สำหรับผม Bloodshot มีคอนเซปต์ที่น่าสนใจครับ เพราะหนังสร้างมาจาก comic ที่ไม่ได้เป็นของ Marvel หรือ DC แต่เป็นฮีโร่จากค่าย Valiant Comics ที่มียอดขายสูงไม่แพ้ค่ายที่ว่ามาเลย เพราะฉะนั้นสำหรับผมถือว่าเรื่องนี้น่าสนใจอยู่ในระดับนึงครับ ความคาดหวังก็อยู่ในระดับกลางๆ เพราะเอาจริงๆ ผมไม่ค่อยไว้วางใจค่าย Sony เสียเท่าไหร่ เพราะตอนที่เขาทำ Venom ผมผิดหวังครับ ผิดหวังสุดๆ สำหรับเรื่องนี้ผมเลยไม่ค่อยหวังอะไรมาก ขอให้มันออกมาเข้าท่ากว่าเรื่องนั้นก็พอใจแล้ว
Bloodshot เล่าเรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน (Vin Diesel) ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์ ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอ
หลังจากดูจบ ผมว่าหนังมีจุดที่เข้าท่าคือ CG ที่เนรมิตเทคโนโยีนาไนต์ออกมาได้น่าสนใจ และการแสดงที่ดีของนักแสดงครับ อย่าง Eiza González นี่ก็เซ็กซี่มากจนสามารถแย่งซีนได้หลายฉากเลย แต่ว่าไม่ได้มากพอที่จะแย่งพื้นที่จากพี่ Diesel ได้ เพราะพี่แกเล่นเป็นตัวละครที่พี่แกเล่นมาตลอดครับ ผมว่าผมชอบเลเวลการแสดงของเฮียแกช่วง 10 นาทีแรกมากครับ อย่างฉากที่ถูกมัดไว้ในเก้าอี้เนี่ยแววตาพี่แกนี่น่าสงสารสุดๆ แต่หลังจากพ้น 10 นาทีแรกไป พี่แกก็กลับมาสู่ pattern เดิมเลย เหมือนที่พี่แกเล่นเป็น Dominic Toretto หรือว่า Riddick เลยเป๊ะ! ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยถูกใจ แต่ยอมรับครับว่ามันทำให้ตัวละครพี่แกดูมีเสน่ห์มากขึ้น
แต่ก็น่าเสียดาย ที่จุดที่เข้าท่าสำหรับผมมันดันมีแค่นั้นจริง ส่วนที่เหลือค่อนข้างที่จะธรรมดา
จะว่าไปทางด้านเนื้อเรื่องดูเหมือนซับซ้อนครับ ช่วงแรกของหนังจะมีการพลิกไปพลิกมาของบทซึ่งเหมือนว่าจะสับขาหลอกคนดู แต่ว่าผมเดาได้หมดเลยครับ เดาได้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย แถมเดาตอนจบได้ด้วย(เอาจริงๆ ตอนดูนี่นึกถึง RoboCop ตลอดทั้งเรื่องเลย เพราะเนื้อเรื่องคล้ายกัน แต่เรื่องนั้นสนุกกว่าเยอะมาก) และพอมันเป็นไปตามที่เดาไว้หมดเนี่ย ความสนุกมันก็หดหายไปด้วยครับ กลายเป็นว่าเบื่อแทน สารภาพว่าช่วงเกือบไคล์แมกซ์ผมสัปงกไปหลายรอบเลย เพราะมันเดาได้หมดแถมหนังยังเล่าเรื่องเรื่อยๆ และไม่มีทีท่าว่าจะเร่งเครื่องตอนไหน ทำให้ช่วงแรกถึงกลางดูน่าเบื่อและจำเจสุดๆ ครับ ยังโชคดีที่ช่วงท้ายมันดูสนุกขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่พอที่จะช่วยหนังไว้ได้ทั้งเรื่อง ตรงนี้แอบเสียดายครับ
เอาจริงๆ ผมก็ไม่แปลกใจกับบทเท่าไหร่หรอก เพราะบทหนังเขียนโดย Jeff Wadlow ครับ ซึ่งพี่แกก็เคยกำกับหนังมาอย่าง Kick-Ass 2, Truth or Dare และก็ล่าสุดอย่าง Fantacy Island ซึ่งสองเรื่องแรกที่ว่ามาผมชอบนะครับ ถึงแม้บทจะตามสูตรแต่ว่าผกก. แกเล่าได้กล่อมกล่อม แต่สำหรับเรื่องนี้ ผมว่า Dave Wilson ซึ่งเคยกำกับ Love, Death & Robots ตอน Sonnie's Edge มาก่อน ผมว่าแกฝีมือตกครับ เพราะเรื่องนั้นมันสนุกกว่าเรื่องนี้หลายขุมเลย ถึงแม้หนังจะสื่อถึงอำนาจมืดของฝ่ายเบื้องบนที่เป็นคนควบคุมตัวเราแทนที่เราจะควบคุมตัวเอง ทำให้ตัวเราเหมือนสิ่งของของเขาที่จะเรียกใช้งานตอนไหนก็ได้ ซึ่งประเด็นนี้ดีครับ แต่ก็น่าเสียดายอีกที่หนังแตะประเด็นนี้แบบผิวเผินมากๆ
สรุปแล้ว Bloodshot ก็เป็นหนังเปิดจักรวาลใหม่ของค่าย Sony ที่ดูได้เพลินๆ เพราะองค์ประกอบต่างๆ ของหนังนั้นสามารถทำได้ดีกว่านี้ แต่ก็นำเสนอออกมาได้จืดชืด และซ้ำซากไปหน่อย ส่วนตัวชอบมากกว่า Venom นิดหน่อย แต่ยังห่างไกลจากคำชอบอยู่ดี
คะแนนเฉลี่ยรวม : 6/10
เรตหนัง : หนังโอเค พอดูได้
[CR] [##REVIEW##] Bloodshot (2020) จักรกลเดือดดุ | เปิดตัวจักรวาลได้ธรรมดาไปหน่อย [ไร้ส้มป่อย]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้