Kindom season 2 (2020): ผีดิบคลั่ง บังลังก์เดือด
" ปิดฉากเรื่องราวสำคัญจากซีซั่น 1 พร้อมขยายเรื่องราวให้กว้างขึ้นในซีซั่นถัดไป "
หลังจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 March, 2020) เชื่อว่าแฟนๆ ซีรี่ส์ Netflix หลายๆ ท่าน คงจะได้ชม
Kingdom season 2 (2020) กันแล้ว วันนี้ผมเลยอยากจะมารีวิวซีซั่นนี้สักหน่อย หลังจากทนรอมาปีนึง พร้อมกับดูจบภายในไม่ถึงวัน (555)
-
Kingdom season 2 (2020) กำกับโดย
Park In-je (EP 2-6) และ
Kim Seong-hun ผู้กำกับจากซีซั่นแรก (EP1) ส่วนผู้เขียนบทก็คือ
Kim Eun-Hee จากภาคที่แล้ว (แล้วก็เป็นผู้เขียน
The Land of the Gods ด้วย ที่เป็น Based ของซีรี่ส์ Kingdom)
[Wikipedia]
-
เนื้อเรื่องย่อ: เรื่องราวต่อจากซีซั่นแรก
องค์รัชทายาท ปักหลักสู้กับกองทัพซอมบี้ที่เมืองทงเร ขณะที่เสนาบดี
โจ ฮักจู ก็สามารถขยายอำนาจของกลุ่มแฮโจวอนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ก็เกิดเหตุการณ์พลิกล็อคให้องค์ชายและพรรคพวกต้องกลับเข้าไปที่ฮันยางอีกครั้ง (เอาแค่นี้ละกัน มากกว่านี้จะเสียอรรถรส)
Kingdom Swason 2 | Main Trailer | Netflix
- Kingdom season 2 (2020) ยังคงคุณภาพเหมือนเดิม... ซีซั่นนี้ถือว่าพัฒนาการเรื่องแต่ละตอนดีกว่า SS1 ไม่มีเวิ่นเว้อหรือมี Gap บางจุดแบบภาคแรก แต่ทั้งนี้การดำเนินเรื่องแต่ละฉากก็รู้สึกว่าไปไวกว่าด้วยเช่นกัน ส่วนพวกจุดหักมุม - จุดเซอร์ไพร์ส ตัวหนังยังทำได้สร้างสรรค์เช่นเคย (แบบบางช็อตดูแล้ว มันคิดได้ยังไงเนี่ย คนคิดนี่มันอัจฉริยะจริงๆ)
- จุดที่ผมประทับใจและเจ็บแสบที่สุดคือ บรรยากาศและประเด็นในเรื่องมันล้อกับโลกของเราตอนนี้เหลือเกิน ทั้งเรื่อง
โรคระบาด, ความอดอยาก, สงครามและความขัดแย้ง และที่สำคัญสุดคือ
ปัญหาความเห็นแก่ตัวของผู้นำ / นักการเมือง เสียดสีได้ลึกและคมคาย (หลายซีนภาพประเทศไทยลอยมาเลย ไม่รู้ว่าได้ Inspiration มาหรือเปล่า)
- ส่วนเรื่องคุณภาพหนังและโปรดักชั่น ยกให้ว่าจัดอยู่ในระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทั้งคุณภาพบทและการดำเนินเรื่อง คุณภาพนักแสดง มุมกล้อง โทนภาพ บรรยกาศหนัง โลเคชั่น คอสตูม ทำได้เนียนละเอียด (ส่วนตัวคิดว่านำหน้าระดับเอเชียไปแล้ว)
- ใครสนใจเรื่อง Art Composition การวางเฟรมภาพ การคุมโทนสี รวมถึงศิลปะการถ่ายทำของ Kingdom ลองดูในคลิปอันนี้ได้ งานพิถีพิถันมาก (มี Spoil ในคลิป)
กินคนอย่างมีศิลปะ! | วิเคราะห์เทคนิคการถ่ายทำ Kingdom Artlesson EP.5
เปรียบเทียบ Scene ระหว่าง Kingdom (2020) - รูปบน กับ Skyfall (2012) - รูปล่าง
- ความรู้สึกเทียบกับ SS1 ถ้าเทียบแล้ว ตัวผมยังรู้สึกชอบ SS1 มากกว่า ตรงที่ตอนที่เราดู SS1 เราได้สัมผัสถึง First Impression ความรู้สึกสดใหม่แบบไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นหนังสยองขวัญที่บาลานซ์กับดราม่าการเมืองอย่างลงตัว (ส่วนซีซั่นนี้โทนเอนไปที่การเมืองซะมากกว่า) รวมถึงตอนจบของ SS1 รู้สึกว่าพีคกว่าซีซั่นนี้
-
สรุป: คอนเซ็ปต์ซีซั่นนี้คือ ความพยายามในการปิดเรื่องราวที่คั่งค้างมา เพื่อเปิดประเด็นใหม่ เนื้อเรื่องใหม่ในซีซั่นถัดไป // เอาจริงก็ยังไม่รู้เลยว่า ซีซั่นถัดไปจะยังรักษาระดับความน่าสนใจของเรื่องราวได้เหมือนซีซั่น 1-2 มั้ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เพราะปมประเด็นสำคัญก็ถูกปิดไปจนหมดแล้ว
ก็ภาวนาให้ซีซั่นถัดไปยังคงคอนเซ็ปต์ซีรี่ส์ดราม่าการเมืองได้เหมือนเดิมโดยไม่เปลี่ยนโทนหรือเสียใจความสำคัญไปซะก่อน...
สุดท้ายนี้ ก็อยากแนะนำให้ทุกคนดูกัน ใครที่ยังไม่เคยดูซีซั่น 1 แนะนำให้ดูมาก่อน เพราะเนื้อเรื่องต่อกันเลย ถ้าไม่รู้ปมจากภาคที่แล้ว อาจจะไม่อินหรือไม่รู้เรื่องได้... Kingdom season 2 (2020) นี้จัดว่าเป็นซีรี่ส์คุณภาพไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง... สุดท้ายก็รอยาวๆ ไป เจอกันอีกทีปีหน้าในซีซั่น 3 !
____________________________
ป.ล. รบกวนใส่ Spoil ด้วยนะครับ หากมีการเปิดเผยเนื้อเรื่องภายในซีรี่ส์ ป้องกันคนที่ยังไม่ได้ดูเสียอรรถรส
ป.ล. 2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ
[Netflix] Kingdom season 2 (2020) : ปิดฉากเรื่องราวสำคัญจากซีซั่น 1 พร้อมขยายปมใหม่ในซีซั่นถัดไป
- Kingdom season 2 (2020) กำกับโดย Park In-je (EP 2-6) และ Kim Seong-hun ผู้กำกับจากซีซั่นแรก (EP1) ส่วนผู้เขียนบทก็คือ Kim Eun-Hee จากภาคที่แล้ว (แล้วก็เป็นผู้เขียน The Land of the Gods ด้วย ที่เป็น Based ของซีรี่ส์ Kingdom) [Wikipedia]
- เนื้อเรื่องย่อ: เรื่องราวต่อจากซีซั่นแรก องค์รัชทายาท ปักหลักสู้กับกองทัพซอมบี้ที่เมืองทงเร ขณะที่เสนาบดี โจ ฮักจู ก็สามารถขยายอำนาจของกลุ่มแฮโจวอนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความสับสนอลหม่าน ก็เกิดเหตุการณ์พลิกล็อคให้องค์ชายและพรรคพวกต้องกลับเข้าไปที่ฮันยางอีกครั้ง (เอาแค่นี้ละกัน มากกว่านี้จะเสียอรรถรส)
- จุดที่ผมประทับใจและเจ็บแสบที่สุดคือ บรรยากาศและประเด็นในเรื่องมันล้อกับโลกของเราตอนนี้เหลือเกิน ทั้งเรื่องโรคระบาด, ความอดอยาก, สงครามและความขัดแย้ง และที่สำคัญสุดคือ ปัญหาความเห็นแก่ตัวของผู้นำ / นักการเมือง เสียดสีได้ลึกและคมคาย (หลายซีนภาพประเทศไทยลอยมาเลย ไม่รู้ว่าได้ Inspiration มาหรือเปล่า)
- สรุป: คอนเซ็ปต์ซีซั่นนี้คือ ความพยายามในการปิดเรื่องราวที่คั่งค้างมา เพื่อเปิดประเด็นใหม่ เนื้อเรื่องใหม่ในซีซั่นถัดไป // เอาจริงก็ยังไม่รู้เลยว่า ซีซั่นถัดไปจะยังรักษาระดับความน่าสนใจของเรื่องราวได้เหมือนซีซั่น 1-2 มั้ย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ก็ภาวนาให้ซีซั่นถัดไปยังคงคอนเซ็ปต์ซีรี่ส์ดราม่าการเมืองได้เหมือนเดิมโดยไม่เปลี่ยนโทนหรือเสียใจความสำคัญไปซะก่อน...
สุดท้ายนี้ ก็อยากแนะนำให้ทุกคนดูกัน ใครที่ยังไม่เคยดูซีซั่น 1 แนะนำให้ดูมาก่อน เพราะเนื้อเรื่องต่อกันเลย ถ้าไม่รู้ปมจากภาคที่แล้ว อาจจะไม่อินหรือไม่รู้เรื่องได้... Kingdom season 2 (2020) นี้จัดว่าเป็นซีรี่ส์คุณภาพไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง... สุดท้ายก็รอยาวๆ ไป เจอกันอีกทีปีหน้าในซีซั่น 3 !
ป.ล. 2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากคุยหรือติดต่อกับผมนะครับ