นี่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกในชีวิต หากผิดพลาดประการใดอภัยในด้วยนะคะ
เริ่มจากที่ตัวเองคิดอยากจะหาเรื่องราวมาแชร์เป็นบล๊อกของตัวเองที่เก็บประสอบการต่างๆในชีวิต
สิ่งที่จะมาแชร์กันวันนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดนะคะ
เรื่องที่จะแชร์กันเป็นเรื่องแรกเลยก็คือ........... การซ่อมสีรถด้วยตัวเอง อ่านไม่ผิดค่ะ ซ่อมสีรถยนต์จริงๆค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ รถของเราที่ใช้อยู่เป็นประกันภัยประเภทที่3 ซึ่งไม่ได้คุ้มครองรถเราเอง คุ้มครองแต่รถคู่กรณี แต่รอยแผลที่เกิดขึ้นไม่มีคู่กรณี เกิดจากการเฉี่ยวขอบประตูรั้วของเราเอง เราก็หาข้อมูลว่าจะซ่อมที่ไหนบ้าง ก็หาอ่านไปเรื่อยๆ ลองสอบถามอู่แถวบ้าน ตีราคาให้ ชิ้นละ 2000-3500 บาท แง.............มีตั้งหลายชิ้น T T หาที่อื่นต่อ จริงๆเมื่อสอบถามก็ไม่ค่อยแตกต่างกันค่ะ แต่ในเมื่อมันต้องซ่อมก็คิดว่าคงต้องจ่ายก็คือต้องจ่ายทำใจ พอสอบถามมคิวเข้าซ่อมป๊าดดดดด อีก1เดือนถึงจะเอารถซ่อมได้ และต้องทิ้งไว้ 7-10วัน T T (คิดหนักมากเพราะงานที่ทำต้องใช้รถทุกวันเพื่อไปพบลูกค้า) ก็หาข้อมูลการซ่อมงานด่วน ก็ไปเจอร้านขายสีรถยนต์ ที่ลงมือทำเอง เค้าก็สอบถามรหัสสีรถ และเราก็เพิ่งจะรู้ว่ารหัสสีรถเราอยู่ไหน ไปเปิดฝากระโปรงรถดูมีจริงๆด้วย ก็แจ้งรหัสกับทางร้านไป ส่งรูปถ่ายรอยให้ร้านดู ทางร้านก็แจ้งว่าสามารถทำเองได้ เพราะเป็นแต่รอยเฉี่ยวชน ถ้าถึงขั้นบุบก็ต้องใช้ช่างอย่างเดียว ทางร้านก็แนะนำอุปกรณ์มา
ซึ่งก็จะมีสีสเปรย์ตามรหัส 1 กระป๋อง แลคเกอร์2K 1 กระป๋อง กระดามทราย3แผ่น มีเบอร์ 320 600 1000 และฟองน้ำรองขัดกระดาษทราย และ เพิ่มด้ามจับ เพิ่มสีพื้นเกาะพลาสติกขึ้นมา เพิ่มสีโป๊วเก็บรอย เพราะรอยขูดของเราค่อนข้างกินเนื้อ แต่....จะทำเป็นมั๊ยน้า
ที่บ้านก็ไม่มีผู้ชายที่พอจะรู้เรื่องแนวนิดเลยซักนิด เอาว่ะ ลองดู ถ้ามันไม่เวิร์คค่อยว่ากัน ก็สั่งเลยจร้า ลืมบอกว่าแลคเกอร์ของเค้ามีอายุ จะดีที่สุดช่วง7วันแรก หลังจากนั้นอาจจะแข็งในกระป๋อง ห้ามเก็บไว้ที่ร้อนๆ ก็ต้องกำหนดวันกับทางร้านล่วงหน้า จะได้ของช่วงที่เราสะดวก จริงๆก็สะดวกแค่วันอาทิตย์ ก็แจ้งร้านไปและรอรับของอยู่ที่บ้าน
ช่วงที่รอก็ดูคลิปการทำไปเรื่อยๆ โคดตื่นเต้นจะกล้าขัดมั๊ยเนี่ย มันจะเลอะส่วนอื่นมัน นึกภาพไม่ออก กังวลไปหมด ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้จริงๆ พอได้รับของวันเสาร์ก็เตรียมตัวทำพรุ่งนี้ เย้ๆ
เช้าวันอาทิตย์ตื่นสายมาก และวุ่นวายมากเพราะหาอุปกรณ์ที่จะมาบังส่วนที่ไม่ได้พ่น ไม่มีเลยจร้า หนังสือพิมพ์เค้าก็เลิกอ่านกันไปแล้ว ไปจบที่ร้านเครื่องเขียน หากระดาษสีน้ำตาลมา1ม้วน กระดาษกาวไว้สำหรับติดกับกระดาษ กลับมาถึงบ้านก็บ่ายโมงแล้วจร้า เริ่มเลยละกัน......
เริ่มที่เตรียมถังน้ำ กับกระดาษทรายและฟองน้ำรองขัด อ่านข้อมูลคร่าวๆจากคู่มือของทางร้านที่แนบมาในกล่อง
เค้าบอกให้เริ่มจากหยาบมาละเอียด ก็มาดูที่กระดาษทราย 320 600 1000 เบอร์ไหนหยาบหว่า..... จับๆเอา320 หยาบที่สุด
ก็เริ่มเลยจร้า ขัดๆตอนแรก็ค่อยๆขัดกลัวรถจะเละไปกันใหญ่ หลังๆเริ่มใส่แรงละ เพราะจับๆลูบๆ เอะมันสมู้ทขึ้นนะ ขัดๆๆ ตอนนี้น้ำที่ออกมาจะขุ่นๆ คิดในใจทำไมไม่ถึงชั้นสีอื่นหรอ หรือว่าขัดเบาไป ก็ขัดๆต่อไป น้ำเริ่มดำๆตามสีรถออกมาเบาๆ
เราก็เปลี่ยนกระดาษทรายเบอร์ 600 ขัดๆๆ ไม่ขัดเฉพาะแผลละ ขัดทั้งชิ้นเลยละ (ชิ้นมันไม่ใหญ่ เราเริ่มจากชิ้นที่แถวๆซุ้มล้อ ลองก่อนๆ) จากนั้นขัด600 เสร็จลูบๆจับๆ เริ่มเนียนพอและเริ่มเหนื่อย ก็ล้างทำความสะอาด และทิ้งไว้ให้แห้ง
แล้วก็เริ่มโป๊วสีได้ ทำไงหว่า....ก็ดูคลิปอื่นๆเพื่อความแน่ใจ ระหว่างรอแห้งนั่นแหละ ก็เริ่มควักสีโป๊วปาดปรืดๆๆ กลบตรงที่เนื้อชิ้นงานที่หายไป
รอให้แห้ง 45นาที ไม่รู้ว่าเหมาะรึป่าวเรื่องระยะเวลา แต่แว๊บไปหาไรกินมาเพราะออกแรงไปเยอะนั่นเอง 555 หลังจากนั้นก็เอากระดาษทรายเบอร์ 600
มาขัดๆบริเวณที่เราโป๊ว เอาสีโป๊วส่วนเกินออก ขัดๆ จนคิดว่าเนียนแล้ว
ก็ล้างๆทำความสะอาด แล้วก็ทิ้งไว้ให้แห้ง เพื่อจะรอพ่นสี ก็เอากระดาษสีน้ำตาลกับกระดาษกาวมาบังส่วนที่เราไม่ได้ขัด ร้านเค้าแนะนำอย่าบล็อกเป็นกรอบเล็ก ๆ เพราะมันจะเป็นรอยตัด ให้บล็อกเป็นมุมๆหรือชิ้นๆ
แปะกระดาษเสร็จชิ้นงานก็แห้งพอดี ก็เริ่มเลยจร้า เริ่มที่สีพื้นเกาะพลาสติก จริงๆก็ถามร้านว่าจำเป็นมั๊ย ร้านบอกถ้าใช้ก็ดี แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เน้นประหยัดเลยเอาง่ายๆไม่ใช้ เราก็เอาว่ะไหนๆละ เลยสอยสีรองพื้นมาด้วย
เริ่มเลย
ใส่ด้ามจับแล้วก็ฉีด....ลองๆๆ เริ่มละน้า........ พ่นสีพื้นลงไปเลยจร้า เค้าบอก2-3รอบหรือจนกลบรอยสนิท ก็พ่นไปเริ่มเห็นดวงๆแปลกๆระหว่างพ่น แง.....มันคืออะไร ยังไง ทำไม ถ่ายรูปส่งไปถามร้าน โชคโคดดีที่เค้าตอบเพราะเป็นวันอาทิตย์ เค้าถามว่าก่อนพ่นได้ไปสัมผัสชิ้นงานอีกรึป่าว เพราะตัวเรามีความมัน มันจะทำให้เป็นดวง... อะไร ไนซ์ๆๆก็ไม่รู้ฟังไม่ทัน นึกขึ้นตอนแปะกระดาษทรายไปโดนมันนี่หว่า
แต่คงไม่ใช่น้ำมันจากตัวเราแต่เป็นโลชั่นที่ทาไว้ตอนเช้า ปั๊ดโธ่... เกิดอยากผิวดีอะไรวันนี้ ก็ถามเค้าว่าแก้ไงได้บ้าง จริงๆใจแป๋วไปแล้วนะ 555 แอดมินบอกแก้ได้รอแห้งแล้วขัดใหม่ แง..... รอๆๆ รีบอยากให้เสร็จเอาไดร์มาเป่า555 ไม่รู้ได้ป่าวแต่ทำไปละ พอแห้งก็ขัดใหม่ แล้วก็ล้างทำความสะอาดรอแห้งเหมือนเดิม นับ1ใหม่ ต่อจากนั้นเริ่มพ่นใหม่ พ่นไป น้ำหยดติ๋งๆๆ จากกระดาษสีน้ำตาลที่บังไว้ มันอมน้ำตอนเราล้างชิ้นงาน บั๊ดโธ่ เอาอีกแล้ว...ทำไมโชคไม่เข้าข้างเราว่ะ 555
รอแห้งเริ่มใหม่ นับ1 ใหม่อีก แต่ตอนนี้อยากทำเสร็จแล้วอ่ะ ไม่พ่นรองพื้นละขี้เกียจ พอชิ้นงานแห้งปุ๊บ ลองสีจริงแล้วก็พ่นๆไป 2-3รอบ ห่างจากชิ้นงานประมาณ 1ฟุต เย้...ไม่เป็นดวงๆละ ไอ้ที่พ่นสี2-3รอบเนี่ย แต่ละรอบพ่นเต็มพักครึ่งชมให้สีเซ็ทตัว แต่จริงๆก็สังเกตเองนะ ว่าช่วงพ่นใหม่ๆมันจะฉ่ำๆ แต่พอซักพักมันจะออกด้านๆ เราก็ลงรอบ2 ถ้ากลบรอยแล้วพอ หลังจากนั้นก็พักไว้30-45 นาที (ช่วงที่แก้นอยด์มากกก ไม่มีอารมณ์ตั้งกล้อง รูปก็จะข้ามมาลงสีตัวรถเลย)
ค่อยลงแลคเกอร์ ตอนพ่นแลคเกอร์ก็พ่นระยะประมาณครึ่งฟุต เค้าบอกจ่อๆหน่อย ถ้าพ่นไกลจะไม่เงา พ่นๆไป เค้าบอก2-3รอบ แต่เราก็ไม่ได้นับเพราะพ่นเติมๆ แต่อย่าลืมพักเหมือนสีนะ แล้วเยิ้มมม กว่าจะเสร็จมืด ยุงก็กัด แต่รอยหายไปเย้ๆๆๆ รอๆซักพักอยากเห็นภาพเต็มๆตาจะเป็นไงน้า ลอกกระดาษออก แทน แท่น แท๊นนนน ก็อย่างที่เห็นเลยจร้ารอยหายไป เราทำได้เว้ย สุดยอด ยืดอกฉันทำได้ว่ะ ถึงแม้จะผิดถูกๆ ถูๆไถๆ เกิดมาไม่เคยทำเลยนะเนี่ย (อวยตัวเองในใจ555)
รูปตอนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฟ้ามืดยุงกัด พอแค่นี้แล้ววว บันทึกไว้ 9 กุมภาพันธ์ 2563
รูปนี้ วันที่ 20 มีนาคม 2563
หลังลงสีเสร็จตามขั้นตอนที่ร้านแจ้ง ทำทุกอย่างเสร็จไปแล้ว 3-7 วัน ควรขัดด้วยครีมขัดหยาบคู่กับเครื่องขัด ซึ่งเราไม่มี 555 และล้างทำความสะอาด รอแห้ง และลงครีมขัดเงาอีกครั้งก็จะเสร็จสิ้น (แต่เรายังไม่ได้ทำ กะว่าถ้ามีเวลาอีกจะเก็บงานชิ้นอื่นแล้ว ซื้อเครื่องขัดไฟฟ้า เล็งราคาในช้อปปี้มาไม่กี่ร้อย )
สรุปอุปกรณ์ที่ใช้ให้อีกครั้งนะคะ จะได้เป็นลิสที่แล้ว
-สีสเปรย์ตามรหัสของรถเรา GT Pro
-สเปรย์แลคเกอร์2K GT Pro
-สีรองพื้น จริงๆก็ควรใช้ ยิ่งถ้าขัดถึงเนื้อพลาสติกแนะนำว่าใช้ เพราะจะได้กลบรอยได้เร็วขึ้นขนาดใช้สีจริง ส่วนสีดำไม่ค่อยเห็น
-สีโป๊ว GT Pro เก็บรอยแบบไม่ต้องผสม ที่เลือกตัวนี้เพราะกะแบบผสมไม่ถูก
-กระดาษทรายน้ำ TOA เบอร์ 320,600,1000 (ไม่รวมงานที่เราทำพลาดแล้วต้องแก้ 3 แผ่นน่าจะพอค่ะ)
-ฟองน้ำรองขัด ช่วยให้ขัดกระดาษทรายได้อย่างถนัดมือ
-เทปกาว INTER ไว้แปะกระดาษบังส่วนที่ไม่ต้องการให้ละอองสีไปโดน
-กระดาษน้ำตาลที่ไว้บังส่วนที่ไม่ต้องการ ร้านเครื่องเขียนมี
-ด้ามจับสเปรย์ (จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่ใช้ก็สะดวกดี ไม่เมื่อยนิ้ว) และเก็บไว้ใช้กับสเปรย์กระป๋องมาตรฐานได้ต่ออีก
-ถังน้ำ
-ผ้าสะอาด
-ถุงมือ
-ผ้าปิดจมูก
-ผ้ากันเปื้อน
สรุปประสบการณ์งานชิ้นนี้ก่อนเลยนะคะ
- รอยหายไป (ถ้าคนที่พอมีทักษะก็คงจะได้งานดีกว่านี้เป็นแน่แท้)
-ความต่างระหว่างสีที่พ่นใหม่ มีความต่างจ๊ะ ส่วนที่พ่นใหม่จะมีความเงากว่า แต่เราเข้าใจได้นะ รถเราผ่านแดดร้อนๆมาเป็นสิบปี จะเงาใหม่ได้เหมือนเดิมตลอดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ สีใหม่สดฉ่ำกว่า แต่เรารับได้!! ดีกว่ามันเป็นรอยครูดๆ อีกอย่างใช้ไปเดี๋ยวก็กลืนกันไปเอง (รึป่าว คิดเองน้า)
-การซ่อมแบบนี้อาจจะเหมาะกับรอยเฉี่ยวชนเบาๆ ถ้าบุบก็คงต้องเข้าอู่
-ราคาชุดแปดร้อยกว่า แต่เราเพิ่มนู้นนี่ ขึ้นอยู่กับรอยที่เป็นหนักเบาต้องใช้อะไรเพิ่ม รวมๆพันนิดๆ
คำเตือน ใครที่อยากจะทำเอง
-ระวังคราบมัน จากตัวเรา จากโลชั่น จากน้ำมันต่างๆ จะได้ไม่เป็นดวงๆ
-ระวังหยดน้ำใส่ชิ้นงาน
-ระวังอย่าพ่นติดๆกันเกินไปจะทำให้เยิ้ม (ถ้าเยิ้มมันอาจจะกินสีเก่าพอง)ร้านบอกมาแต่ของเราไม่พองนะ
-ระวังอย่าพ่นแลคเกอร์ห่างจากชิ้นงานมากไปจะทำให้ไม่เงา
ก่อนหน้านี้เวลาจะหาข้อมูลต่างๆ พันทิปเป็นที่แรกที่นึกถึง เพราะมีคนเข้ามาแชร์ประสบการณ์นู้นนี่นั่นมากมาย และก็แอบสงสัยในใจว่า โห..มีคนมีเวลามานั่งอธิบายอะไรเยอะขนาดนี้เลยหรอ ได้ข้อมูลจากพันทิปเยอะมากจริงๆ และวันนี้พอตัวเองได้ทำอะไรที่ใหม่ๆก็อยากจะแชร์ไว้เพื่อเป็นแนวทางก็ดี เพื่อเป็นบันทึกของตัวเองที่ก้าวพ้นความกลัวที่จะลองอะไรใหม่ ขออนุญาตไม่ดราม่าเยอะนะคะ จขกท จิตใจอ่อนไหว 555 เพิ่งทำเป็นครั้งแรก สำหรับงานชิ้นนี้และพันทิป จขกท อาจจะไม่ได้ on time ในการเข้ามาตอบมากนะคะ ถ้าตอบช้าขออภัยด้วยจริงๆ
[CR] ครั้งแรกกับการซ่อมสีรถยนต์ด้วยตัวเอง กับ สีสเปรย์ GT Pro
เริ่มจากที่ตัวเองคิดอยากจะหาเรื่องราวมาแชร์เป็นบล๊อกของตัวเองที่เก็บประสอบการต่างๆในชีวิต
สิ่งที่จะมาแชร์กันวันนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดหรือถูกต้องที่สุดนะคะ
เรื่องที่จะแชร์กันเป็นเรื่องแรกเลยก็คือ........... การซ่อมสีรถด้วยตัวเอง อ่านไม่ผิดค่ะ ซ่อมสีรถยนต์จริงๆค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ รถของเราที่ใช้อยู่เป็นประกันภัยประเภทที่3 ซึ่งไม่ได้คุ้มครองรถเราเอง คุ้มครองแต่รถคู่กรณี แต่รอยแผลที่เกิดขึ้นไม่มีคู่กรณี เกิดจากการเฉี่ยวขอบประตูรั้วของเราเอง เราก็หาข้อมูลว่าจะซ่อมที่ไหนบ้าง ก็หาอ่านไปเรื่อยๆ ลองสอบถามอู่แถวบ้าน ตีราคาให้ ชิ้นละ 2000-3500 บาท แง.............มีตั้งหลายชิ้น T T หาที่อื่นต่อ จริงๆเมื่อสอบถามก็ไม่ค่อยแตกต่างกันค่ะ แต่ในเมื่อมันต้องซ่อมก็คิดว่าคงต้องจ่ายก็คือต้องจ่ายทำใจ พอสอบถามมคิวเข้าซ่อมป๊าดดดดด อีก1เดือนถึงจะเอารถซ่อมได้ และต้องทิ้งไว้ 7-10วัน T T (คิดหนักมากเพราะงานที่ทำต้องใช้รถทุกวันเพื่อไปพบลูกค้า) ก็หาข้อมูลการซ่อมงานด่วน ก็ไปเจอร้านขายสีรถยนต์ ที่ลงมือทำเอง เค้าก็สอบถามรหัสสีรถ และเราก็เพิ่งจะรู้ว่ารหัสสีรถเราอยู่ไหน ไปเปิดฝากระโปรงรถดูมีจริงๆด้วย ก็แจ้งรหัสกับทางร้านไป ส่งรูปถ่ายรอยให้ร้านดู ทางร้านก็แจ้งว่าสามารถทำเองได้ เพราะเป็นแต่รอยเฉี่ยวชน ถ้าถึงขั้นบุบก็ต้องใช้ช่างอย่างเดียว ทางร้านก็แนะนำอุปกรณ์มา
ซึ่งก็จะมีสีสเปรย์ตามรหัส 1 กระป๋อง แลคเกอร์2K 1 กระป๋อง กระดามทราย3แผ่น มีเบอร์ 320 600 1000 และฟองน้ำรองขัดกระดาษทราย และ เพิ่มด้ามจับ เพิ่มสีพื้นเกาะพลาสติกขึ้นมา เพิ่มสีโป๊วเก็บรอย เพราะรอยขูดของเราค่อนข้างกินเนื้อ แต่....จะทำเป็นมั๊ยน้า
ที่บ้านก็ไม่มีผู้ชายที่พอจะรู้เรื่องแนวนิดเลยซักนิด เอาว่ะ ลองดู ถ้ามันไม่เวิร์คค่อยว่ากัน ก็สั่งเลยจร้า ลืมบอกว่าแลคเกอร์ของเค้ามีอายุ จะดีที่สุดช่วง7วันแรก หลังจากนั้นอาจจะแข็งในกระป๋อง ห้ามเก็บไว้ที่ร้อนๆ ก็ต้องกำหนดวันกับทางร้านล่วงหน้า จะได้ของช่วงที่เราสะดวก จริงๆก็สะดวกแค่วันอาทิตย์ ก็แจ้งร้านไปและรอรับของอยู่ที่บ้าน
ช่วงที่รอก็ดูคลิปการทำไปเรื่อยๆ โคดตื่นเต้นจะกล้าขัดมั๊ยเนี่ย มันจะเลอะส่วนอื่นมัน นึกภาพไม่ออก กังวลไปหมด ไม่เคยมีความรู้ด้านนี้จริงๆ พอได้รับของวันเสาร์ก็เตรียมตัวทำพรุ่งนี้ เย้ๆ
เช้าวันอาทิตย์ตื่นสายมาก และวุ่นวายมากเพราะหาอุปกรณ์ที่จะมาบังส่วนที่ไม่ได้พ่น ไม่มีเลยจร้า หนังสือพิมพ์เค้าก็เลิกอ่านกันไปแล้ว ไปจบที่ร้านเครื่องเขียน หากระดาษสีน้ำตาลมา1ม้วน กระดาษกาวไว้สำหรับติดกับกระดาษ กลับมาถึงบ้านก็บ่ายโมงแล้วจร้า เริ่มเลยละกัน......
เริ่มที่เตรียมถังน้ำ กับกระดาษทรายและฟองน้ำรองขัด อ่านข้อมูลคร่าวๆจากคู่มือของทางร้านที่แนบมาในกล่อง
เค้าบอกให้เริ่มจากหยาบมาละเอียด ก็มาดูที่กระดาษทราย 320 600 1000 เบอร์ไหนหยาบหว่า..... จับๆเอา320 หยาบที่สุด
ก็เริ่มเลยจร้า ขัดๆตอนแรก็ค่อยๆขัดกลัวรถจะเละไปกันใหญ่ หลังๆเริ่มใส่แรงละ เพราะจับๆลูบๆ เอะมันสมู้ทขึ้นนะ ขัดๆๆ ตอนนี้น้ำที่ออกมาจะขุ่นๆ คิดในใจทำไมไม่ถึงชั้นสีอื่นหรอ หรือว่าขัดเบาไป ก็ขัดๆต่อไป น้ำเริ่มดำๆตามสีรถออกมาเบาๆ
เราก็เปลี่ยนกระดาษทรายเบอร์ 600 ขัดๆๆ ไม่ขัดเฉพาะแผลละ ขัดทั้งชิ้นเลยละ (ชิ้นมันไม่ใหญ่ เราเริ่มจากชิ้นที่แถวๆซุ้มล้อ ลองก่อนๆ) จากนั้นขัด600 เสร็จลูบๆจับๆ เริ่มเนียนพอและเริ่มเหนื่อย ก็ล้างทำความสะอาด และทิ้งไว้ให้แห้ง
แล้วก็เริ่มโป๊วสีได้ ทำไงหว่า....ก็ดูคลิปอื่นๆเพื่อความแน่ใจ ระหว่างรอแห้งนั่นแหละ ก็เริ่มควักสีโป๊วปาดปรืดๆๆ กลบตรงที่เนื้อชิ้นงานที่หายไป
รอให้แห้ง 45นาที ไม่รู้ว่าเหมาะรึป่าวเรื่องระยะเวลา แต่แว๊บไปหาไรกินมาเพราะออกแรงไปเยอะนั่นเอง 555 หลังจากนั้นก็เอากระดาษทรายเบอร์ 600
มาขัดๆบริเวณที่เราโป๊ว เอาสีโป๊วส่วนเกินออก ขัดๆ จนคิดว่าเนียนแล้ว
ก็ล้างๆทำความสะอาด แล้วก็ทิ้งไว้ให้แห้ง เพื่อจะรอพ่นสี ก็เอากระดาษสีน้ำตาลกับกระดาษกาวมาบังส่วนที่เราไม่ได้ขัด ร้านเค้าแนะนำอย่าบล็อกเป็นกรอบเล็ก ๆ เพราะมันจะเป็นรอยตัด ให้บล็อกเป็นมุมๆหรือชิ้นๆ
แปะกระดาษเสร็จชิ้นงานก็แห้งพอดี ก็เริ่มเลยจร้า เริ่มที่สีพื้นเกาะพลาสติก จริงๆก็ถามร้านว่าจำเป็นมั๊ย ร้านบอกถ้าใช้ก็ดี แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เน้นประหยัดเลยเอาง่ายๆไม่ใช้ เราก็เอาว่ะไหนๆละ เลยสอยสีรองพื้นมาด้วย
เริ่มเลย
ใส่ด้ามจับแล้วก็ฉีด....ลองๆๆ เริ่มละน้า........ พ่นสีพื้นลงไปเลยจร้า เค้าบอก2-3รอบหรือจนกลบรอยสนิท ก็พ่นไปเริ่มเห็นดวงๆแปลกๆระหว่างพ่น แง.....มันคืออะไร ยังไง ทำไม ถ่ายรูปส่งไปถามร้าน โชคโคดดีที่เค้าตอบเพราะเป็นวันอาทิตย์ เค้าถามว่าก่อนพ่นได้ไปสัมผัสชิ้นงานอีกรึป่าว เพราะตัวเรามีความมัน มันจะทำให้เป็นดวง... อะไร ไนซ์ๆๆก็ไม่รู้ฟังไม่ทัน นึกขึ้นตอนแปะกระดาษทรายไปโดนมันนี่หว่า
แต่คงไม่ใช่น้ำมันจากตัวเราแต่เป็นโลชั่นที่ทาไว้ตอนเช้า ปั๊ดโธ่... เกิดอยากผิวดีอะไรวันนี้ ก็ถามเค้าว่าแก้ไงได้บ้าง จริงๆใจแป๋วไปแล้วนะ 555 แอดมินบอกแก้ได้รอแห้งแล้วขัดใหม่ แง..... รอๆๆ รีบอยากให้เสร็จเอาไดร์มาเป่า555 ไม่รู้ได้ป่าวแต่ทำไปละ พอแห้งก็ขัดใหม่ แล้วก็ล้างทำความสะอาดรอแห้งเหมือนเดิม นับ1ใหม่ ต่อจากนั้นเริ่มพ่นใหม่ พ่นไป น้ำหยดติ๋งๆๆ จากกระดาษสีน้ำตาลที่บังไว้ มันอมน้ำตอนเราล้างชิ้นงาน บั๊ดโธ่ เอาอีกแล้ว...ทำไมโชคไม่เข้าข้างเราว่ะ 555
รอแห้งเริ่มใหม่ นับ1 ใหม่อีก แต่ตอนนี้อยากทำเสร็จแล้วอ่ะ ไม่พ่นรองพื้นละขี้เกียจ พอชิ้นงานแห้งปุ๊บ ลองสีจริงแล้วก็พ่นๆไป 2-3รอบ ห่างจากชิ้นงานประมาณ 1ฟุต เย้...ไม่เป็นดวงๆละ ไอ้ที่พ่นสี2-3รอบเนี่ย แต่ละรอบพ่นเต็มพักครึ่งชมให้สีเซ็ทตัว แต่จริงๆก็สังเกตเองนะ ว่าช่วงพ่นใหม่ๆมันจะฉ่ำๆ แต่พอซักพักมันจะออกด้านๆ เราก็ลงรอบ2 ถ้ากลบรอยแล้วพอ หลังจากนั้นก็พักไว้30-45 นาที (ช่วงที่แก้นอยด์มากกก ไม่มีอารมณ์ตั้งกล้อง รูปก็จะข้ามมาลงสีตัวรถเลย)
ค่อยลงแลคเกอร์ ตอนพ่นแลคเกอร์ก็พ่นระยะประมาณครึ่งฟุต เค้าบอกจ่อๆหน่อย ถ้าพ่นไกลจะไม่เงา พ่นๆไป เค้าบอก2-3รอบ แต่เราก็ไม่ได้นับเพราะพ่นเติมๆ แต่อย่าลืมพักเหมือนสีนะ แล้วเยิ้มมม กว่าจะเสร็จมืด ยุงก็กัด แต่รอยหายไปเย้ๆๆๆ รอๆซักพักอยากเห็นภาพเต็มๆตาจะเป็นไงน้า ลอกกระดาษออก แทน แท่น แท๊นนนน ก็อย่างที่เห็นเลยจร้ารอยหายไป เราทำได้เว้ย สุดยอด ยืดอกฉันทำได้ว่ะ ถึงแม้จะผิดถูกๆ ถูๆไถๆ เกิดมาไม่เคยทำเลยนะเนี่ย (อวยตัวเองในใจ555)
รูปตอนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฟ้ามืดยุงกัด พอแค่นี้แล้ววว บันทึกไว้ 9 กุมภาพันธ์ 2563
รูปนี้ วันที่ 20 มีนาคม 2563
หลังลงสีเสร็จตามขั้นตอนที่ร้านแจ้ง ทำทุกอย่างเสร็จไปแล้ว 3-7 วัน ควรขัดด้วยครีมขัดหยาบคู่กับเครื่องขัด ซึ่งเราไม่มี 555 และล้างทำความสะอาด รอแห้ง และลงครีมขัดเงาอีกครั้งก็จะเสร็จสิ้น (แต่เรายังไม่ได้ทำ กะว่าถ้ามีเวลาอีกจะเก็บงานชิ้นอื่นแล้ว ซื้อเครื่องขัดไฟฟ้า เล็งราคาในช้อปปี้มาไม่กี่ร้อย )
สรุปอุปกรณ์ที่ใช้ให้อีกครั้งนะคะ จะได้เป็นลิสที่แล้ว
-สีสเปรย์ตามรหัสของรถเรา GT Pro
-สเปรย์แลคเกอร์2K GT Pro
-สีรองพื้น จริงๆก็ควรใช้ ยิ่งถ้าขัดถึงเนื้อพลาสติกแนะนำว่าใช้ เพราะจะได้กลบรอยได้เร็วขึ้นขนาดใช้สีจริง ส่วนสีดำไม่ค่อยเห็น
-สีโป๊ว GT Pro เก็บรอยแบบไม่ต้องผสม ที่เลือกตัวนี้เพราะกะแบบผสมไม่ถูก
-กระดาษทรายน้ำ TOA เบอร์ 320,600,1000 (ไม่รวมงานที่เราทำพลาดแล้วต้องแก้ 3 แผ่นน่าจะพอค่ะ)
-ฟองน้ำรองขัด ช่วยให้ขัดกระดาษทรายได้อย่างถนัดมือ
-เทปกาว INTER ไว้แปะกระดาษบังส่วนที่ไม่ต้องการให้ละอองสีไปโดน
-กระดาษน้ำตาลที่ไว้บังส่วนที่ไม่ต้องการ ร้านเครื่องเขียนมี
-ด้ามจับสเปรย์ (จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ แต่ใช้ก็สะดวกดี ไม่เมื่อยนิ้ว) และเก็บไว้ใช้กับสเปรย์กระป๋องมาตรฐานได้ต่ออีก
-ถังน้ำ
-ผ้าสะอาด
-ถุงมือ
-ผ้าปิดจมูก
-ผ้ากันเปื้อน
สรุปประสบการณ์งานชิ้นนี้ก่อนเลยนะคะ
- รอยหายไป (ถ้าคนที่พอมีทักษะก็คงจะได้งานดีกว่านี้เป็นแน่แท้)
-ความต่างระหว่างสีที่พ่นใหม่ มีความต่างจ๊ะ ส่วนที่พ่นใหม่จะมีความเงากว่า แต่เราเข้าใจได้นะ รถเราผ่านแดดร้อนๆมาเป็นสิบปี จะเงาใหม่ได้เหมือนเดิมตลอดก็คงจะเป็นไปไม่ได้ สีใหม่สดฉ่ำกว่า แต่เรารับได้!! ดีกว่ามันเป็นรอยครูดๆ อีกอย่างใช้ไปเดี๋ยวก็กลืนกันไปเอง (รึป่าว คิดเองน้า)
-การซ่อมแบบนี้อาจจะเหมาะกับรอยเฉี่ยวชนเบาๆ ถ้าบุบก็คงต้องเข้าอู่
-ราคาชุดแปดร้อยกว่า แต่เราเพิ่มนู้นนี่ ขึ้นอยู่กับรอยที่เป็นหนักเบาต้องใช้อะไรเพิ่ม รวมๆพันนิดๆ
คำเตือน ใครที่อยากจะทำเอง
-ระวังคราบมัน จากตัวเรา จากโลชั่น จากน้ำมันต่างๆ จะได้ไม่เป็นดวงๆ
-ระวังหยดน้ำใส่ชิ้นงาน
-ระวังอย่าพ่นติดๆกันเกินไปจะทำให้เยิ้ม (ถ้าเยิ้มมันอาจจะกินสีเก่าพอง)ร้านบอกมาแต่ของเราไม่พองนะ
-ระวังอย่าพ่นแลคเกอร์ห่างจากชิ้นงานมากไปจะทำให้ไม่เงา
ก่อนหน้านี้เวลาจะหาข้อมูลต่างๆ พันทิปเป็นที่แรกที่นึกถึง เพราะมีคนเข้ามาแชร์ประสบการณ์นู้นนี่นั่นมากมาย และก็แอบสงสัยในใจว่า โห..มีคนมีเวลามานั่งอธิบายอะไรเยอะขนาดนี้เลยหรอ ได้ข้อมูลจากพันทิปเยอะมากจริงๆ และวันนี้พอตัวเองได้ทำอะไรที่ใหม่ๆก็อยากจะแชร์ไว้เพื่อเป็นแนวทางก็ดี เพื่อเป็นบันทึกของตัวเองที่ก้าวพ้นความกลัวที่จะลองอะไรใหม่ ขออนุญาตไม่ดราม่าเยอะนะคะ จขกท จิตใจอ่อนไหว 555 เพิ่งทำเป็นครั้งแรก สำหรับงานชิ้นนี้และพันทิป จขกท อาจจะไม่ได้ on time ในการเข้ามาตอบมากนะคะ ถ้าตอบช้าขออภัยด้วยจริงๆ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้