1. บุปผาราตรี (พ.ศ. 2546)
ผลงานของสุดยอดผู้กำกับอย่าง "ยุทธเลิศ สิปปภาค" เป็นหนังที่เจ๋งแหวกแนวมาก ปกติหนังผีก็จะมีแบบน่ากลัวหม่นๆไปเลย หรืออีกแบบคือหนังผีตลก มีตกใจบ้างแต่เน้นตลกสนุกสนาน
แต่สำหรับบุปผาราตรีมาในคอนเส็ปต์ใหม่ คือเป็นหนังที่มีความตลกติงต๊อง มีนักแสดงตลก แต่เป็นหนังแนวสยองขวัญที่ทำได้โคตรน่ากลัว แล้วสามารถทำซีนตกใจหวีดสยองได้แบบถึงอารมณ์มาก
สมัยนั้นใครได้ดูในโรงภาพยนตร์จะรู้ถึงอารมณ์สลับสองขั้วฉับพลัน คือคนดูจะเป็นไบโพล่าโดยปริยาย ถ้าใครไม่เคยดูก็คงต้องชวนเพื่อนมาดูทีวีจอใหญ่กลางดึกปิดไฟมืด (อาจไม่ได้ฟีลลิ่งเหมือนคนที่ได้ดูในโรงหนัง แต่มันพอซึมซับเป้าหมายของหนังได้)
ในฐานะคอหนังฝรั่งต้องบอกว่า ยังไม่มีหนังฝรั่งเคยทำแบบนี้คอนเส็ปต์แบบนี้เลยเหมือนกัน แต่คุณต้อม ยุทธเลิศทำได้
จากนั้นมันก็มีภาค 2 และ 3 ออกมา คุณภาพดีทำได้ดีตามค็อนเสปต์เดิม ตลกโหดเหมือนเดิม แต่พูดถึงความกระชากอารมณ์มันก็เทียบกับภาคแรกไม่ได้
. . .
2. Fake โกหกทั้งเพ (พ.ศ. 2546)
มี 3 นักแสดงชายสไตล์เซอๆอินดี้อย่าง ต้า บาร์บี้, เรย์ แมคโดนัลด์, ลีโอ พุฒ เล่นได้เข้ากับสไตล์ของเรื่องนี้มาก แล้วก็มีอั้ม พัชราภา มาเล่นเป็นหญิงร้าย ก็ถือว่าเลือกนักแสดงได้เหมาะมาก
เนื้อหาไม่ใช่แนวสนุก และไม่ใช่รักโรแมนติกสามเส้าสี่เส้า แต่เป็นหนังออกไซโคนิดๆ ถ่ายทำเจ๋ง ภาพสวย กำกับดี มีความอินดี้หรือเป็นหนังทางเลือก (อัลเทอร์เนทีฟ) ถ้าใครที่ชอบดูหนังฝั่งเกาะอังกฤษสมัยนั้นก็จะชอบสไตล์นี้
. . .
3. Suckseed ห่วยขั้นเทพ (พ.ศ. 2554)
ถ้าคนไม่ได้ชอบดนตรี ไม่ใช่คอเพลงร็อค ก็อาจดูสนุกในสไตล์แบบวัยรุ่น มีความรักแบบเด็กนักเรียนอะไรทำนองนั้น แต่เรื่องนี้มันคือหนังเพลง มีบรรยากาศยุค 90 อย่างเพลงของโลโซ, โมเดิร์นด็อก
สำหรับคนชอบเล่นดนตรีและชอบเพลงยุคนั้น ก็เรียกว่าสามารถอินเข้าเส้น แล้วก็มีซีนรับเชิญ ป๊อด โมเดิร์นด็อก, ปู แบล็คเฮด, แด๊ก บิ๊กแอส, โจ๊ก โซคูล, ตูน บอดี้สแลม มาร่วมแจมในเรื่องด้วย
นางเอกเรื่องนี้แสดงโดยน้องแนท ณัฐชา ลูกสาวของ "กีตาร์ คิง" หรือแหลม มอริสัน รับบทเป็น "เอิญ" นักร้องนักดนตรีสุดเทพ แถมในฉากแชตยังมีแฝงใช้ชื่อ account ว่า "Earn Morrison" เรียกว่าผู้กำกับอารมณ์ดี มีแอบยกย่องกีตาร์ คิงด้วย
หนังอาจไม่ได้เน้นที่บทหรือเนื้อหามากมาย แต่เน้นที่อารมณ์เพลง บรรยากาศ และการแสดงดนตรี มีเพลง "บุษบา" ในอีกเวอร์ชั่นแบบ Post Punk และมีเพลงสนุกๆที่แต่งขึ้นมาในเรื่องด้วย ซึ่ง "พีช พชร" นักแสดงเจ้าบทบาทโชว์ลีลาดนตรีได้สุดมากเรื่องนี้
. . .
4. มือปืน โลก/พระ/จัน (พ.ศ. 2544)
ผลงานของคุณยุทธเลิศ สิปปภาค อีกนั่นแหละ เรื่องนี้อาจใส่เรื่องธรรมะ เรื่อง "กรรม" เข้าไป แต่ไม่ใช่จุดเด่น จุดเด่นอยู่ที่สามารถโยงเรื่องกรรมและผูกเรื่องต่างๆให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ใช่แนวบู๊แบบเอาสมจริงหรือเอามันระห่ำ แต่เน้นที่คาแร็คเตอร์เจ๋งๆของตัวละครแต่ละตัว ที่แต่ละคนมีสตอรี่ต่างกันและมารวมตัวกัน
นอกจากรวมดาราตลกแล้ว ก็มี "เต๋า สมชาย" ที่เป็นตัวเอกในเรื่อง เล่นได้เท่มาก ซึ่งเรื่องนี้บทและการดำเนินเนื้อเรื่องดีทุกประการ
ส่วนปีนี้ก็มีภาค 2 ออกมา เป็นเนื้อเรื่องใหม่ ผลงานดี เทคนิคถ่ายทำสมัยใหม่ ให้แง่คิดอุดมการณ์ในอีกแบบนึง แต่ก็ตามสูตร คือมองว่ายังไงภาค 1 มันก็มักจะดีกว่า
. . .
5. น้องพี่ที่รัก (พ.ศ. 2561)
เรื่องนี้เป็นหนังในยุคใหม่เลยมีโอกาสดีที่ได้กระจายไปฉายในต่างประเทศ ซึ่งสมัยนี้มีตลาดรองรับ แล้วกระแสตอบรับมันก็ดีด้วยจริงๆ ด้วยกับมันมีความเป็นเอเชียและมีความเป็นไทยๆอยู่ ประเทศในแถบโซนตะวันออกนี้ก็จะเข้าถึงได้
มี "ซันนี่" มาเล่นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องฝีไม้ลายมือ กับลีลากวนๆและการแสดงที่เป็นธรรมชาติ
เป็นหนังแนวชีวิต มีใส่ความตลกที่ไม่แฮปปี้เอนดิ้งซะทีเดียว ดูแล้วต้องต่อมน้ำตาแตกแน่นอน ใครที่รักพี่รักน้อง แล้วโดยเฉพาะคนที่ไม่มีพี่น้อง ว่ากันว่าดูแล้วจะรู้ความหมายมากกว่าคนที่มีพี่น้องซะอีก เหมือนกับที่ในบทได้ใส่ให้ตัวละคร "เดียร์" เป็นตัวเปรียบเทียบและให้แง่คิดกับคนอื่นในเรื่อง
. . .
* บางเรื่องที่บอกว่าชวนเพื่อนมาดูต้องบอกว่า ทั้งหมดนี้ 4 เรื่องไม่ใช่หนังสำหรับเด็กนะครับ มีฉาก 18+ มีซีนเรื่องเพศและความรุนแรง ยกเว้นเรื่อง Suckseed ที่เด็กพอดูได้หรือทางที่ดีก็ผมให้อยู่ที่ 13+ ตามวัยในเรื่องครับ *
5 หนังไทยขึ้นหิ้ง ที่คนไม่ใช่คอหนังไทยก็ต้องชอบ
1. บุปผาราตรี (พ.ศ. 2546)
ผลงานของสุดยอดผู้กำกับอย่าง "ยุทธเลิศ สิปปภาค" เป็นหนังที่เจ๋งแหวกแนวมาก ปกติหนังผีก็จะมีแบบน่ากลัวหม่นๆไปเลย หรืออีกแบบคือหนังผีตลก มีตกใจบ้างแต่เน้นตลกสนุกสนาน
แต่สำหรับบุปผาราตรีมาในคอนเส็ปต์ใหม่ คือเป็นหนังที่มีความตลกติงต๊อง มีนักแสดงตลก แต่เป็นหนังแนวสยองขวัญที่ทำได้โคตรน่ากลัว แล้วสามารถทำซีนตกใจหวีดสยองได้แบบถึงอารมณ์มาก
สมัยนั้นใครได้ดูในโรงภาพยนตร์จะรู้ถึงอารมณ์สลับสองขั้วฉับพลัน คือคนดูจะเป็นไบโพล่าโดยปริยาย ถ้าใครไม่เคยดูก็คงต้องชวนเพื่อนมาดูทีวีจอใหญ่กลางดึกปิดไฟมืด (อาจไม่ได้ฟีลลิ่งเหมือนคนที่ได้ดูในโรงหนัง แต่มันพอซึมซับเป้าหมายของหนังได้)
ในฐานะคอหนังฝรั่งต้องบอกว่า ยังไม่มีหนังฝรั่งเคยทำแบบนี้คอนเส็ปต์แบบนี้เลยเหมือนกัน แต่คุณต้อม ยุทธเลิศทำได้
จากนั้นมันก็มีภาค 2 และ 3 ออกมา คุณภาพดีทำได้ดีตามค็อนเสปต์เดิม ตลกโหดเหมือนเดิม แต่พูดถึงความกระชากอารมณ์มันก็เทียบกับภาคแรกไม่ได้
. . .
2. Fake โกหกทั้งเพ (พ.ศ. 2546)
มี 3 นักแสดงชายสไตล์เซอๆอินดี้อย่าง ต้า บาร์บี้, เรย์ แมคโดนัลด์, ลีโอ พุฒ เล่นได้เข้ากับสไตล์ของเรื่องนี้มาก แล้วก็มีอั้ม พัชราภา มาเล่นเป็นหญิงร้าย ก็ถือว่าเลือกนักแสดงได้เหมาะมาก
เนื้อหาไม่ใช่แนวสนุก และไม่ใช่รักโรแมนติกสามเส้าสี่เส้า แต่เป็นหนังออกไซโคนิดๆ ถ่ายทำเจ๋ง ภาพสวย กำกับดี มีความอินดี้หรือเป็นหนังทางเลือก (อัลเทอร์เนทีฟ) ถ้าใครที่ชอบดูหนังฝั่งเกาะอังกฤษสมัยนั้นก็จะชอบสไตล์นี้
. . .
3. Suckseed ห่วยขั้นเทพ (พ.ศ. 2554)
ถ้าคนไม่ได้ชอบดนตรี ไม่ใช่คอเพลงร็อค ก็อาจดูสนุกในสไตล์แบบวัยรุ่น มีความรักแบบเด็กนักเรียนอะไรทำนองนั้น แต่เรื่องนี้มันคือหนังเพลง มีบรรยากาศยุค 90 อย่างเพลงของโลโซ, โมเดิร์นด็อก
สำหรับคนชอบเล่นดนตรีและชอบเพลงยุคนั้น ก็เรียกว่าสามารถอินเข้าเส้น แล้วก็มีซีนรับเชิญ ป๊อด โมเดิร์นด็อก, ปู แบล็คเฮด, แด๊ก บิ๊กแอส, โจ๊ก โซคูล, ตูน บอดี้สแลม มาร่วมแจมในเรื่องด้วย
นางเอกเรื่องนี้แสดงโดยน้องแนท ณัฐชา ลูกสาวของ "กีตาร์ คิง" หรือแหลม มอริสัน รับบทเป็น "เอิญ" นักร้องนักดนตรีสุดเทพ แถมในฉากแชตยังมีแฝงใช้ชื่อ account ว่า "Earn Morrison" เรียกว่าผู้กำกับอารมณ์ดี มีแอบยกย่องกีตาร์ คิงด้วย
หนังอาจไม่ได้เน้นที่บทหรือเนื้อหามากมาย แต่เน้นที่อารมณ์เพลง บรรยากาศ และการแสดงดนตรี มีเพลง "บุษบา" ในอีกเวอร์ชั่นแบบ Post Punk และมีเพลงสนุกๆที่แต่งขึ้นมาในเรื่องด้วย ซึ่ง "พีช พชร" นักแสดงเจ้าบทบาทโชว์ลีลาดนตรีได้สุดมากเรื่องนี้
. . .
4. มือปืน โลก/พระ/จัน (พ.ศ. 2544)
ผลงานของคุณยุทธเลิศ สิปปภาค อีกนั่นแหละ เรื่องนี้อาจใส่เรื่องธรรมะ เรื่อง "กรรม" เข้าไป แต่ไม่ใช่จุดเด่น จุดเด่นอยู่ที่สามารถโยงเรื่องกรรมและผูกเรื่องต่างๆให้เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ใช่แนวบู๊แบบเอาสมจริงหรือเอามันระห่ำ แต่เน้นที่คาแร็คเตอร์เจ๋งๆของตัวละครแต่ละตัว ที่แต่ละคนมีสตอรี่ต่างกันและมารวมตัวกัน
นอกจากรวมดาราตลกแล้ว ก็มี "เต๋า สมชาย" ที่เป็นตัวเอกในเรื่อง เล่นได้เท่มาก ซึ่งเรื่องนี้บทและการดำเนินเนื้อเรื่องดีทุกประการ
ส่วนปีนี้ก็มีภาค 2 ออกมา เป็นเนื้อเรื่องใหม่ ผลงานดี เทคนิคถ่ายทำสมัยใหม่ ให้แง่คิดอุดมการณ์ในอีกแบบนึง แต่ก็ตามสูตร คือมองว่ายังไงภาค 1 มันก็มักจะดีกว่า
. . .
5. น้องพี่ที่รัก (พ.ศ. 2561)
เรื่องนี้เป็นหนังในยุคใหม่เลยมีโอกาสดีที่ได้กระจายไปฉายในต่างประเทศ ซึ่งสมัยนี้มีตลาดรองรับ แล้วกระแสตอบรับมันก็ดีด้วยจริงๆ ด้วยกับมันมีความเป็นเอเชียและมีความเป็นไทยๆอยู่ ประเทศในแถบโซนตะวันออกนี้ก็จะเข้าถึงได้
มี "ซันนี่" มาเล่นก็ไม่ต้องห่วงเรื่องฝีไม้ลายมือ กับลีลากวนๆและการแสดงที่เป็นธรรมชาติ
เป็นหนังแนวชีวิต มีใส่ความตลกที่ไม่แฮปปี้เอนดิ้งซะทีเดียว ดูแล้วต้องต่อมน้ำตาแตกแน่นอน ใครที่รักพี่รักน้อง แล้วโดยเฉพาะคนที่ไม่มีพี่น้อง ว่ากันว่าดูแล้วจะรู้ความหมายมากกว่าคนที่มีพี่น้องซะอีก เหมือนกับที่ในบทได้ใส่ให้ตัวละคร "เดียร์" เป็นตัวเปรียบเทียบและให้แง่คิดกับคนอื่นในเรื่อง
. . .
* บางเรื่องที่บอกว่าชวนเพื่อนมาดูต้องบอกว่า ทั้งหมดนี้ 4 เรื่องไม่ใช่หนังสำหรับเด็กนะครับ มีฉาก 18+ มีซีนเรื่องเพศและความรุนแรง ยกเว้นเรื่อง Suckseed ที่เด็กพอดูได้หรือทางที่ดีก็ผมให้อยู่ที่ 13+ ตามวัยในเรื่องครับ *