หุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้างอาการหนัก ถือรอฟื้นหรือเปลี่ยนกลุ่ม?



หลังจากรัฐบาลตัดสินใจสั่งปิดสถานที่ในกรุงเทพฯเป็นการชั่วคราว 22 มี.ค.-12 เม.ย.63 นอกจากหุ้นธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่เป็นผู้เคราะห์ร้ายรายแรกๆแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า"หุ้นกลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง" เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักไม่แพ้กัน ทำให้ราคาหุ้นพากันดิ่งแตะฟลอร์ต่อเนื่อง แม้ในตอนแรกจะประเมินกันว่ามีสาขาน้อยมากที่จะได้รับผลกระทบ แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่าแต่ละรายถูกปิดสาขาไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว!
ราคาหุ้น "กลุ่มวัสดุก่อสร้าง" วันทำการล่าสุด(24 มี.ค. 63) ยังคงร่วงหนักต่อเนื่องโดยมี บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL , บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ที่ปรับตัวลดลงหนักจนติดฟลอร์(Floor)ที่ -14.80% และ -14.71% ตามลำดับ ขณะที่ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO และ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ -3.61% และ -2.90% ตามลำดับ หลังจากที่ราคาหุ้นรูดหนักไปก่อนหน้าเรียบร้อยแล้ว

*** GLOBAL แตะฟลอร์ แต่ผู้บริหารเชื่อปีนี้ยังมีกำไร!
หุ้น "วัสดุก่อสร้างดิ่งแรง" รายแรก นำโดย GLOBAL ที่ร่วงลงไปแตะฟลอร์(Floor)ที่ราคา 8.35 บาท และปิดตลาดไปในระดับเดียวกัน คิดเป็นลดลง 1.45 บาท หรือ -14.80% มูลค่าการซื้อขาย 182.28 ล้านบาท สาเหตุหลักก็คือการปิดสาขาไปจำนวนมากถึง 35-37 สาขา หรือครึ่งหนึ่งของสาขาทั้งหมด

นายยุทธนา สุริยวนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสินค้านำเข้า GLOBAL ออกมาระบุ(24มี.ค.63)ว่า การเติบโตของยอดขายของสาขาเดิม(SSSG)ในปี 63 จะปรับตัวลดลงจนติดลบ เมื่อเทียบกับปี 62 เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น ทำให้บริษัทต้องปิดสาขาไปแล้วกว่า 35 - 37 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 50% ของสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะต้องทยอยปิดสาขาต่อเนื่องหากมีคำสั่งจากภาครัฐออกมาเพิ่มเติม

ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโต แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ 20.45% ด้วยการขายสินค้าประเภทเฮ้าส์แบรนด์ให้มากขึ้น และหันมาเน้นยอดขายสินค้าในช่องทางออนไลน์โดยในช่วงที่ผ่านมาการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด ดังนั้นจึงคาดว่าปีนี้จะยังมีกำไรอยู่

*** DOHOME ดิ่งฟลอร์ตามมาติดๆ หลังปิดสาขาไป 11 จาก 15 แห่ง
ตามมาด้วย DOHOME ดิ่งลงไปแตะฟลอร์และปิดตลาดไปในระดับเดียวกันที่ 4.06 บาท ลดลง 0.70 บาท หรือ -14.71% ทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าซื้อขาย มูลค่าการซื้อขาย 143.78 ล้านบาท โดยบริษัทปิดสาขาไปทั้งหมด 11 สาขา ดังนี้ สาขาขนาดใหญ่ 5 สาขา ได้แก่ สาขารังสิต สาขาบางบัวทอง สาขาพระราม2 สาขาโคราช และสาขาเพชรเกษม  ส่วนสาขาขนาดเล็ก (Dohome ToGo) ปิด 6 สาขา ได้แก่ สาขาแม็คโคร-จรัญสนิทวงศ์ สาขาแม็คโคร-สาทร สาขาบิ๊กซี-บางพลี สาขาโลตัส-โคราช สาขาพันธ์ทิพย์-งามวงศ์วาน และสาขาโลตัส-บางนา

ซึ่งข้อมูลจาก 56-1 ของบริษัทพบว่า ณ สิ้น ธ.ค.62 บริษัทมีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 15 สาขา ดังนั้นการปิดสาขาถึง 11 แห่ง เท่ากับว่าปิดไปถึง 73% ของสาขาทั้งหมดเลยทีเดียว

*** HMPRO นิวโลว์รอบ 3 ปี 5 เดือน
ราคาหุ้น บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 9 บาท นิวโลว์รอบ 3 ปี 5 เดือน ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นมาปิดตลาดไปที่ 9.35 บาท ลดลง 0.35 บาท หรือ 3.61% มูลค่าการซื้อขาย 591.69 ล้านบาท 

โดย HMPRO แจ้งปิดสาขา ภายในวันที่ 22 มี.ค. – 12 เม.ย. 63 ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยกเว้น นครปฐม, นครราชสีมา, เชียงใหม่ วันที่ 22 มี.ค. – 31 มี.ค. 63 สาขานครปฐม และ 22 มี.ค. – 2 เม.ย. 63 สาขาสกลนคร ทั้งนี้ยอมรับว่าผลจากการปิดสาขาในเขตจังหวัดดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อยอดขายในไตรมาสที่ 1 และ ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

*** ILM ปิด 30 สาขา จาก 46 สาขา
ส่วนราคาหุ้น บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ระหว่างวันลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 6.55 บาท ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าตลาด ก่อนฟื้นมาปิดตลาดได้ที่ 6.70 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -2.90% มูลค่าซื้อขายเบาบางเพียง 18.97 ล้านบาท

ซึ่ง ILM ได้ตัดสินใจปิดสาขาไปทั้งหมด 30 สาขา จากทั้งหมด 46 สาขาด้วยกัน

*** กูรูฉายภาพผลกระทบ คาดเริ่มฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง 
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกสินค้าที่ไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง HMPRO ILM จะได้รับผลกระทบจากมาตรการป้องกันโควิด-19 ผ่านการปิดสาขามากกว่าหุ้นขายสินค้าประจำวันอย่าง CPALL และ BJC ดังนั้นจากผลกระทบดังกล่าวจึงปรับลดประมาณการกำไร HMPRO และ ILM ลง 4.3% และ 5.9% ตามลำดับ

ขณะที่การกลับมาเติบโตอีกครั้งจะต้องคาดหวังในช่วงครึ่งหลังของปี 63 เป็นต้นไป 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ มีมุมมองเป็นลบต่อประเด็นการสั่งปิดศูนย์การค้าและพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่กทม.-ปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่จังหวัดนครราชสีมาและเชียงใหม่ โดยคาดว่าจะกระทบยอดขายทั้งปี 63 ของ ILM และ HMPRO มากสุดจะหายไปราว -3% ตามด้วย GLOBAL กระทบ -1% ของรายได้ทั้งปี อย่างไรก็ดีหากโควิด-19 ยังระบาดต่อเนื่องจะมีหลายจังหวัดปิดพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น ถือเป็นความเสี่ยงขาลงต่อตัวเลขกำไรปี 63 ของทุกราย 

เราจึงประเมินว่าราคาหุ้นทั้งกลุ่มค้าปลีกจะยังถูกบรรยากาศลบครอบงำจนกว่าตัวเลขการระบาดลดลง ดังนั้น การลงทุนในกลุ่มค้าปลีก แนะนำ "ทยอยซื้อ" เป็นสำคัญโดยเลือกผู้ประกอบการที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ดีและง่ายกว่าคู่แข่งจากประสิทธิภาพในการควบคุมมาร์จิ้นอย่าง HMPRO ให้ราคาเหมาะสม 15 บาท

*** ราคาหุ้นปัจจุบันมีอัพไซด์สูงถึง 73-156%
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาเหมาะสมเฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้างจากนักวิเคราะห์หลายราย(IAA Consensus)พบว่าส่วนใหญ่จะมีอัพไซด์สูงมาก
กลยุทธ์ทยอยซื้อหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย ตามที่นักวิเคราะห์แนะนำ น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้ว เพราะวัสดุก่อสร้างไม่ได้จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันในภาวะวิกฤตไวรัสระบาด จึงมีโอกาสที่รัฐบาลจะสั่งปิดพื้นที่สาขาอื่นๆได้อีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแม้จะมีอัพไซด์ 100% ขึ้นไป ก็คงไม่มีความหมายในเวลานี้!
--------------------------
สำนักข่าว efinanceThai ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นได้ที่นี่ 
Website : https://www.efinancethai.com 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThaiTV/ 
Facebook : https://www.facebook.com/efinanceThai/ 
lTwitter : @eFinanceThai 
IG : @efinancethai_official 
line : @efin

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่