูกต้องเราควรทำอย่างไร ให้มันจบด้วยดี ไม่ต้องมีฝ่ายไหนต้องเจ็บปวดต่อความรู้สึกกันอีก แต่เราคงไม่ไปอยู่รวมกับเค้าแล้ว อยากแยกออกมาสร้างครอบครัวใหม่แก้ไขอดีตที่เราเคยเจ็บปวด เราอยากมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบคนอื่นบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่