สวัสดีครับ พอดีผมเป็นมือใหม่ Pantip เพิ่งได้รีวิวเป็นกระทู้แรก
ปกติจะคอยอ่านอย่างเดียว แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเก็บตัวจากCOVID-19 เลยมีเวลาอยู่หน้าคอมมากขึ้น
ยังไงผมขอฝาก Instagram ด้วยนะครับ ซึ่งผมจะโพสรูปสถานที่ต่างๆที่เคยไปมาแล้วสลับๆกันไป
IG account :
ruby_lib
งั้นเริ่มเรื่องเลยครับ เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้ไปประชุมงานที่ Helsinki, Finland ระยะเวลาประมาณ 3 คืน
นั่นหละครับ น้อยมากๆ นั่งเครื่องบินไปยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย ต้องนั่งกลับแล้ว แต่ยังไงซะไหนๆก็มาถึงยุโรปแล้วก็ต้องออกไปตระเวนชมบ้านเมืองของเค้ากันหน่อยนะ
ต้องขอโทษล่วงหน้า เนื่องจากไม่ได้กะมารีวิวแต่ตอนแรก บางช่วงเวลาอาจไม่มีภาพนะครับ แต่ผมจะพยายามอธิบายให้ดีที่สุดเลย
Day 1
ขาไปเรานั่งเครื่องสายการบิน Finair เที่ยวบิน AY142 ออกเดินทางจากกรุงเทพตอน 8.55น. เป็นเที่ยวบินตรง ระยะเวลาประมาณ 10ชม.ครึ่ง ถึง Helsinki ตอน 15.15น. เวลาของที่นั่นช้ากว่าเรา 4 ชม. ครับ
มาพูดกันถึงเที่ยวบินนี้ก่อนเลย ถือเป็นโชคดีของการนั่งไฟท์เช้าครับ ที่นั่งโล่งมาก แถวที่ผมนั่ง 3 ที่นั่ง ผมนั่งอยู่คนเดียวเลย สบายมากๆ
ข้อด้อยของสายการบินนี้คือเค้าจะเสริฟ main dish แค่มื้อเดียวครับ ก่อนเครื่องลงจะให้แซนวิซมา1ชิ้น ซึ่งไม่อร่อยเลย เครื่องดื่มAlc.เค้ามีบริการแต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ ผมก็เพิ่งเคยเจอสายการบินนี้แหละ
พอถึงสนามบิน Helsinki-Vantaa ผ่าน ตม.มาแล้ว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เจอร้านอาหารร้านแรกรีบวิ่งเข้าใส่เลยครับ เพราะหิวมาก พอกินอิ่มกันแล้วก็ลงไปที่รถไฟฟ้าครับ
โดยทางผู้จัดงานประชุมเค้าแจกบัตร Day ticket มาครับ (่ดังรูป) ซึ่งสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้ทุกชนิดในระยะเวลา 3 วัน ทั้ง รถไฟ, รถราง, รถบัส, เรือ, จักรยานเช่า เรียกได้ว่าใบเดียวเสร็จสรรพทุกอย่างเลย
เรานั่งรถไฟเข้าเมือง ต่อรถรางไปพักที่โรงแรม Scandic Meilahti ซึ่งการเดินทางใน Helsinki เป็นอะไรที่ง่ายมากเลยครับ รถสาธารณะไม่มีการตรวจตั๋ว อาศํยความเชื่อใจอย่างเดียว เอาจริงๆไม่ต้องซื้อบัตรยังได้เลยแต่ว่าคงจะรู้สึกผิดหน่อยๆ 555
ในตัวเมืองเงียบมาก ผู้คนน้อย ดูโล่งๆครับ
Platform ในสถานีรถไฟ
บรรยากาศหน้าสถานี Helsingin päärautatieasema
ภายในเมืองสัญจรกันด้วยรถรางกับรถบัสเป็นหลัก
หลังจาก Check in เก็บของ พักผ่อนพอประมาณ เราก็ออกมาหาอะไรกินกันครับ จุดหมายเราคือไปร้าน Restaurant Kuu กันครับ ดูreviewจาก google map 4.5ดาว
บรรยากาศระหว่างเดินไปร้านอาหาร
เปิปพิศดารเนื้อกวางเรนเดียร์
Craft beer ผมจำชื่อยี่ห้อไม่ได้ครับ แต่หอมหวานมาก
Day 1 ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ
Day 2
ตื่นเช้ามา ก็ลงมาทานอาหารของโรงแรมก่อนเลยครับ ที่นี่สว่างช้ามากครับ 7โมงเช้า บรรยากาศเหมือนตี5 บ้านเรา
บรรยากาศห้องอาหารเช้าของโรงแรมกับLineอาหาร Nordic style
เสร็จแล้วเราก็ไปทำงานทำภาระกิจหลักที่เราต้องมาในทริปนี้
หลังเสร็จงานก็บ่ายมากแล้ว โชคดีฟ้ายังไม่มืด เลยมีเวลาเดินเล่นในเมืองซึมซับบรรยากาศ ฤดูใบไม้ร่วงของ Helsinki
อย่างที่บอก ผู้คนในเมืองค่อนข้างบางตาครับ และสภาพบ้านเมืองสะอาดมาก
เราเดินทางมาที่ย่าน Citycenter โดยลงรถรางที่ป้าย Aleksanterinkatu เดินเท้าต่อแป๊ปเดียวก็ถึง cafe ชื่อดัง Karl Fazer มานั่งจิบกาแฟและทานของหวานกัน
เป็นCafeที่ค่อนข้างใหญ่ ตกแต่งหรูหรา และคนเยอะมากกก เข้าคิวสั่งกาแฟกว่าจะได้แต่ละแก้วนานมาก ผมเองไม่ใช่คอกาแฟ เลยบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง เอาเป็นว่าหอมอร่อยดีละกัน
พอฟ้าเริ่มมืด เราก็เดินทางไปทานมื้อเย็นกันที่ร้าน Maxine ในห้าง Kamppi Center ที่นี่มี tap beer และ craft beer ให้เลือกเยอะ
และ Day2 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
Day 3
วันนี้เป็นวันฟรีๆ สบายๆ ครับ โปรแกรมหลักของเราจะไปกันที่เกาะ Suomenlinna กันครับ
เกาะ Suomenlinna หรือ Suomenlinna Fortress เป็น UNESCO World Heritage ของ Finland เลยหละครับ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในปี 1748 เพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย
ก่อนอื่นเราเดินทางมาที่ท่าเรือ ระหว่างรอเรือไป Suomenlinna Fortress เราก็เดินเที่ยวชมบรรยากาศบริเวณริมท่าเรือไปก่อน
Helsinki City Hall
มีจักรยานเช่าให้ปั่นเล่นแถวท่าเรือ ซึ่งสามารถใช้บัตร Day ticket ได้เช่นกัน
Helsinki old market halls เดี๋ยวขากลับเราจะมาทานอาหารกันที่นี่
รอจนเรือเข้ามาแล้ว ก็ถึงเวลารับบรรยากาศการล่องเรือซักที โดยใช้บัตร Day ticket ขึ้นได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ
เดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึง Suomenlinna Fortress แล้ว
บรรยากาศริมท่าเรือของเกาะเมื่อมาถึง
แผนที่ของเกาะ
สะพาน Pikku-Musta
ระหว่างทางเดินเข้าด้านในป้อม
Suomenlinna Church
ท่าเรือเล็กๆที่ต่อกับช่องแคบในเกาะ
The great courtyard เป็นหลุมศพของผู้สร้างป้อมแห่งนี้นามว่า Augustin Ehrensvärd
ลึกเข้าไปในเกาะจะเริ่มมีบรรยากาศของป้อมปราการมากขึ้นเรื่อยๆ จากรูปจะเป็น Dungeon คล้ายๆเป็นอุโมงหรือถ้ำ ไว้ไห้ทหารอาศัยและทำการรบ ซึ่งเราจะพบเห็นได้ทั่วไปในเกาะแห่งนี้เลย
หลังจากเดินจนหมดแรงกันแล้วก็กลับไปรอขึ้นเรือเพื่อกลับไปยัง Helsinki ซึ่งเรือจะมาทุกๆ 40นาที ระหว่างนี้ในเกาะมีที่รอ เป็นtourist center อยู่หน้าท่าเรือ และมีmartอยู่ข้างๆ ใครเบื่อๆก็เข้าไปเดินใน tourist center อ่านประวัติของเกาะแห่งนี้ หรือไปเดินซื้อของกินก็ได้
กลับมาถึง helsinki ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ความหิวเริ่มมาเยือนทุกๆคน พวกเรารีบตรงไป Helsinki old market halls ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวสีแดงๆ บริเวณท่าเรือนี่เองครับ โดยด้านในจะรวมร้านอาหารสดไว้มากมายหลายร้าน หลักๆเน้นอาหารทะเล salmon หอยต่างๆ ปรุงตรงนั้นกินเดี๋ยวนั้น เรียกได้ว่าฟินกันถ้วนหน้า
บรรยากาศภายในตลาด มีร้านให้เลือกจนรกตาไปหมด
อาหารดี ต้องคู่กับเบียร์ดี ตามจริงเราจัดกันหลายเมนูมาก แต่ด้วยความหิว เลยไม่มีใครทันได้ถ่ายรูปไว้
หลังจากกินกันอิ่มแล้วเราก็เดินเท้าไปที่โบสถ์ Uspenski Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์คริส สร้างโดยได้ใช้สถาปัตยกรรมที่รับมาจากรัสเซีย ซึ่งก็ถือได้ว่าสวยงามพอสมควร
หลังจากเราเดินเล่นในเมืองต่อจนตกเย็น ก็ไปจัดมื้อเย็นกันที่ร้าน Manhattan เมนูหลักๆคงหนีไม่พ้นสเต็กและกวางเรนเดียร์
ถือเป็นอันจบ Day 3 ครับ
วันสุดท้ายเดี๋ยวมาต่อนะครับ เนื่องจากพิมพ์ข้อความเต็มแล้ว
[CR] Finland Business trip ตะลอน Helsinki แบบรีบๆ
สวัสดีครับ พอดีผมเป็นมือใหม่ Pantip เพิ่งได้รีวิวเป็นกระทู้แรก ปกติจะคอยอ่านอย่างเดียว แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเก็บตัวจากCOVID-19 เลยมีเวลาอยู่หน้าคอมมากขึ้น
ยังไงผมขอฝาก Instagram ด้วยนะครับ ซึ่งผมจะโพสรูปสถานที่ต่างๆที่เคยไปมาแล้วสลับๆกันไป
IG account : ruby_lib
งั้นเริ่มเรื่องเลยครับ เมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสได้ไปประชุมงานที่ Helsinki, Finland ระยะเวลาประมาณ 3 คืน นั่นหละครับ น้อยมากๆ นั่งเครื่องบินไปยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย ต้องนั่งกลับแล้ว แต่ยังไงซะไหนๆก็มาถึงยุโรปแล้วก็ต้องออกไปตระเวนชมบ้านเมืองของเค้ากันหน่อยนะ
ต้องขอโทษล่วงหน้า เนื่องจากไม่ได้กะมารีวิวแต่ตอนแรก บางช่วงเวลาอาจไม่มีภาพนะครับ แต่ผมจะพยายามอธิบายให้ดีที่สุดเลย
Day 1
ขาไปเรานั่งเครื่องสายการบิน Finair เที่ยวบิน AY142 ออกเดินทางจากกรุงเทพตอน 8.55น. เป็นเที่ยวบินตรง ระยะเวลาประมาณ 10ชม.ครึ่ง ถึง Helsinki ตอน 15.15น. เวลาของที่นั่นช้ากว่าเรา 4 ชม. ครับ
มาพูดกันถึงเที่ยวบินนี้ก่อนเลย ถือเป็นโชคดีของการนั่งไฟท์เช้าครับ ที่นั่งโล่งมาก แถวที่ผมนั่ง 3 ที่นั่ง ผมนั่งอยู่คนเดียวเลย สบายมากๆข้อด้อยของสายการบินนี้คือเค้าจะเสริฟ main dish แค่มื้อเดียวครับ ก่อนเครื่องลงจะให้แซนวิซมา1ชิ้น ซึ่งไม่อร่อยเลย เครื่องดื่มAlc.เค้ามีบริการแต่ต้องจ่ายเงินเพิ่มนะครับ ผมก็เพิ่งเคยเจอสายการบินนี้แหละ
พอถึงสนามบิน Helsinki-Vantaa ผ่าน ตม.มาแล้ว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เจอร้านอาหารร้านแรกรีบวิ่งเข้าใส่เลยครับ เพราะหิวมาก พอกินอิ่มกันแล้วก็ลงไปที่รถไฟฟ้าครับ
โดยทางผู้จัดงานประชุมเค้าแจกบัตร Day ticket มาครับ (่ดังรูป) ซึ่งสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้ทุกชนิดในระยะเวลา 3 วัน ทั้ง รถไฟ, รถราง, รถบัส, เรือ, จักรยานเช่า เรียกได้ว่าใบเดียวเสร็จสรรพทุกอย่างเลย
เรานั่งรถไฟเข้าเมือง ต่อรถรางไปพักที่โรงแรม Scandic Meilahti ซึ่งการเดินทางใน Helsinki เป็นอะไรที่ง่ายมากเลยครับ รถสาธารณะไม่มีการตรวจตั๋ว อาศํยความเชื่อใจอย่างเดียว เอาจริงๆไม่ต้องซื้อบัตรยังได้เลยแต่ว่าคงจะรู้สึกผิดหน่อยๆ 555
ในตัวเมืองเงียบมาก ผู้คนน้อย ดูโล่งๆครับ
Platform ในสถานีรถไฟ
บรรยากาศหน้าสถานี Helsingin päärautatieasema
ภายในเมืองสัญจรกันด้วยรถรางกับรถบัสเป็นหลัก
หลังจาก Check in เก็บของ พักผ่อนพอประมาณ เราก็ออกมาหาอะไรกินกันครับ จุดหมายเราคือไปร้าน Restaurant Kuu กันครับ ดูreviewจาก google map 4.5ดาว
บรรยากาศระหว่างเดินไปร้านอาหาร
เปิปพิศดารเนื้อกวางเรนเดียร์
Craft beer ผมจำชื่อยี่ห้อไม่ได้ครับ แต่หอมหวานมาก
Day 1 ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ
Day 2
ตื่นเช้ามา ก็ลงมาทานอาหารของโรงแรมก่อนเลยครับ ที่นี่สว่างช้ามากครับ 7โมงเช้า บรรยากาศเหมือนตี5 บ้านเรา
บรรยากาศห้องอาหารเช้าของโรงแรมกับLineอาหาร Nordic style
เสร็จแล้วเราก็ไปทำงานทำภาระกิจหลักที่เราต้องมาในทริปนี้
หลังเสร็จงานก็บ่ายมากแล้ว โชคดีฟ้ายังไม่มืด เลยมีเวลาเดินเล่นในเมืองซึมซับบรรยากาศ ฤดูใบไม้ร่วงของ Helsinki
อย่างที่บอก ผู้คนในเมืองค่อนข้างบางตาครับ และสภาพบ้านเมืองสะอาดมาก
เราเดินทางมาที่ย่าน Citycenter โดยลงรถรางที่ป้าย Aleksanterinkatu เดินเท้าต่อแป๊ปเดียวก็ถึง cafe ชื่อดัง Karl Fazer มานั่งจิบกาแฟและทานของหวานกัน
เป็นCafeที่ค่อนข้างใหญ่ ตกแต่งหรูหรา และคนเยอะมากกก เข้าคิวสั่งกาแฟกว่าจะได้แต่ละแก้วนานมาก ผมเองไม่ใช่คอกาแฟ เลยบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง เอาเป็นว่าหอมอร่อยดีละกัน
พอฟ้าเริ่มมืด เราก็เดินทางไปทานมื้อเย็นกันที่ร้าน Maxine ในห้าง Kamppi Center ที่นี่มี tap beer และ craft beer ให้เลือกเยอะ
และ Day2 ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ครับ
Day 3
วันนี้เป็นวันฟรีๆ สบายๆ ครับ โปรแกรมหลักของเราจะไปกันที่เกาะ Suomenlinna กันครับ
เกาะ Suomenlinna หรือ Suomenlinna Fortress เป็น UNESCO World Heritage ของ Finland เลยหละครับ เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นในปี 1748 เพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย
ก่อนอื่นเราเดินทางมาที่ท่าเรือ ระหว่างรอเรือไป Suomenlinna Fortress เราก็เดินเที่ยวชมบรรยากาศบริเวณริมท่าเรือไปก่อน
Helsinki City Hall
มีจักรยานเช่าให้ปั่นเล่นแถวท่าเรือ ซึ่งสามารถใช้บัตร Day ticket ได้เช่นกัน
Helsinki old market halls เดี๋ยวขากลับเราจะมาทานอาหารกันที่นี่
รอจนเรือเข้ามาแล้ว ก็ถึงเวลารับบรรยากาศการล่องเรือซักที โดยใช้บัตร Day ticket ขึ้นได้เลยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ
เดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึง Suomenlinna Fortress แล้ว
บรรยากาศริมท่าเรือของเกาะเมื่อมาถึง
แผนที่ของเกาะ
สะพาน Pikku-Musta
ระหว่างทางเดินเข้าด้านในป้อม
Suomenlinna Church
ท่าเรือเล็กๆที่ต่อกับช่องแคบในเกาะ
The great courtyard เป็นหลุมศพของผู้สร้างป้อมแห่งนี้นามว่า Augustin Ehrensvärd
ลึกเข้าไปในเกาะจะเริ่มมีบรรยากาศของป้อมปราการมากขึ้นเรื่อยๆ จากรูปจะเป็น Dungeon คล้ายๆเป็นอุโมงหรือถ้ำ ไว้ไห้ทหารอาศัยและทำการรบ ซึ่งเราจะพบเห็นได้ทั่วไปในเกาะแห่งนี้เลย
หลังจากเดินจนหมดแรงกันแล้วก็กลับไปรอขึ้นเรือเพื่อกลับไปยัง Helsinki ซึ่งเรือจะมาทุกๆ 40นาที ระหว่างนี้ในเกาะมีที่รอ เป็นtourist center อยู่หน้าท่าเรือ และมีmartอยู่ข้างๆ ใครเบื่อๆก็เข้าไปเดินใน tourist center อ่านประวัติของเกาะแห่งนี้ หรือไปเดินซื้อของกินก็ได้
กลับมาถึง helsinki ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ความหิวเริ่มมาเยือนทุกๆคน พวกเรารีบตรงไป Helsinki old market halls ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวสีแดงๆ บริเวณท่าเรือนี่เองครับ โดยด้านในจะรวมร้านอาหารสดไว้มากมายหลายร้าน หลักๆเน้นอาหารทะเล salmon หอยต่างๆ ปรุงตรงนั้นกินเดี๋ยวนั้น เรียกได้ว่าฟินกันถ้วนหน้า
บรรยากาศภายในตลาด มีร้านให้เลือกจนรกตาไปหมด
อาหารดี ต้องคู่กับเบียร์ดี ตามจริงเราจัดกันหลายเมนูมาก แต่ด้วยความหิว เลยไม่มีใครทันได้ถ่ายรูปไว้
หลังจากกินกันอิ่มแล้วเราก็เดินเท้าไปที่โบสถ์ Uspenski Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์คริส สร้างโดยได้ใช้สถาปัตยกรรมที่รับมาจากรัสเซีย ซึ่งก็ถือได้ว่าสวยงามพอสมควร
หลังจากเราเดินเล่นในเมืองต่อจนตกเย็น ก็ไปจัดมื้อเย็นกันที่ร้าน Manhattan เมนูหลักๆคงหนีไม่พ้นสเต็กและกวางเรนเดียร์
ถือเป็นอันจบ Day 3 ครับ
วันสุดท้ายเดี๋ยวมาต่อนะครับ เนื่องจากพิมพ์ข้อความเต็มแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้