I Lost My Body (2019) : J'ai perdu mon corps
" เมื่อบางสิ่งบางอย่างในชีวิตฉันขาดหายไป... "
ล่าสุดผมเพิ่งได้มีโอกาสดูอนิเมชั่นอีกเรื่องจาก
Netflix นั่นก็คือ
I Lost My Body (2019) แอนิเมชั่นฝรั่งเศสที่ไปคว้ารางวัล
Critics' Week Grand Prize ได้ใน
Canne Film Festival (2019) รวมถึงเข้าชิงออสการ์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมอีกด้วย
- ตัวภาพยนตร์กำกับโดย
Jérémy Clapin เล่าเรื่องถึงชีวิตของนาโอเฟล อดีตของเขา และการผจญภัยของมือนาโอเฟล ด้วยความยาวหนังเพียง 1 ชม. 20 นาที
- ประทับใจวิธีการเล่าเรื่องกับเทคนิคการเล่าเรื่องดี ทำได้สวยเลย ว้าวมากจากการเล่าพร้อมกันสามเส้นเรื่องตัดสลับไปมาอย่างสวยงาม แต่ส่วนเนื้อเรื่องหลายๆ ต้องตีความสัญลักษณ์ต่างๆ สไตล์หนังอาร์ต เพราะมีการผสมกันทั้งแนวเรื่องแบบดราม่า Realistic กับ Surrealism ทำให้ดูยากพอสมควร ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเรื่องนี้เป็นหนังที่ไปคว้ารางวัลในคานส์มา (เทศกาลหนังนอกกระแสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก) ไม่แปลกที่สไตล์หนังออกมาทรงนี้ โดยเฉพาะมีความเป็นศิลปะสูงและนามธรรม (ซึ่งไม่เป็นมิตรกับคนทั่วไป) และการดำเนินเรื่องที่มีทั้งโทนที่นิ่งเรียบ แต่คมคาย
- ดนตรีประกอบเป็นอีกจุดที่ขอชื่นชมว่าทำได้ลุ่มลึกและเข้าถึงตัวหนังได้เยี่ยมมาก ผสานกับบรรยากาศหลายๆ ซีน ดูเหงา มืดหม่น โดดเดี่ยวเหลือเกิน กับการติดตามสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของนาโอเฟล
- ตอนแรกผมก็ผมก็กังขาว่าทำไมออสการ์ที่ผ่านมา
Toy Story 4 (2019) คว้ารางวัลไป เพราะรู้สึกว่าตัวหนังทำได้เยี่ยม แต่ก็เริ่มเข้าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พอมาเทียบกับ
Klaus (2019) กับ
I Lost My Body (2019) ที่เป็นตัวเต็งด้วยกันแล้ว ดูเหมือน
Toy Story 4 จะมีภาษีดีที่สุด [เรื่อง
Klaus คอนเซ็ปต์ดี แต่ถ้าเทียบสไตล์เดียวกันอย่าง
Toy Story เรื่องหลังถือว่าทำได้ดีกว่า / ส่วน
I Lost My Body เทียบกับสองเรื่องที่ว่ามา แม้ว่าจะอาร์ตและคมคาย แต่ว่าก็ถือว่าดูยาก ไม่เข้ากับจริตออสการ์สักเท่าไร]
-
ก็แนะนำสำหรับคนรักหนังอาร์ต / หนังนอกกระแส / หนังเทศกาล ไม่ควรพลาดเลย... จัดเป็นหนังที่น่าสนใจ มีอะไรให้ศึกษา ให้เสพเพียบ ด้วยคาแรคเตอร์หนังที่ไม่เหมือนใคร
I Lost My Body | Official Trailer | Netflix
___________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
[Netflix] I Lost My Body (2019) : เมื่อบางสิ่งบางอย่างในชีวิตฉันขาดหายไป...
- ตัวภาพยนตร์กำกับโดย Jérémy Clapin เล่าเรื่องถึงชีวิตของนาโอเฟล อดีตของเขา และการผจญภัยของมือนาโอเฟล ด้วยความยาวหนังเพียง 1 ชม. 20 นาที
- ประทับใจวิธีการเล่าเรื่องกับเทคนิคการเล่าเรื่องดี ทำได้สวยเลย ว้าวมากจากการเล่าพร้อมกันสามเส้นเรื่องตัดสลับไปมาอย่างสวยงาม แต่ส่วนเนื้อเรื่องหลายๆ ต้องตีความสัญลักษณ์ต่างๆ สไตล์หนังอาร์ต เพราะมีการผสมกันทั้งแนวเรื่องแบบดราม่า Realistic กับ Surrealism ทำให้ดูยากพอสมควร ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะเรื่องนี้เป็นหนังที่ไปคว้ารางวัลในคานส์มา (เทศกาลหนังนอกกระแสที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก) ไม่แปลกที่สไตล์หนังออกมาทรงนี้ โดยเฉพาะมีความเป็นศิลปะสูงและนามธรรม (ซึ่งไม่เป็นมิตรกับคนทั่วไป) และการดำเนินเรื่องที่มีทั้งโทนที่นิ่งเรียบ แต่คมคาย
- ตอนแรกผมก็ผมก็กังขาว่าทำไมออสการ์ที่ผ่านมา Toy Story 4 (2019) คว้ารางวัลไป เพราะรู้สึกว่าตัวหนังทำได้เยี่ยม แต่ก็เริ่มเข้าถึงจุดอิ่มตัวแล้ว พอมาเทียบกับ Klaus (2019) กับ I Lost My Body (2019) ที่เป็นตัวเต็งด้วยกันแล้ว ดูเหมือน Toy Story 4 จะมีภาษีดีที่สุด [เรื่อง Klaus คอนเซ็ปต์ดี แต่ถ้าเทียบสไตล์เดียวกันอย่าง Toy Story เรื่องหลังถือว่าทำได้ดีกว่า / ส่วน I Lost My Body เทียบกับสองเรื่องที่ว่ามา แม้ว่าจะอาร์ตและคมคาย แต่ว่าก็ถือว่าดูยาก ไม่เข้ากับจริตออสการ์สักเท่าไร]
- ก็แนะนำสำหรับคนรักหนังอาร์ต / หนังนอกกระแส / หนังเทศกาล ไม่ควรพลาดเลย... จัดเป็นหนังที่น่าสนใจ มีอะไรให้ศึกษา ให้เสพเพียบ ด้วยคาแรคเตอร์หนังที่ไม่เหมือนใคร