ขออนุญาตเล่าเรื่องของตัวเองกับสายการบิน KLM เที่ยวบินจากไทยเข้าอังกฤษนะคะ จริงๆเราต้องบินกลับอังกฤษวันนี้ แต่เมื่อวันพุธที่ผ่านมามีการยกเลิกเที่ยวบินจากอัมสเตอร์ดัมส์ เข้าสนามบินแถวบ้านเราที่อังกฤษ เราก็โทรติดต่อศูนย์ที่เมืองไทย ก็ได้รับแจ้งว่ามีสองตัวเลือกคือ บินวันศุกร์ แต่ต้องรอข้ามคืนเพื่อที่จะบินต่อกลับเข้าอังกฤษในเช้าวันเสาร์ แต่ KLM ไม่มีนโยบายจัดหาโรงแรมให้ และต้องไปติดต่อที่เคานท์เตอร์เช็คอิน
อีกตัวเลือกนึงคือให้บินวันอาทิตย์ ก็จะเป็นเหมือนไฟลท์การเดินทางวันศุกร์ เราก็เลยเลือกที่จะเดินทางวันอาทิตย์
พอเมื่อคืนนี้ตอนเกือบเที่ยงคืน ก็ได้เมสเสจมาจากสายการบินอีกว่า ไฟลท์จากอัมสเตอร์ดัมเข้าสนามบินแถวบ้านที่อังกฤษยกเลิกอีกแล้ว พอโทรกลับไปเมื่อเช้านี้ จนท.แจ้งว่าต้องเลื่อนไปอีกอาทิตย์นึง! แต่เราต้องกลับไปทำงานวันจันทร์นี้ แถมบริษัทเราก็อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว เพิ่งประกาศเลิกจ้างลูกจ้างบางตำแหน่ง และลดเงินเดือนพนักงานเมื่อคืน ถ้าไม่ได้กลับไปภายในวันจันทร์ คือคงต้องอยู่ไทยยาวๆแบบไม่มีงานทำไปเลย 😞
เราก็เลยบอกว่ามีไฟลท์ไปลงสนามบินอื่นได้หรือเปล่า จนท.ก็ยังพูดเหมือนไม่อยากจะดูให้ และยกตัวอย่างว่า เมื่อสองสามวันก่อนมีคนอังกฤษโทรมาพยายามจะต้องบินกลับอังกฤษเหมือนกัน และถามว่าเรามีสัญชาติอังกฤษหรือเปล่า... ทำเราฉุนมาก ถ้าเราไม่มีสัญชาติอังกฤษแล้วจะไม่ช่วยเราหาไฟลท์หรืองัย? 😤 พอเราตอบว่ามี จนท.ก็เลยให้รอสาย สุดท้ายหาไฟลท์มาให้เราได้ คือบินจากไทยไปอัมสเตอร์ดัมวันอาทิตย์เหมือนเดิม และรอข้ามคืนเพื่อต่อจากอัมสเตอร์ดัมไปแมนเชสเตอร์ในเช้าวันจันทร์ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีโรงแรมให้มั้ย ต้องไปติดต่อเองเมื่อถึงอัมสเตอร์ดัม และมีเรื่องที่ต้องไปลุ้นอีกว่าไฟลท์วันจันทร์จะยกเลิกหรือเปล่า
ซึ่งถ้าอ่านดูแล้ว จนท.ที่ให้ข้อมูลเราวันพุธและวันนี้ให้ข้อมูลเราไม่เหมือนกันเรื่องโรงแรม เราก็เลยถามว่าสรุปว่าข้อมูลอันไหนกันแน่ที่ถูกต้อง และไฟลท์ที่ยกเลิกมันก็ไม่ใช่ความผิดเรา ทำไมถึงไม่มีการอำนวยความสะดวก
จนท. วันนี้ตอบเรากลับมาว่า "คุณไม่ใช่ลูกค้าคนเดียวที่เจอปัญหา ยังมีคนอื่นอีกเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นล้านคนที่มีปัญหาเหมือนกัน" เราก็เลยตอบกลับไปว่า ทำไมถึงพูดจาไม่น่ารักแบบนี้ เราถามเพราะข้อมูลที่เราได้รับมาไม่เหมือนกัน จนท.คนนี้ก็เลยเปลี่ยนน้ำเสียง
คำถามสุดท้ายของเราคือเรื่องกระเป๋า เพราะเราไม่เคยต้องต่อไฟลท์ที่ห่างกันข้ามวันแบบนี้ จนท.ก็บอกว่าต้องออกไปรับกระเป๋าเองแล้วเช็คอินใหม่ พอวางสายไปแล้วเรากลับมาคิดดูอีกที มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะบินสายการบินเดียวกัน กระเป๋ามันต้องถูกส่งไปยังปลายทาง เลยทำให้เรายิ่งไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายเราคุยกับญาติๆที่บ้าน ทุกคนก็บอกว่าให้ซื้อตั๋วใหม่บินตรงเข้าอังกฤษไปเลย แพงหน่อยแต่ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะได้บินหรือเปล่า ก็เลยยอมไปจองการบินไทยแล้วบินตรงลงลอนดอน ซึ่งไกลจากบ้านประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งแทน 😞😞
จากนั้นเราก็โทรยกเลิกไฟลท์เรา แต่จนท.บอกว่าต้องให้ไปยกเลิกที่ศูนย์ที่ลอนดอน เพราะเราจองผ่านที่ลอนดอนมา จะทำรีฟันด์ให้ไม่ได้เพราะเป็นคนละสกุลเงิน และรีฟันด์ก็จะเป็นแต่ voucher เท่านั้น แต่กว่าเราจะไปถึงลอนดอน กลับไปถึงบ้าน ไฟลท์ที่นี่ก็กำลังจะออกแล้ว จะกลายเป็นว่าเราทิ้งตั๋วไปเฉยๆ จนท.ก็บอกว่าเดี๋ยวทำเรื่องยกเลิกให้ และเพิ่มข้อมูลให้ว่าเราจะติดต่อกลับไปอีกทีเรื่องรีฟันด์ สรุปคือต้องกลับตามเรื่องต่อเองที่อังกฤษ
เราก็เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เอื้อให้กับบริษัทไหนๆทั้งนั้น แต่เรารู้สึกว่าศูนย์ของ KLM ที่กรุงเทพไม่ได้มีอำนาจในการช่วยเหลือผดส. ข้อมูลในการให้กับลูกค้าไม่แม่นยำ และกลายเป็นว่าเราต้องช่วยเหลือตัวเองในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะการติดต่อขอโรงแรมในกรณีที่ต้องเดินทางวันถัดไป ทั้งๆที่สายการบินเป็นฝ่ายยกเลิกไฟลท์ของเราถึง 2 ครั้ง ถ้าคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พอไปถึงแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกก็คงโดนปล่อยเกาะอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ถ้าใครกำลังจะเดินทางสายการบิน KLM ในช่วงนี้ก็เช็คให้ดีๆนะคะ หวังว่าจะไม่เจอเหตุการณ์ยกเลิกซ้ำซ้อนแบบเรา
การเดินทางกับ KLM ในช่วงโควิด-19ระบาด
อีกตัวเลือกนึงคือให้บินวันอาทิตย์ ก็จะเป็นเหมือนไฟลท์การเดินทางวันศุกร์ เราก็เลยเลือกที่จะเดินทางวันอาทิตย์
พอเมื่อคืนนี้ตอนเกือบเที่ยงคืน ก็ได้เมสเสจมาจากสายการบินอีกว่า ไฟลท์จากอัมสเตอร์ดัมเข้าสนามบินแถวบ้านที่อังกฤษยกเลิกอีกแล้ว พอโทรกลับไปเมื่อเช้านี้ จนท.แจ้งว่าต้องเลื่อนไปอีกอาทิตย์นึง! แต่เราต้องกลับไปทำงานวันจันทร์นี้ แถมบริษัทเราก็อยู่ในธุรกิจท่องเที่ยว เพิ่งประกาศเลิกจ้างลูกจ้างบางตำแหน่ง และลดเงินเดือนพนักงานเมื่อคืน ถ้าไม่ได้กลับไปภายในวันจันทร์ คือคงต้องอยู่ไทยยาวๆแบบไม่มีงานทำไปเลย 😞
เราก็เลยบอกว่ามีไฟลท์ไปลงสนามบินอื่นได้หรือเปล่า จนท.ก็ยังพูดเหมือนไม่อยากจะดูให้ และยกตัวอย่างว่า เมื่อสองสามวันก่อนมีคนอังกฤษโทรมาพยายามจะต้องบินกลับอังกฤษเหมือนกัน และถามว่าเรามีสัญชาติอังกฤษหรือเปล่า... ทำเราฉุนมาก ถ้าเราไม่มีสัญชาติอังกฤษแล้วจะไม่ช่วยเราหาไฟลท์หรืองัย? 😤 พอเราตอบว่ามี จนท.ก็เลยให้รอสาย สุดท้ายหาไฟลท์มาให้เราได้ คือบินจากไทยไปอัมสเตอร์ดัมวันอาทิตย์เหมือนเดิม และรอข้ามคืนเพื่อต่อจากอัมสเตอร์ดัมไปแมนเชสเตอร์ในเช้าวันจันทร์ แต่ไม่รับประกันว่าจะมีโรงแรมให้มั้ย ต้องไปติดต่อเองเมื่อถึงอัมสเตอร์ดัม และมีเรื่องที่ต้องไปลุ้นอีกว่าไฟลท์วันจันทร์จะยกเลิกหรือเปล่า
ซึ่งถ้าอ่านดูแล้ว จนท.ที่ให้ข้อมูลเราวันพุธและวันนี้ให้ข้อมูลเราไม่เหมือนกันเรื่องโรงแรม เราก็เลยถามว่าสรุปว่าข้อมูลอันไหนกันแน่ที่ถูกต้อง และไฟลท์ที่ยกเลิกมันก็ไม่ใช่ความผิดเรา ทำไมถึงไม่มีการอำนวยความสะดวก
จนท. วันนี้ตอบเรากลับมาว่า "คุณไม่ใช่ลูกค้าคนเดียวที่เจอปัญหา ยังมีคนอื่นอีกเป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นล้านคนที่มีปัญหาเหมือนกัน" เราก็เลยตอบกลับไปว่า ทำไมถึงพูดจาไม่น่ารักแบบนี้ เราถามเพราะข้อมูลที่เราได้รับมาไม่เหมือนกัน จนท.คนนี้ก็เลยเปลี่ยนน้ำเสียง
คำถามสุดท้ายของเราคือเรื่องกระเป๋า เพราะเราไม่เคยต้องต่อไฟลท์ที่ห่างกันข้ามวันแบบนี้ จนท.ก็บอกว่าต้องออกไปรับกระเป๋าเองแล้วเช็คอินใหม่ พอวางสายไปแล้วเรากลับมาคิดดูอีกที มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะบินสายการบินเดียวกัน กระเป๋ามันต้องถูกส่งไปยังปลายทาง เลยทำให้เรายิ่งไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายเราคุยกับญาติๆที่บ้าน ทุกคนก็บอกว่าให้ซื้อตั๋วใหม่บินตรงเข้าอังกฤษไปเลย แพงหน่อยแต่ไม่ต้องไปลุ้นว่าจะได้บินหรือเปล่า ก็เลยยอมไปจองการบินไทยแล้วบินตรงลงลอนดอน ซึ่งไกลจากบ้านประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งแทน 😞😞
จากนั้นเราก็โทรยกเลิกไฟลท์เรา แต่จนท.บอกว่าต้องให้ไปยกเลิกที่ศูนย์ที่ลอนดอน เพราะเราจองผ่านที่ลอนดอนมา จะทำรีฟันด์ให้ไม่ได้เพราะเป็นคนละสกุลเงิน และรีฟันด์ก็จะเป็นแต่ voucher เท่านั้น แต่กว่าเราจะไปถึงลอนดอน กลับไปถึงบ้าน ไฟลท์ที่นี่ก็กำลังจะออกแล้ว จะกลายเป็นว่าเราทิ้งตั๋วไปเฉยๆ จนท.ก็บอกว่าเดี๋ยวทำเรื่องยกเลิกให้ และเพิ่มข้อมูลให้ว่าเราจะติดต่อกลับไปอีกทีเรื่องรีฟันด์ สรุปคือต้องกลับตามเรื่องต่อเองที่อังกฤษ
เราก็เข้าใจว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เอื้อให้กับบริษัทไหนๆทั้งนั้น แต่เรารู้สึกว่าศูนย์ของ KLM ที่กรุงเทพไม่ได้มีอำนาจในการช่วยเหลือผดส. ข้อมูลในการให้กับลูกค้าไม่แม่นยำ และกลายเป็นว่าเราต้องช่วยเหลือตัวเองในทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะการติดต่อขอโรงแรมในกรณีที่ต้องเดินทางวันถัดไป ทั้งๆที่สายการบินเป็นฝ่ายยกเลิกไฟลท์ของเราถึง 2 ครั้ง ถ้าคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ พอไปถึงแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกก็คงโดนปล่อยเกาะอยู่ที่อัมสเตอร์ดัม ถ้าใครกำลังจะเดินทางสายการบิน KLM ในช่วงนี้ก็เช็คให้ดีๆนะคะ หวังว่าจะไม่เจอเหตุการณ์ยกเลิกซ้ำซ้อนแบบเรา