หญิงสาวแต่งตัวสวยชุดไทย บรรจงหยดน้ำหอมลงในขันเงินลายไทย ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มด้วยประกายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝัน วันนี้วันสงกรานต์ เธอจะไปสรงน้ำพระทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง เหมือนทุกปี บุญคือสิ่งที่ต้องเสาะแสวงหา ไม่ใช่รอให้บุญมาหล่นทับหรือรถขนบุญมาเกย จะเป็นเพราะความต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ หรือเพราะอย่างอื่น เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
แสงแดดยามเช้า ส่องสอดผ่านกระจกหน้าต่างห้องนั่งเล่น บริเวณชั้นล่างของบ้านทรงไทยประยุกต์เข้ามา อากาศสดใส มองเห็นปุยเมฆเบาบางแต่งแต้มประดับฟ้าคราม เสียงนกร้องเป็นระยะ เกาะเป็นคู่ตามสายไฟฟ้า หลังคาบ้านใกล้เคียง พวกนกไม่รู้หรอกว่า วันนี้เป็นวันสงกรานต์ หรือวันไม่สงกรานต์ คงรู้เพียงว่าจะหาอาหารอย่างไร หญิงสาวมองพลางคิดว่า บรรดานกกาก็คงมีความสุข-ทุกข์ ตามประสานกกา เหมือนบรรดาหมาแมวทั้งหลาย ก็คงมีสุขทุกข์ตามประสาสัตว์โลก คนเราเองก็คงเช่นกัน...ต่างชนิด ต่างเผ่าพันธุ์ ก็มีวิถีทางของใครของมัน คงยากจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ว่า ชีวิตของใครดีกว่าใคร
เธอเคยสงสัยว่า สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง จะเหงาเศร้าบ้างไหมนะ เพราะบางทีท่าทางเซื่องซึมนิ่งสงบของพวกมัน ก็ตีความออกมาไม่ได้ว่า หมายถึงอะไร อาจจะไม่สบาย สบายดี เบื่อ เซ็ง ก็เป็นได้
วันนี้หญิงสาวรู้สึกเหงาและอ้างว้าง ทั้งที่กำลังจะไปงานสงกรานต์ ไปทำบุญกับคนรัก
เขาและเธอเคยไปงานวันสงกรานต์ ไปสรงน้ำพระด้วยกัน วันสงกรานต์ เธออาบน้ำ แต่งตัว ตั้งแต่ไก่โห่ ไปทำบุญที่วัดสักครั้งในวันพิเศษ ภาพสองคนเคียงคู่กันขณะสรงน้ำองค์พระใหญ่น้อยเรียงราย เป็นเงาความทรงจำแสนดี ไม่ว่าดึงออกมาชมเชยด้วยความคิดถึงครั้งใด ก็ซาบซึ้งประทับใจเสมอ
ที่รัก...คุณกำลังมาหรือยังนะ ฉันรอคุณอยู่....
กระซิบถามไปกับท้องฟ้า คำตอบคือเสียงนกกาฟังไม่เป็นภาษาคน พวกมันพยายามตอบเธออยู่ใช่ไหม...มันต้องใช่แน่... เธอคิดอย่างมั่นใจ ตอบคำถามของตัวเองว่า เดี๋ยวเขาก็จะมาถึงที่นี่...ขับรถมาจากบ้าน พร้อมรอยยิ้ม จะเป็นวันแห่งความสุขแสนประทับใจอีกวันหนึ่ง สำหรับการเดินทางไปตามวัดต่าง ๆ เพื่อสรงน้ำองค์พระ ด้วยน้ำฉ่ำเย็นส่งกลิ่นหอมโรยกลีบดอกไม้ รายรอบด้วยผู้คนมากมาย มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สุขสันต์ในวันสงกรานต์
แต่ว่าสายมากแล้ว ทำไมเขายังไม่มา
บางทีรถคงมีปัญหา สภาพจราจร หรือมีธุระสักอย่าง
คุณแม่ชะโงกออกมามองหญิงสาว จากประตูห้องครัว สีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอะไร ประกายตาผ่านโลกของชีวิตยาวนาน มีประกายแห่งความห่วงใยและให้กำลังใจในขณะเดียวกัน เธอยิ้มให้กับคุณแม่เหมือนจะบอกว่า ไม่ต้องห่วงกังวล สงกรานต์ปีนี้จะเหมือนทุกครั้ง ไม่มีอะไรผิดพลาด ทำไมเธอจะไม่รู้นิสัยใจคอของคนรัก ไม่มีทางที่เขาจะลืมวันเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้
เสียงโทรศัพท์มือถือ ดังขึ้น หญิงสาวรีบคว้าขึ้นมาหลังจากมองดูเบอร์โทรเข้าก็ยิ้มออกมาได้ เป็นเบอร์โทรของเขาอย่างที่แอบคาดหมายเอาไว้
“คุณอยู่ไหนคะ” เธอรีบถามโดยไม่ต้องเสียเวลาทักทาย
“ผมกำลังมาหาคุณ รอผมสักนิดนะครับ”
เสียงตอบนั่นก็เป็นเสียงของคนรักอย่างไม่ต้องสงสัย หญิงสาวยิ้มออกมาได้ ในที่สุดเธอก็มั่นใจแล้วว่าการรอคอยของเธอไม่ไร้อนาคต เขากำลังเดินทางมาหาเธออย่างเช่นทุกปี เพื่อจะได้ไปทำบุญกันในวันสงกรานต์
“ฉันรอคุณอยู่นะคะ” เธอกำชับอีกครั้ง
“แน่นอนครับ ผมอยากจะเจอหน้าคุณใจจะขาดอยู่แล้ว”
คำพูดหยอดน้ำตาลทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ก่อนวางสาย
กลิ่นอาหารจาง ๆ ลอยมาจากห้องครัว เป็นอาหารที่เธอชอบ คุณแม่ท่านรู้ใจลูกสาวคนนี้ดี วันพิเศษท่านจะทำอาหารของโปรดให้เธอเสมอ ความรักของแม่กับความรักของคนรัก ถึงจะเป็นความรักความห่วงหาอาทรเหมือนกัน แต่คนละอย่างกัน ถ้าเป็นความรักไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน ก็จะมีเนื้อแท้เหมือนกัน เธอคิดแบบนี้ ไม่พยายามเอาคนรักและควรมรักมาปนกัน พยายามจัดสัดส่วน ให้ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็นที่เป็นทาง แม้ว่าบางครั้งจะมีอะไรมารบกวน จนอยากให้นำมาผสมปนเปกันก็ตาม ความรักเป็นเรื่องเหนือเหตุผลและตรรกศาสตร์ เธอคิดว่า ถ้าความรักประพฤติตัวตามหลักเหตุผลข้อมูล คนเราคงไม่ต่างจากโปรแกรม ที่เพียบพร้อมการตัดสินใจตามเหตุและผล แต่หมายถึงการไร้ความเพริดแพร้วพิสดารของอารมณ์
สงกรานต์ปีที่แล้ว...เธอพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ ความทรงจำบางทีก็เหมือนแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ ตอกประทับแนบแน่นในชีวิตจิตใจ ความทรงจำบางเรื่องโดดเด่นชัดเจน บางเรื่องเลือนราง บางเรื่องอยากจะแกะออกแล้วขว้างทิ้งไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ม้วนฟิล์มของความทรงจำมากมายยังเกี่ยวพัน ไม่ยอมขาดหายหลุดลอยไป เธอเริ่มจำได้ทีละน้อย
ทำบุญสรงน้ำพระเจ็ดวัด ..นั่นคือเป้าหมายของวันสงกรานต์ทุกปี ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิดเป็นคนแรก แต่เธออยากทำแบบนั้นบ้าง ทั้งที่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าการเดินทางไปทำบุญเจ็ดวัดแบบนั้น มันได้บุญดีมีมหากุศลอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษ รู้แต่ว่ามันสบายใจเหมือนบรรลุเป้าหมายอะไรสักอย่างในชีวิตเท่านั้น
“มันต่างจากวัดเดียวตรงไหน” คนรักของเธอเคยถามแบบนี้ทุกปี แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ กับการพาเธอตระเวนไปตามวัดต่าง ๆ ให้ครบเจ็ดวันภายในหนึ่งวัน เธอรู้ว่าเขาไม่เคยชื่นชมเห็นด้วย กับการทำบุญแบบมีเงื่อนไข เพราะความเป็นพวกจิตนิยมมากกว่านิยมประเพณี แต่ก็ไม่เคยขัดใจเธอ
“ได้บุญเยอะนะคะ” เธอมักจะตอบแบบนี้ทุกครั้ง ด้วยความมั่นใจ ความศรัทธาแก่กล้าในการทำบุญทำทาน “ยิ่งวัดทั้งเจ็ดอยู่ห่างกันมากขึ้นแค่ไหน ยิ่งได้บุญมากแค่นั้น”
“ทำไมไม่ขึ้นเครื่องบิน ไปทำบุญสรงน้ำพระให้ครบเจ็ดประเทศ เจ็ดทวีปเลยล่ะครับ” สีหน้าของเขาเรียบเฉยสุภาพขณะถาม ทำให้จับไม่ได้ ว่าพูดจากใจ หรือประชดกันแน่ แต่ไม่เป็นปัญหา เขาก็ต้องตามใจเธอ
“แค่เจ็ดจังหวัดก็พอแล้วค่ะ” หญิงสาวหมายความตามนั้นจริง ๆ การเดินทางสรงน้ำพระทำบุญให้ครบเจ็ดวัดเจ็ดจังหวัด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในเวลาถนนมียวดยาน มีคนเมา ทั้งเป็นคนขับ และคนไม่ขับ เพ่นพ่านตามถนน เป็นวันปลดปล่อยอะไรบางอย่างของสังคม รภกระบะหลายคันมีถังน้ำขนาดใหญ่ เล่นสาดน้ำกันตามถนนอย่างสนุกสนาน บางคันมีสาววัยรุ่น ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาแสนสั้น เต้นอยู่กับถังเก็บน้ำ ด้วยลีลาชนิดจะเป็นจะตาย มืออาชีพยังอาย
เที่ยงแล้ว ยังเหลืออีกสี่จังหวัด เธอและคนรักผ่านภารกิจสำคัญไปแล้วสามจังหวัด แต่เป้าหมายที่เหลือนับแต่จะห่างไกลออกไปเรื่อย ห่างกรุงเทพออกไปเท่าไร พื้นที่แต่ละจังหวัดก็เริ่มกว้างใหญ่ขึ้น สระบุรี โคราช ขอนแก่น อุดร หนองคาย เส้นทางบุญยิ่งยาวไกล เธอสงสารคนขับ แต่ก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า จะต้องทำให้ได้
“น่า ทำเพื่อฉันสักครั้งนะคะ”เธอลงทุนอ้อนวอนเสียงหวาน เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเริ่มเหน็ดเหนื่อยของคนรัก มือจับพวงมาลัยรถเขม้นมองไปเบื้องหน้าแทบตลอดเวลา
“ครับ...” เขาตอบสั้น ๆ อย่างที่เธอคิดว่าเขาจะตอบ และเขาก็ตอบอย่างที่เธอแอบทายในใจ เพราะเธอรู้ใจแฟนหนุ่มมากกว่าใครอยู่แล้ว และอีกไม่นาน เขาก็จะต้องถามว่า คุณหิวข้าวหรือยัง เราแวะทานข้าวกันก่อนไหมครับ
“คุณหิวข้าวหรือยัง เราแวะทานข้าวกันก่อนไหมครับ”
นั่นไง...เป็นอย่างที่คาดเอาไว้จริง ๆ หิวก็หิว แต่อยากทำบุญให้จบเรื่องไปดีกว่า
“ยังไม่หิวค่ะ” หญิงสาวผิดข้อสี่ มุสาวาทา เวรมณี ความจริงเธอเริ่มหิว แต่เมื่อคำนวณจำนวนวัดและระยะทาง ทำให้รู้สึกว่ากินอะไรไม่ลง
“คุณหิวข้าวหรือคะ ฉันมีขนมติดมาด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวค่อยทาน”
เขาตอบอย่างที่คาดคิดไว้อีกแล้ว ยังเดาได้ว่ารถวิ่งไปอีกสามสี่กิโลเมตร ก็จะเจอรถสิบล้อ พลิกคว่ำอยู่อยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ
มีรถสิบล้อพลิกคว่ำอยู่ริมทางจริง ๆ ทั้งสองมองด้วยความรู้สึกไม่ดี แต่นั่นไม่เรื่องที่จะต้องหยุดรถลงไปเสนอหน้า แล้วเขาก็จะพูดว่า ผมว่าเราพักกันสักนิดนะครับ เมื่อขับรถผ่านอุบัติเหตุออกมาได้สักระยะ
“ผมว่าเราพักกันสักนิดนะครับ”
ใช่อย่างที่คิด เขาพูดออกมาจริง ๆ เธอรู้อนาคตล่วงหน้า เดาใจชายคนรักถูกใช่ไหม
ไม่ใช่แบบนั้น... ความทรงจำของหญิงสาวเริ่มวิ่งเร็วขึ้นทุกที เหมือนดูภาพยนตร์ถูกเร่งความเร็วขึ้นหลายเท่า ไม่ว่าจะเร็วปานใด เธอจับความทรงจำนั้นได้
เธอไม่ได้เดาเก่ง หรือรู้อนาคตอะไร ไม่ใช่... หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วต่างหาก ไม่ใช่เพราะการคาดเดารู้ล่วงหน้าอะไรเลย!
เหตุการณ์ต่อไปเธอก็รู้แล้วว่า..
รถกระบะคันวิ่งนำหน้า มีผู้คนเมามันกับวันสงกรานต์ ใครบางคนสาดน้ำโครมเข้ามาเต็มกระจกรถ มองไม่เห็นอะไรไปชั่วขณะ และนั่นเป็นทางโค้งหักศอกพอดี เสียงโลหะปะทะกันกึกก้อง โลกพลิกหมุนวน ถล่มทลายโครมคราม ความทรงจำดับวูบลง
หญิงสาวหลั่งหยาดน้ำตาลงในขันน้ำลายไทย ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มด้วยประกายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง วันนี้วันสงกรานต์ เธอไม่สามารถไปสรงน้ำพระที่วัดใดได้อีกแล้ว อย่าว่าแต่เจ็ดวัดเลย
น้ำตาไหลผ่านแก้ม มีสีแดงเข้มมากขึ้นทุกขณะ หยดลงไปในน้ำกลายเป็นสีแดง น้ำตากลายเป็นสีเลือด บีบเค้นคั้นออกมาจากความเจ็บปวดส่วนลึกของจิตใจ สีแดงแผ่ขยายออกไปมากขึ้นทุกที คนรักก็คงกำลังพยายามตามหาเธออยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง สถานที่แห่งนั้นจะเยือกเย็นอ้างว้างแค่ไหนนะ ป่านนี้เขาจะซานซมเจ็บปวดกล้ำกลืนทรมานมากขนาดไหน เมื่อตามหาเธอไม่เจอ เขาจะตามหา..มองหา...อยู่ในเส้นทางมืดดำอย่างไร้ความหวัง นานเท่านาน
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวดขมขื่น เสียงสะอื้นขาดหาย ความเจ็บลึกที่สามารถกระทั่งทำให้ดวงจิตแยกแตกสลาย ความทรงจำจางหายกับอากาศธาตุ ในห้องรับแขก เหลือเพียงความว่างเปล่า อันหดหู่เศร้าหมอง
ในห้องครัว หญิงชรายังคงทำอาหารต่อไป ทำอาหารทั้งที่น้ำตายังไหลเป็นทาง มันเป็นอาหารที่ลูกสาวโปรดปราน ทำอาหารต่อไป ทั้งที่รู้ว่าลูกสาวไม่มีทางจะได้กิน เหมือนที่ผ่านมาทุกปี ความเป็นแม่ทำให้ต้องทำแบบนี้เสมอมาในวันสงกรานต์
“ลูกเรารู้ตัว ...เธอไปแล้ว ใช่ไหมแม่” เสียงสั่นเครือมาจากลูกมือคนทำครัว สามีคู่ทุกข์คู่ยากของหญิงชรากำลังหั่นผักล้างผักด้านข้างถามขึ้นหลังจากสงบปากคำมานาน น้ำเสียงเก็บความเศร้าไม่ได้มิดชิด
“เธอไปแล้วค่ะพ่อ...ปีนี้เธอก็ไม่ได้ไปงานสงกรานต์ เขามารับไม่ได้ เจ็ดปีแล้วสินะ ที่ลูกของเรากลับมาในวันสงกรานต์ทุกปี”
“ปีหน้า เธอคงมีโอกาสได้ไปจริง ๆ เสียทีนะ” ชายชราถอนใจ
“หวังว่าเป็นเช่นนั้นนะพ่อ...ถึงเราจะดีใจที่เห็นหน้าลูก แต่ก็คงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกจากไปทุกปี ในสภาพเศร้าเสียใจแบบนี้ สู้ไม่เห็นดีกว่านะคะพ่อ.....ปีหน้าพวกเขาคงตามหากันจนเจอ แล้วไปสู่สุคติเสียที”
เหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นดังมาแผ่วเบาแล้วจางหาย ทั้งสองมองหน้ากัน น้ำตาคลอ ไม่พูดอะไรอีก เก็บข้าวของในห้องครัวอย่างเงียบงันในวันสงกรานต์อันแสนเศร้าหม่นมัว อาหารที่ทำ คงจะนำไปทำบุญกรวดน้ำที่วัด
แน่นอน วัดเดียวก็พอแล้ว...
จบ แล้ว
ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยือน ครับผม^^
สงกรานต์ที่ผ่านพ้น
หญิงสาวแต่งตัวสวยชุดไทย บรรจงหยดน้ำหอมลงในขันเงินลายไทย ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มด้วยประกายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝัน วันนี้วันสงกรานต์ เธอจะไปสรงน้ำพระทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง เหมือนทุกปี บุญคือสิ่งที่ต้องเสาะแสวงหา ไม่ใช่รอให้บุญมาหล่นทับหรือรถขนบุญมาเกย จะเป็นเพราะความต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวในจิตใจ หรือเพราะอย่างอื่น เธอก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
แสงแดดยามเช้า ส่องสอดผ่านกระจกหน้าต่างห้องนั่งเล่น บริเวณชั้นล่างของบ้านทรงไทยประยุกต์เข้ามา อากาศสดใส มองเห็นปุยเมฆเบาบางแต่งแต้มประดับฟ้าคราม เสียงนกร้องเป็นระยะ เกาะเป็นคู่ตามสายไฟฟ้า หลังคาบ้านใกล้เคียง พวกนกไม่รู้หรอกว่า วันนี้เป็นวันสงกรานต์ หรือวันไม่สงกรานต์ คงรู้เพียงว่าจะหาอาหารอย่างไร หญิงสาวมองพลางคิดว่า บรรดานกกาก็คงมีความสุข-ทุกข์ ตามประสานกกา เหมือนบรรดาหมาแมวทั้งหลาย ก็คงมีสุขทุกข์ตามประสาสัตว์โลก คนเราเองก็คงเช่นกัน...ต่างชนิด ต่างเผ่าพันธุ์ ก็มีวิถีทางของใครของมัน คงยากจะนำมาเปรียบเทียบกันได้ว่า ชีวิตของใครดีกว่าใคร
เธอเคยสงสัยว่า สัตว์โลกทั้งหลายทั้งปวง จะเหงาเศร้าบ้างไหมนะ เพราะบางทีท่าทางเซื่องซึมนิ่งสงบของพวกมัน ก็ตีความออกมาไม่ได้ว่า หมายถึงอะไร อาจจะไม่สบาย สบายดี เบื่อ เซ็ง ก็เป็นได้
วันนี้หญิงสาวรู้สึกเหงาและอ้างว้าง ทั้งที่กำลังจะไปงานสงกรานต์ ไปทำบุญกับคนรัก
เขาและเธอเคยไปงานวันสงกรานต์ ไปสรงน้ำพระด้วยกัน วันสงกรานต์ เธออาบน้ำ แต่งตัว ตั้งแต่ไก่โห่ ไปทำบุญที่วัดสักครั้งในวันพิเศษ ภาพสองคนเคียงคู่กันขณะสรงน้ำองค์พระใหญ่น้อยเรียงราย เป็นเงาความทรงจำแสนดี ไม่ว่าดึงออกมาชมเชยด้วยความคิดถึงครั้งใด ก็ซาบซึ้งประทับใจเสมอ
ที่รัก...คุณกำลังมาหรือยังนะ ฉันรอคุณอยู่....
กระซิบถามไปกับท้องฟ้า คำตอบคือเสียงนกกาฟังไม่เป็นภาษาคน พวกมันพยายามตอบเธออยู่ใช่ไหม...มันต้องใช่แน่... เธอคิดอย่างมั่นใจ ตอบคำถามของตัวเองว่า เดี๋ยวเขาก็จะมาถึงที่นี่...ขับรถมาจากบ้าน พร้อมรอยยิ้ม จะเป็นวันแห่งความสุขแสนประทับใจอีกวันหนึ่ง สำหรับการเดินทางไปตามวัดต่าง ๆ เพื่อสรงน้ำองค์พระ ด้วยน้ำฉ่ำเย็นส่งกลิ่นหอมโรยกลีบดอกไม้ รายรอบด้วยผู้คนมากมาย มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สุขสันต์ในวันสงกรานต์
แต่ว่าสายมากแล้ว ทำไมเขายังไม่มา
บางทีรถคงมีปัญหา สภาพจราจร หรือมีธุระสักอย่าง
คุณแม่ชะโงกออกมามองหญิงสาว จากประตูห้องครัว สีหน้าเรียบเฉย ไม่พูดอะไร ประกายตาผ่านโลกของชีวิตยาวนาน มีประกายแห่งความห่วงใยและให้กำลังใจในขณะเดียวกัน เธอยิ้มให้กับคุณแม่เหมือนจะบอกว่า ไม่ต้องห่วงกังวล สงกรานต์ปีนี้จะเหมือนทุกครั้ง ไม่มีอะไรผิดพลาด ทำไมเธอจะไม่รู้นิสัยใจคอของคนรัก ไม่มีทางที่เขาจะลืมวันเวลาที่นัดหมายกันเอาไว้
เสียงโทรศัพท์มือถือ ดังขึ้น หญิงสาวรีบคว้าขึ้นมาหลังจากมองดูเบอร์โทรเข้าก็ยิ้มออกมาได้ เป็นเบอร์โทรของเขาอย่างที่แอบคาดหมายเอาไว้
“คุณอยู่ไหนคะ” เธอรีบถามโดยไม่ต้องเสียเวลาทักทาย
“ผมกำลังมาหาคุณ รอผมสักนิดนะครับ”
เสียงตอบนั่นก็เป็นเสียงของคนรักอย่างไม่ต้องสงสัย หญิงสาวยิ้มออกมาได้ ในที่สุดเธอก็มั่นใจแล้วว่าการรอคอยของเธอไม่ไร้อนาคต เขากำลังเดินทางมาหาเธออย่างเช่นทุกปี เพื่อจะได้ไปทำบุญกันในวันสงกรานต์
“ฉันรอคุณอยู่นะคะ” เธอกำชับอีกครั้ง
“แน่นอนครับ ผมอยากจะเจอหน้าคุณใจจะขาดอยู่แล้ว”
คำพูดหยอดน้ำตาลทำให้เธอยิ้มออกมาได้ ก่อนวางสาย
กลิ่นอาหารจาง ๆ ลอยมาจากห้องครัว เป็นอาหารที่เธอชอบ คุณแม่ท่านรู้ใจลูกสาวคนนี้ดี วันพิเศษท่านจะทำอาหารของโปรดให้เธอเสมอ ความรักของแม่กับความรักของคนรัก ถึงจะเป็นความรักความห่วงหาอาทรเหมือนกัน แต่คนละอย่างกัน ถ้าเป็นความรักไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน ก็จะมีเนื้อแท้เหมือนกัน เธอคิดแบบนี้ ไม่พยายามเอาคนรักและควรมรักมาปนกัน พยายามจัดสัดส่วน ให้ต่างฝ่ายต่างอยู่เป็นที่เป็นทาง แม้ว่าบางครั้งจะมีอะไรมารบกวน จนอยากให้นำมาผสมปนเปกันก็ตาม ความรักเป็นเรื่องเหนือเหตุผลและตรรกศาสตร์ เธอคิดว่า ถ้าความรักประพฤติตัวตามหลักเหตุผลข้อมูล คนเราคงไม่ต่างจากโปรแกรม ที่เพียบพร้อมการตัดสินใจตามเหตุและผล แต่หมายถึงการไร้ความเพริดแพร้วพิสดารของอารมณ์
สงกรานต์ปีที่แล้ว...เธอพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ ความทรงจำบางทีก็เหมือนแผ่นฟิล์มภาพยนตร์ ตอกประทับแนบแน่นในชีวิตจิตใจ ความทรงจำบางเรื่องโดดเด่นชัดเจน บางเรื่องเลือนราง บางเรื่องอยากจะแกะออกแล้วขว้างทิ้งไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ม้วนฟิล์มของความทรงจำมากมายยังเกี่ยวพัน ไม่ยอมขาดหายหลุดลอยไป เธอเริ่มจำได้ทีละน้อย
ทำบุญสรงน้ำพระเจ็ดวัด ..นั่นคือเป้าหมายของวันสงกรานต์ทุกปี ไม่รู้ว่าใครเป็นคนต้นคิดเป็นคนแรก แต่เธออยากทำแบบนั้นบ้าง ทั้งที่ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร ไม่รู้ว่าการเดินทางไปทำบุญเจ็ดวัดแบบนั้น มันได้บุญดีมีมหากุศลอะไรขึ้นมาเป็นพิเศษ รู้แต่ว่ามันสบายใจเหมือนบรรลุเป้าหมายอะไรสักอย่างในชีวิตเท่านั้น
“มันต่างจากวัดเดียวตรงไหน” คนรักของเธอเคยถามแบบนี้ทุกปี แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธ กับการพาเธอตระเวนไปตามวัดต่าง ๆ ให้ครบเจ็ดวันภายในหนึ่งวัน เธอรู้ว่าเขาไม่เคยชื่นชมเห็นด้วย กับการทำบุญแบบมีเงื่อนไข เพราะความเป็นพวกจิตนิยมมากกว่านิยมประเพณี แต่ก็ไม่เคยขัดใจเธอ
“ได้บุญเยอะนะคะ” เธอมักจะตอบแบบนี้ทุกครั้ง ด้วยความมั่นใจ ความศรัทธาแก่กล้าในการทำบุญทำทาน “ยิ่งวัดทั้งเจ็ดอยู่ห่างกันมากขึ้นแค่ไหน ยิ่งได้บุญมากแค่นั้น”
“ทำไมไม่ขึ้นเครื่องบิน ไปทำบุญสรงน้ำพระให้ครบเจ็ดประเทศ เจ็ดทวีปเลยล่ะครับ” สีหน้าของเขาเรียบเฉยสุภาพขณะถาม ทำให้จับไม่ได้ ว่าพูดจากใจ หรือประชดกันแน่ แต่ไม่เป็นปัญหา เขาก็ต้องตามใจเธอ
“แค่เจ็ดจังหวัดก็พอแล้วค่ะ” หญิงสาวหมายความตามนั้นจริง ๆ การเดินทางสรงน้ำพระทำบุญให้ครบเจ็ดวัดเจ็ดจังหวัด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะในเวลาถนนมียวดยาน มีคนเมา ทั้งเป็นคนขับ และคนไม่ขับ เพ่นพ่านตามถนน เป็นวันปลดปล่อยอะไรบางอย่างของสังคม รภกระบะหลายคันมีถังน้ำขนาดใหญ่ เล่นสาดน้ำกันตามถนนอย่างสนุกสนาน บางคันมีสาววัยรุ่น ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาแสนสั้น เต้นอยู่กับถังเก็บน้ำ ด้วยลีลาชนิดจะเป็นจะตาย มืออาชีพยังอาย
เที่ยงแล้ว ยังเหลืออีกสี่จังหวัด เธอและคนรักผ่านภารกิจสำคัญไปแล้วสามจังหวัด แต่เป้าหมายที่เหลือนับแต่จะห่างไกลออกไปเรื่อย ห่างกรุงเทพออกไปเท่าไร พื้นที่แต่ละจังหวัดก็เริ่มกว้างใหญ่ขึ้น สระบุรี โคราช ขอนแก่น อุดร หนองคาย เส้นทางบุญยิ่งยาวไกล เธอสงสารคนขับ แต่ก็ตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า จะต้องทำให้ได้
“น่า ทำเพื่อฉันสักครั้งนะคะ”เธอลงทุนอ้อนวอนเสียงหวาน เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเริ่มเหน็ดเหนื่อยของคนรัก มือจับพวงมาลัยรถเขม้นมองไปเบื้องหน้าแทบตลอดเวลา
“ครับ...” เขาตอบสั้น ๆ อย่างที่เธอคิดว่าเขาจะตอบ และเขาก็ตอบอย่างที่เธอแอบทายในใจ เพราะเธอรู้ใจแฟนหนุ่มมากกว่าใครอยู่แล้ว และอีกไม่นาน เขาก็จะต้องถามว่า คุณหิวข้าวหรือยัง เราแวะทานข้าวกันก่อนไหมครับ
“คุณหิวข้าวหรือยัง เราแวะทานข้าวกันก่อนไหมครับ”
นั่นไง...เป็นอย่างที่คาดเอาไว้จริง ๆ หิวก็หิว แต่อยากทำบุญให้จบเรื่องไปดีกว่า
“ยังไม่หิวค่ะ” หญิงสาวผิดข้อสี่ มุสาวาทา เวรมณี ความจริงเธอเริ่มหิว แต่เมื่อคำนวณจำนวนวัดและระยะทาง ทำให้รู้สึกว่ากินอะไรไม่ลง
“คุณหิวข้าวหรือคะ ฉันมีขนมติดมาด้วย”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวค่อยทาน”
เขาตอบอย่างที่คาดคิดไว้อีกแล้ว ยังเดาได้ว่ารถวิ่งไปอีกสามสี่กิโลเมตร ก็จะเจอรถสิบล้อ พลิกคว่ำอยู่อยู่ริมถนนด้านซ้ายมือ
มีรถสิบล้อพลิกคว่ำอยู่ริมทางจริง ๆ ทั้งสองมองด้วยความรู้สึกไม่ดี แต่นั่นไม่เรื่องที่จะต้องหยุดรถลงไปเสนอหน้า แล้วเขาก็จะพูดว่า ผมว่าเราพักกันสักนิดนะครับ เมื่อขับรถผ่านอุบัติเหตุออกมาได้สักระยะ
“ผมว่าเราพักกันสักนิดนะครับ”
ใช่อย่างที่คิด เขาพูดออกมาจริง ๆ เธอรู้อนาคตล่วงหน้า เดาใจชายคนรักถูกใช่ไหม
ไม่ใช่แบบนั้น... ความทรงจำของหญิงสาวเริ่มวิ่งเร็วขึ้นทุกที เหมือนดูภาพยนตร์ถูกเร่งความเร็วขึ้นหลายเท่า ไม่ว่าจะเร็วปานใด เธอจับความทรงจำนั้นได้
เธอไม่ได้เดาเก่ง หรือรู้อนาคตอะไร ไม่ใช่... หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วต่างหาก ไม่ใช่เพราะการคาดเดารู้ล่วงหน้าอะไรเลย!
เหตุการณ์ต่อไปเธอก็รู้แล้วว่า..
รถกระบะคันวิ่งนำหน้า มีผู้คนเมามันกับวันสงกรานต์ ใครบางคนสาดน้ำโครมเข้ามาเต็มกระจกรถ มองไม่เห็นอะไรไปชั่วขณะ และนั่นเป็นทางโค้งหักศอกพอดี เสียงโลหะปะทะกันกึกก้อง โลกพลิกหมุนวน ถล่มทลายโครมคราม ความทรงจำดับวูบลง
หญิงสาวหลั่งหยาดน้ำตาลงในขันน้ำลายไทย ที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มด้วยประกายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง วันนี้วันสงกรานต์ เธอไม่สามารถไปสรงน้ำพระที่วัดใดได้อีกแล้ว อย่าว่าแต่เจ็ดวัดเลย
น้ำตาไหลผ่านแก้ม มีสีแดงเข้มมากขึ้นทุกขณะ หยดลงไปในน้ำกลายเป็นสีแดง น้ำตากลายเป็นสีเลือด บีบเค้นคั้นออกมาจากความเจ็บปวดส่วนลึกของจิตใจ สีแดงแผ่ขยายออกไปมากขึ้นทุกที คนรักก็คงกำลังพยายามตามหาเธออยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง สถานที่แห่งนั้นจะเยือกเย็นอ้างว้างแค่ไหนนะ ป่านนี้เขาจะซานซมเจ็บปวดกล้ำกลืนทรมานมากขนาดไหน เมื่อตามหาเธอไม่เจอ เขาจะตามหา..มองหา...อยู่ในเส้นทางมืดดำอย่างไร้ความหวัง นานเท่านาน
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวดขมขื่น เสียงสะอื้นขาดหาย ความเจ็บลึกที่สามารถกระทั่งทำให้ดวงจิตแยกแตกสลาย ความทรงจำจางหายกับอากาศธาตุ ในห้องรับแขก เหลือเพียงความว่างเปล่า อันหดหู่เศร้าหมอง
ในห้องครัว หญิงชรายังคงทำอาหารต่อไป ทำอาหารทั้งที่น้ำตายังไหลเป็นทาง มันเป็นอาหารที่ลูกสาวโปรดปราน ทำอาหารต่อไป ทั้งที่รู้ว่าลูกสาวไม่มีทางจะได้กิน เหมือนที่ผ่านมาทุกปี ความเป็นแม่ทำให้ต้องทำแบบนี้เสมอมาในวันสงกรานต์
“ลูกเรารู้ตัว ...เธอไปแล้ว ใช่ไหมแม่” เสียงสั่นเครือมาจากลูกมือคนทำครัว สามีคู่ทุกข์คู่ยากของหญิงชรากำลังหั่นผักล้างผักด้านข้างถามขึ้นหลังจากสงบปากคำมานาน น้ำเสียงเก็บความเศร้าไม่ได้มิดชิด
“เธอไปแล้วค่ะพ่อ...ปีนี้เธอก็ไม่ได้ไปงานสงกรานต์ เขามารับไม่ได้ เจ็ดปีแล้วสินะ ที่ลูกของเรากลับมาในวันสงกรานต์ทุกปี”
“ปีหน้า เธอคงมีโอกาสได้ไปจริง ๆ เสียทีนะ” ชายชราถอนใจ
“หวังว่าเป็นเช่นนั้นนะพ่อ...ถึงเราจะดีใจที่เห็นหน้าลูก แต่ก็คงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกจากไปทุกปี ในสภาพเศร้าเสียใจแบบนี้ สู้ไม่เห็นดีกว่านะคะพ่อ.....ปีหน้าพวกเขาคงตามหากันจนเจอ แล้วไปสู่สุคติเสียที”
เหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นดังมาแผ่วเบาแล้วจางหาย ทั้งสองมองหน้ากัน น้ำตาคลอ ไม่พูดอะไรอีก เก็บข้าวของในห้องครัวอย่างเงียบงันในวันสงกรานต์อันแสนเศร้าหม่นมัว อาหารที่ทำ คงจะนำไปทำบุญกรวดน้ำที่วัด
แน่นอน วัดเดียวก็พอแล้ว...
จบ แล้ว
ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยือน ครับผม^^